เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 847
บทที่847 ช่างหน้าหนาเสียจริง
พี่หลินเห็นว่าเธอไม่อยากพูดออกมาให้มากมาย จำต้องล้มเลิกความตั้งใจเดิมไป
“ในเมื่อเธอไม่อยากพูด ฉันก็จะไม่ถามให้มันมากความแล้วกัน แต่สิ่งที่พี่หลินเคยบอกเอาไว้เธอจะต้องจำเอาไว้ด้วยล่ะ?”
หานมู่จื่อพยักหน้าออกไป “ฉันทราบค่ะ”
“เธอเคยรู้จักตระกูลยู่ฉือมาบ้างหรือเปล่า? รู้หรือเปล่าว่าตระกูลยู่ฉือเป็นตระกูลยังไง? พูดตามตรงเลยนะ นายท่านยู่ฉือได้ออกคำสั่งมา ให้ฉันจัดหาตำแหน่งงานอะไรก็ได้ให้คุณหนูตระกูลตวนมู่สักตำแหน่งนึง และตำแหน่งงานนั้นไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ได้ แต่ขอเพียงแค่ให้เธอได้อยู่ที่บริษัทในตำแหน่งที่สามารถใกล้ชิดท่านประธานได้ก็เป็นพอ”
พูดจบ พี่หลินก็ได้หยุดชะงักไปเล็กน้อย “เมื่อกี้ตอนที่ฉันพูดเรื่องนี้กับท่านประธานเธอก็คงจะอยู่ในห้องทำงานด้วยล่ะมั้ง งั้นบอกเธอตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เธอคงเข้าใจความหมายที่พี่หลินได้พูดออกไปเมื่อกี้นี้แล้วล่ะมั้ง?”
ไม่รอให้หานมู่จื่อตอบอะไรออกมา พี่หลินก็ได้อธิบายออกมาอีกครั้ง “นายท่านยู่ฉือถูกใจตวนมู่เสว่มาก ต้องการจะจับคู่เธอกับหลานชายของเขา ดังนั้นแล้วเธอ…”
เมื่อพูดมาจนถึงตรงนี้แล้วเธอก็ได้ย่นคิ้วออกมา อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจออกไป “ความรักที่ไม่ได้รับคำอวยพรจากผู้ใหญ่ มันคงยากที่จะยืนยาวได้”
คำพูดของพี่หลินล้วนแล้วแต่จะหวังดีต่อเธอทั้งนั้น หานมู่จื่อรู้ดี เธอกุมมือพี่หลินเอาไว้พร้อมเอ่ยออกไปนิ่งๆ
“ขอบคุณพี่หลินนะคะ ขอบคุณที่เตือนฉันมากมาย แต่พี่วางใจได้เลย เรื่องพวกนี้ฉันได้คิดเอาไว้แล้ว ฉันรู้ว่าเส้นทางของฉันควรจะเดินต่อไปยังไง ฉันเองก็ทำได้เพียงเดินไปบนทางเส้นนี้ เพราะฉันเข้าบริษัทได้ไม่นาน แล้วยังพัฒนาความสัมพันธ์กับเขาได้รวดเร็วอย่างนั้นอีก พี่ไม่คิดว่าฉันเป็นพวกคนจำพวกเอาดีไม่ได้สักอย่าง แต่กลับเชื่อมั่นในตัวฉันอย่างนี้ ขอบคุณจริงๆค่ะ”
ถึงอย่างไรทุกคนก็จะต้องคิดอย่างนั้นกันแน่ ถ้าเธอเข้าบริษัทได้ไม่นานก็คบกับเย่โม่เซินแล้วล่ะก็ อย่างนั้นแล้วก็จะคิดกันไปว่าเธอเข้าบริษัทมาก็เพื่อหวังจะจับคนรวย
แต่พี่หลินกลับไม่ได้มองเธออย่างนั้น แต่กลับเอ่ยพูดออกมาด้วยความจริงใจมากมาย
“เธอคิดดีแล้วก็ดี ส่วนเรื่องที่เธอเป็นคนยังไง พี่หลินอายุปูนนี้แล้ว ก็ต้องมีสายตามองคนที่เฉียบแหลมหน่อยสิ”
พี่หลินมองออกว่าเธอเข้าบริษัทมาเพราะท่านประธาน แต่ดูท่าทางของเธอแล้วกลับดูไม่เหมือนคนที่เข้ามาจับคนรวยเลย แต่กลับเหมือนกับน้ำท่วมปากพูดอะไรออกมาไม่ได้ บางครั้งเธอก็ยังคิดว่าตนคิดมากเกินไปหรือเปล่า
แต่ในหลายๆคนที่เข้ามานั้น ก็มีเพียงหานมู่จื่อที่ให้ความรู้สึกอย่างนั้นกับเธอ
โดยเฉพาะสายตาที่เธอมองยู่ฉือเซินก่อนหน้านี้
“เอาล่ะ ในเมื่อเธอก็ตัดสินใจดีแล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ถึงอย่างไรก็นะ…ฉันก็ยุ่งอะไรเรื่องของพวกเธอไม่ได้อยู่แล้ว”
