เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 869
บทที่ 869 ตามฉันมา
สีหน้าของตวนมู่เสว่ซีดไปทันที คิดไม่ถึงเลยว่าเย่โม่เซินจะพูดตรงกับหล่อนเช่นนี้ ทำให้หล่อนรู้สึกลำบากใจขึ้นมา
หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ: “พี่เซิน…ขอโทษ ฉันไม่ได้อยากใช้วิธีนี้เพื่อขอร้องให้คุณแต่งงานกับฉัน เรื่องแต่งงานเป็นการตัดสินใจของผู้ใหญ่ ตอนแรกฉันคิดว่าพี่เซินจะยอมตกลง”
“งั้นตอนนี้เธอก็รู้ไว้ซะ ต่อไปอย่ามายุ่งกับฉันอีก” น้ำเสียงของเย่โม่เซินเย็นชา ไร้ซึ่งความรู้สึกและอารมณ์ แม้แต่ความสงสารเอ็นดูก็ไม่มีเลยสักนิด
สีหน้าของตวนมู่เสว่ซีดเซียว หล่อนกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น แววตากลับแดงขึ้นมา หล่อนคิดว่า…อย่างน้อยเย่โม่เซินจะสงสารหล่อนบ้าง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…เขากลับไร้อารมณ์ขนาดนี้
เมื่อคิดถึงตอนนี้ ตวนมู่เสว่เงยหน้าขึ้นมองเขา
แสงและเงาตรงทางเดินส่องสว่างสลับไปมา เงาของชายสูงใหญ่ตกกระทบภายใต้แสงสว่างนั้น สะท้อนให้เห็นใบหน้าอันหล่อเท่ห์ที่ลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่รู้ว่าเป็นข้ออ้างหรืออะไร แม้ว่าจะปฏิเสธหล่อนด้วยความเย็นชาขนาดนี้ แต่ตวนมู่เสว่ยังคงรู้สึกว่าการกระทำและคำพูดทุกอย่างของเขาเป็นการใส่ใจหล่อน
“พี่เซิน ฉันรู้ดี สิ่งที่พูดฉันเข้าใจทุกอย่าง ดังนั้น..วันนี้ที่ฉันมาที่บ้านยู่ฉือเพราะอยากพูดกับคุณให้เข้าใจ แต่ที่นี่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา คุณเข้าไปคุยด้านในได้ไหม?”
หล่อนก้มหน้ามองลง กัดฟันพูดขึ้น: “ฉันไม่อยากให้คนอื่นเห็น”
เย่โม่เซินเม้มปาก มองเข้าไปในห้องด้านหลังหล่อน คิดถึงเรื่องวันนั้นในห้องทำงานที่จู่ๆหล่อนโผเข้ากอด หัวเราะเย้ย: “ผมว่า ผมพูดชัดเจนมากแล้วนะ”
“พี่เซิน แต่ฉันยังอยากอธิบายให้พี่ฟัง” ตวนมู่เสว่เงยหน้าขึ้น เห็นหน้าผากของเย่โม่เซินเต็มไปด้วยเหงื่อ หล่อนปลดปกคอเสื้ออกอย่างไม่สนใจ เผยให้เห็นไหล่อันขาวนวล
ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ฤทธิ์ของยาน่าจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วล่ะ
เมื่อคิดถึงตอนนี้ สายตาของตวนมู่เสว่มองด้วยความมีเลศนัยทันที
ขอเพียงแค่ยาออกฤทธิ์ และหล่อนยั่วยวนเขาสักหน่อย เรื่องที่เหลือก็จะง่ายขึ้นมาทันที ถึงตอนนั้นทั้งสองนอนด้วยกัน และหล่อนจะถ่ายรูปนำไปส่งให้หานมู่จื่อด้วยตัวเอง ไม่มีทางเชื่อว่าหล่อนจะไม่ตายใจ
รอให้หล่อนตายใจ เย่โม่เซินก็จะตกเป็นของหล่อน
ยิ่งคิด ตวนมู่เสว่ก็ยิ่งสะใจมากขึ้น จนเอ่อล้นไปทั้งแววตาและใบหน้า
เหงื่อบนหน้าผากของเย่โม่เซินยิ่งออกยิ่งเยอะ ในสภาวะอากาศหนาวขนาดนี้ เขากลับรู้สึกร้อน และยังไวมากอีกด้วย ตอนแรกเขาคิดว่าเจอตวนมู่เสว่แล้วตัวเองโมโหมาก จึงรู้สึกร้อนไปทั้งตัว
แต่นานๆเข้า เย่โม่เซินกลับรู้สึกผิดปกติขึ้นมา
อาการร้อนวูบวาบแบบนี้เป็นขึ้นมาจากท้อง ทะยานขึ้นมาบนไหล่อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นผู้หญิงตรงหน้าก็เปิดไหล่อันขาวนวลออกมา
ตวนมู่เสว่ค่อยๆเข้าใกล้เขาทีละก้าว: “พี่เซิน พี่มองฉันสิ…”
เย่โม่เซินเบี่ยงสายตาออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นหันหลังจะเดินออกไป ตวนมู่เสว่ร้อนใจ โผเข้ากอดเขาทันที: “อย่าหนีไปไหน พี่เซิน พี่ดูฉันหน่อยได้ไหม? แค่นิดเดียว นิดเดียวก็พอแล้ว ฉันไม่ด้อยไปกว่าหล่อนแน่นอน สิ่งที่หล่อนมีฉันก็มีทั้งหมด พี่หันมามองฉันได้ไหม?”
มือของหล่อนออกแรงกอดเอวเขาไว้ ร่างกายอันนุ่มและบอบบางของหล่อนเบียดเข้าใกล้เย่โม่เซินไม่หยุด
แม้ว่าตอนนี้เย่โม่เซินจะรู้ว่าร่างกายของตัวเองผิดปกติแล้ว แต่สติเขายังคงดีอยู่ หลังจากตวนมู่เสว่เอาตัวเข้ามาแนบชิดติดเขา เขาไม่เพียงแต่ไม่ได้รู้สึกดี แต่กลับรู้สึกรำคาญมากขึ้น
“ออกไป!”
เขาตวาดใส่หล่อน รังสีอำมหิตแผ่ซ่านไปรอบตัวจนทำให้ตวนมู่เสว่ตัวสั่น แต่ไม่นานนักหล่อนก็เขามากอดเอวของเย่โม่เซินอีกครั้ง
หล่อนมีโอกาสลงมือแค่เพียงครั้งเดียว ต้องสำเร็จเท่านั้น จะล้มเหลวไม่ได้
ดังนั้นหล่อนจึงออกแรงเยอะมาก หล่อนรู้ดีว่าถ้าคืนนี้ไม่สำเร็จ ต่อไปก็จะไม่มีโอกาสอะไรแล้ว
ตอนนี้ยาเพิ่งจะออกฤทธิ์ เขายังมีสติไล่ให้ตัวเองออกไป
หากรออีกสักพัก ให้ฤทธิ์ของยาออกมากว่านี้ จนทำให้สติเขาเลอะเลือน ผู้ชายตรงหน้าก็จะหลงเหลือเพียงแค่ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณเท่านั้น
เมื่อครุ่นคิดถึงตอนนี้ สายตาของตวนมู่เสว่ก็ตื่นเต้นจนแดงก่ำ
หล่อนต้องอดทนเข้าไว้ ผ่านคืนนี้ไป หล่อนก็จะได้อยู่กับเย่โม่เซินตราบนานเท่านาน ไม่มีใครมารบกวนพวกเขาอีก
หน้าผากของเย่โม่เซินย่นเข้าหากัน รู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นกอดเขาอยู่ตลอด เขาหรี่ตาลง จับมือของหล่อนที่เอว จากนั้นสะบัดออก
ไม่รู้ว่าเขาออกแรงไปมากเท่าไหร่ แต่ผู้หญิงคนนี้ต่ำช้าจนวางยาเขา งั้นก็อย่ามาหาว่าเขาไม่เกรงใจแล้วกัน
ผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังกรีดร้องดัง เย่โม่เซินไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไป รีบลงบันไดไปทันที