พี่หลินลุกขึ้น จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จิ้มลงไปบนแก้มขาวเนียนของหานมู่จื่อด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม
“ถ้าสุดท้ายแล้วพวกเธอสามารถอยู่ด้วยกันสำเร็จ ก็อย่าลืมเชิญฉันดื่มเหล้ามงคลด้วยล่ะ และฉันก็อยากได้อั่งเปาซองใหญ่ๆด้วย เพราะถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนพาเธอเข้าบริษัทมา”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา บรรยากาศระหว่างพวกเธอทั้งสองคนผ่อนคลายลงทันที หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มออกมา “ได้เลยค่ะ ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น ถึงตอนนั้นจะเชิญพี่มาดื่มเหล้ามงคลแน่ค่ะ”
หลังจากที่ทั้งสองคนตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานของตน
ในช่วงสายๆตวนมู่เสว่ก็มาที่บริษัท เนื่องจากเธอได้รับสายของยู่ฉือจิน ได้โทรมาบอกว่าได้จัดการเรื่องที่บริษัทให้เธอแล้ว ให้เธอมาหาเลขาของยู่ฉือเซินได้เลย เลขาของเขาจะจัดการมอบหมายงานให้เธอเอง
ดังนั้นแล้วตวนมู่เสว่จึงเดินเข้าบริษัทตระกูลยู่ฉือมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนไปเธอก็ได้จัดแต่งตัวให้ดูดีอีกรอบ เลือกลิปสติกอายแชโดว์เบอร์ที่เธอชอบที่สุด
สิ่งที่ผู้หญิงมักจะคาดหวังมากที่สุดก็คืออยากจะโชว์ด้านที่ดูดีที่สุดของตัวเองให้คนที่ชอบได้เห็น ตวนมู่เสว่เองก็เป็นผู้หญิงอย่างนั้นเช่นเดียวกัน
หลังจากที่เธอมาถึงบริษัทแล้วนั้น เมื่อหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เห็นเธอ ก็ไม่ได้สกัดขวางไม่ให้เธอขึ้นไปชั้นบน เนื่องจากทางพวกเธอก็ไม่ได้ทราบข่าวอะไรมา
เพียงแต่หลังจากที่เห็นตวนมู่เสว่เข้าลิฟต์ไปนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปพูดกับเพื่อนประชาสัมพันธ์สาวที่อยู่ข้างกัน “เธอว่าคนเหมือนกัน แต่ทำไมบางคนถึงได้โชคดีจังเลย ไม่เพียงแต่จะมีชาติกำเนิดที่ดี หน้าตาก็ยังสวยอีก คนที่จะได้คบก็ยังสุดยอดเสียขนาดนั้นอีก?”
ผู้หญิงคนที่ได้ยินเธอพูดออกมาก็ได้มองเธอเล็กน้อย พร้อมเอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจ “คนสมบูรณ์แบบก็ต้องคู่กับคนสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว มีอะไรน่าแปลกกัน? ถ้ามีคนที่เพอร์เฟคมากๆไปคบอยู่กับคนที่ทำอะไรก็ไม่เป็น ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างสิถึงจะแปลกน่ะ”
พนักงานประชาสัมพันธ์สาวเมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับว่าเธอพูดออกมาได้ถูกต้อง
คนเพอร์เฟคก็จะต้องคู่กับคนเพอร์เฟคเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“ถ้ารู้สึกไม่พอใจ งั้นเธอก็พยายามเข้าล่ะ เล่นสนุกให้น้อยแล้วทำเรื่องสลักสำคัญให้มากหน่อยเพื่อมาเพิ่มพูนความสามารถตัวเองให้มากขึ้น หลังจากที่เธอทำให้ตัวเองยอดเยี่ยมได้แล้ว หลังจากนั้นเพื่อนที่อยู่รอบๆตัวเธอก็จะค่อยๆถูกแทนที่ด้วยคนที่ยอดเยี่ยม เมื่อถึงตอนนั้นเธออยากจะคบกับคนยอดเยี่ยมสักคนมันจะไม่ง่ายดายเชียวหรอ?”
หญิงสาวเอ่ยออกมาอีก ประชาสัมพันธ์สาวจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยออกมา แต่เพียงไม่นานก็รับรู้ได้ถึงสิ่งที่ทะแม่งๆขึ้นมา เธอหรี่ตามองไปยังคนที่อยู่ข้างๆ “ทำไมเธอถึงรู้มากขนาดนี้กันเนี่ย?”
หญิงสาวเอาลูกอมเข้าปากไปด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม “อ่านมาจากเวยปั๋วไง”
ประชาสัมพันธ์สาว “…”
ถือเสียว่าเธอไม่ได้ถามแล้วกัน เหอะๆ
ถ้าเธอไม่อาจคิดมากมายได้ ต่างก็เป็นพนักงานประชาสัมพันธ์เหมือนกัน เลิกงานต่างก็ไปเที่ยวสถานบันเทิงต่างๆเหมือนกัน วันเสาร์อาทิตย์นอกจากนอนก็กิน ไม่มีอะไรที่จะทำเป็นจริงเป็นจังเลยสักอย่าง อีกทั้งยังเป็นคนที่แยกแยะเวลาทำงานกับเวลาพักไม่ได้อีก!
จะสามารถคาดหวังอะไรกับเธอได้?
หลังจากที่ตวนมู่เสว่ขึ้นมาชั้นบน ก็ได้เดินไปพี่หลินที่ห้องเลขาทันที
แต่โชคไม่ดีที่ตอนที่เธอไปถึงนั้นพี่หลินก็เพิ่งจะออกไปพอดี ภายในห้องเลขาจึงมีเพียงหานมู่จื่อที่กำลังจัดเอกสารเงียบๆอยู่เพียงคนเดียว
ตวนมู่เสว่ยืนอยู่ตรงด้านหน้าห้องเลขา มองคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาตั้งใจทำงานด้านในคนนั้น
หานมู่จื่อสวมเสื้อชีฟองสีฟ้าเรียบๆตัวหนึ่ง ส่วนท่อนล่างนั้นก็ได้สวมกางเกงยีนสีฟ้าตามใจตัวเองมาตัวนึงเพียงเท่านั้น เส้นผมดำสลวยยาวถึงเอวไม่ได้มีการจัดทรงอะไร มีการมัดผมหางม้าไปด้านหลังอย่างลวกๆ
ดูยังไงก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนนึง
แต่ทำไมผู้หญิงอย่างนี้ ถึงได้ดึงดูดวิญญาณความรู้สึกของพี่เซินไปได้? เธอมีเวทมนตร์อะไรกันแน่?
หันกลับมามองตัวเองอีกที ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่สวม ก็ล้วนแล้วแต่จะใช้ของที่ดีที่สุดทั้งนั้น
ส่วนเรื่องหน้าตา เธอก็คิดว่าเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าหานมู่จื่อเลย แต่ทำไมพี่เซินถึงไม่ยอมมองเธอบ้างเลย?
ยิ่งคิด ภายในใจของตวนมู่เสว่ก็ยิ่งโมโหขึ้นมา มือที่แนบอยู่ข้างลำตัวกำแน่นออกมา
พอดีกับในตอนนี้ที่หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมาเหลือบมองมาทางนี้อย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปอีกครั้ง แต่เพียงไม่นานก็รับรู้ถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเงยหน้าขึ้นไปอีกครั้ง
สายตาของทั้งสองคนสบเข้าหากันในอากาศ
ตวนมู่เสว่?
เห็นตวนมู่เสว่ปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่ หานมู่จื่อก็ได้ตื่นตกใจขึ้นมาเป็นอย่างแรก แต่เพียงไม่นานก็เรียกสติกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งคำพูดที่พี่หลินบอกกับเธอก่อนหน้านี้เธอก็ยังจำมันได้
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าตวนมู่เสว่จะมาเร็วขนาดนี้ อีกทั้งดูจากสภาพของเธอก็คือได้ผ่านการแต่งเนื้อแต่งตัวมาอย่างดิบดีนั้นอีก
สบตากันเงียบๆอย่างนี้กันอยู่สักพัก จู่ๆตวนมู่เสว่ก็แสยะยิ้มออกมา พร้อมก้าวเดินเข้าไปข้างหน้า
“ก่อนหน้านี้ฉันประเมินค่าเธอต่ำไปจริงๆ นึกไม่ถึงว่าเธอจะตามหาที่นี่จนเจอ ทั้งยังแอบเข้ามาอยู่ในบริษัทนี้อย่างเงียบๆ แอบมาแฝงตัวเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเขา เขาจำเธอไม่ได้แล้ว ไม่คิดว่าเธอจะยังหน้าด้านอยู่ที่นี่อีก หนังหน้าช่างหนาเสียจริงนะ”