ตวนมู่เสว่คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะถูกสะบัดออกไป หัวของหล่อนกระทบกับผนังด้านข้างอย่างจัง เจ็บปวดจนเวียนหัวไปหมด กว่าจะตั้งสติขึ้นมาได้ กำลังคิดจะเข้าไปหาเย่โม่เซินอีกครั้ง ที่ตรงนั้นกลับไม่มีเงาของเย่โม่เซินอีกแล้ว
*
เฉียวจื้อรออยู่หน้าประตูบ้านยู่ฉือนานสักพักใหญ่ มองเข้าไปดูเหมือนไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร เวลาผ่านไปแล้วผ่านไปเล่า
คิดคำนวณเวลาดูแล้ว ดูเหมือนว่ายู่ฉือเซินจะเพิ่งเข้าไปได้ไม่นาน แต่ทำไมจึงไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยล่ะ
เมื่อคิดถึงว่าพี่สะใภ้กำลังรอเขาอยู่ เฉียวจื้อก็นั่งไม่ติดแล้ว เปิดประตูรถออกมาเตรียมจะเข้าไปดูสถานการณ์ในบ้านยู่ฉือ ถ้ามีเรื่องผิดปกติ เขาจะชิงตัวเขามาทันที
เฉียวจื้อเพิ่งจะลงจากรถ ก็เห็นเงาของคนสูงใหญ่เดินตรงเข้ามาหาตัวเอง
คิ้วขมวด หน้าตาดี นั่นคือยู่ฉือเซินไม่ใช่เหรอ?
“ให้ตายสิ ในที่สุดนายก็ออกมาแล้ว ฉันคิดว่าคืนนี้นายจะไม่ออกมาแล้วซะอีก”
เขาพูดพลาง เดินเข้าไปใกล้ เฉียวจื้อสังเกตเห็นว่าสายตาและสีหน้าของผู้ชายตรงหน้าผิดปกติ หน้าผากของเขามีเหงื่อไหลลงมาไม่หยุด และปากที่เม้มอยู่ตลอดราวกับกำลังอดทนกับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานอยู่
“นะ…นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เฉียวจื้อมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่กลับไม่เห็นว่าเขามีบาดแผลอยู่ และไม่มีร่องรอยอะไร แต่ทว่า…ท่าทางความอดทนของเขา เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ปากอันซีดเซียวของเย่โม่เซินขยับขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “พาฉันออกไปจากที่นี่”
เฉียวจื้อตั้งสติขึ้นมา พยักหน้าลง: “ขึ้นรถ”
อีกด้านหนึ่ง หานมู่จื่อพลิกตัวไปมาบนเตียงอยู่นาน แต่กลับไม่ได้รับข้อความจากเฉียวจื้อ ผ่านไปครึ่งคืนแล้ว ทำไมถึงไม่มีข่าวคราวอะไรเลย?
คิดไปคิดมา หานมู่จื่อลุกขึ้น กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปดู แต่มือของหล่อนยังไม่ทันได้หยิบเสื้อคลุม เสียงกริ่งก็ดังขึ้น
ความคิดแรกของหล่อนคือเย่โม่เซินกลับมาแล้ว
รอทั้งคืนจนร้อนใจไปหมด หล่อนไม่สนใจเรื่องเสื้อคลุมแล้ว รีบวิ่งเท้าเปล่าวิ่งออกไปจากห้อง
ห้องชุดมีประตูกันขโมย เมื่อหานมู่จื่อเห็นว่าหน้าประตูคือเฉียวจื้อและเย่โม่เซิน หล่อนรีบเปิดประตูให้พวกเขาเข้ามาทันที
“พี่สะใภ้!”
เฉียวจื้อประคองเย่โม่เซินเข้ามา เมื่อเข้ามาก็ถามว่า “ห้องน้ำอยู่ที่ไหน?”
หานมู่จื่อตกใจตะลึง เพิ่งจะเข้ามาถามหาห้องน้ำทำไมกัน? แต่เมื่อเห็นสภาพของเย่โม่เซิน หานมู่จื่อแทบจะหยุดหายใจทันที หล่อนรีบปิดประตู หันหลัง: “ตามฉันมา”