เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 881
บทที่881 ยู่ฉืออาน
น่าเสียดายที่ในที่สุดแล้วยู่ฉือจินก็ไม่ได้เรียกให้เย่โม่เซินกลับมาอีก ร่างของเย่โม่เซินหายไปจากสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ตรงหน้าสายตาของเขาจะว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นอีก
ยู่ฉือจินโกรธมากจนหน้าอกขยับขึ้นและลงอย่างรุนแรง เหมือนกับคนที่กำลังจะป่วยยังไงยังงั้น
หยูโปทำได้แค่ยื่นมือออกไปพยายามทำให้เขาใจเย็นลง แล้วพยายามห้ามปรามเบาๆ “นายท่าน อย่าโกรธไปเลยนะครับ ทำไมท่านต้องหาเรื่องให้ตัวเองด้วยล่ะครับ? ”
“หยูโป แกว่าไอ้เจ้าเด็กคนนี้มันปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม? มาอกตัญญูกับฉันแบบนี้ แค่เพื่อผู้หญิงคนเดียวงั้นเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นมีเสน่ห์อะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้? ”
ประโยคนี้ทำให้หยูโปรู้สึกเก้อเขิน กระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่เขาก็ยังฝืนตัวเองให้พูดว่า “ให้พูดความจริงไหมครับ? ”
“ว่ามาเลย! ”
“ถ้ายังงั้นผมขอพูดหน่อยนะครับ คุณชายเซินเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามเขาก็ต้องมีความคิดและการตัดสินใจเป็นของตัวเอง ที่เขาไม่เชื่อฟังคำสั่งของนายท่าน มันไม่ใช่เพราะว่าเขาปีกกล้าขาแข็ง แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องการ นายท่านก็ขัดขวางเขาตลอด”
ยู่ฉือจิน:“……”
“จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ นายท่านไม่ใช่คนที่เลี้ยงเขามาจนโต เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับนายท่าน แล้วอีกอย่าง เรื่องนี้จริงๆ แล้วนายท่านก็ใจแคบเกินไปจริงๆ ”
“แกว่าไงนะ? ” ยู่ฉือจินถลึงตาใส่หยูโปด้วยความไม่พอใจ “นี่แกบอกว่าฉันใจแคบยังงั้นเหรอ? หยูโป หรือว่าแกอยู่กับฉันมานานเกินไป ก็เลยรู้สึกว่าจะพูดอะไรก็ได้ยังงั้นเหรอ? ”
หยูโปส่ายหน้าอย่างไม่มีทางเลี่ยง “ผมก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเองครับ”
“ช่างเถอะ! ”ยู่ฉือจินก็เถียงเขาไม่ได้จริงๆ ก็เลยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ไปดูหน่อยว่าเจ้าเด็กเสี่ยวเสว่นั้นเป็นยังไงบ้าง ฉันอยากจะเห็นการแสดงออกของเด็กนั้น ว่าหลังจากที่ทำเรื่องพวกนั้นไปแล้ว เธอคิดยังไงบ้าง”
*
ภายในห้อง
ตวนมู่เสว่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาแดงก่ำ ก่อนหน้านี้เธอร้องไห้มานานมาก ร้องไห้จนปวดตาไปหมด
พอยู่ฉือจินกับหมอออกไปแล้ว เธอถึงได้เช็ดน้ำตา แล้วก็มีเวลาได้พักผ่อน
แต่ว่าพอหลับตา ในหัวก็มีแต่ภาพเหตุการณ์ที่ตัวเองสั่งให้คนใช้วางยาเย่โม่เซิน ตอนนี้เย่โม่เซินกลับมาแล้ว ถ้าเกิดว่าเขายังอยากรักษาหน้าตาของตัวเองไว้ก็ไม่น่าจะพูดเรื่องนี้หรอก
แต่ว่า ถ้าเกิดว่าเขาไม่ต้องการไว้หน้าล่ะ?
พอคิดได้แบบนี้ ตวนมู่เสว่ก็ลืมตาขึ้นมาทันที ปรากฏให้เห็นความหวาดกลัวในสายตาของเธอ
แต่ว่าเธอก็กลับมาสงบได้อย่างรวดเร็ว ต่อให้เย่โม่เซินพูดออกมาอย่างไม่ไว้หน้า แต่ว่าเขาก็ไม่มีหลักฐานว่าเธอเป็นคนวางยา คนใช้ก็รับเงินจากเธอไปแล้ว แล้วเธอก็ยังให้คนมาพาตัวเธอออกไปแล้ว จนถึงตอนนั้นเธอก็แค่ต้องยื้อให้ตายยังไงก็ไม่ยอมรับก็เท่านั้นเอง
ขอแค่ไม่มีหลักฐาน ต่อให้พวกเขาสงสัย ก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้หรอก
ตวนมู่เสว่หลับตาลงอย่างสบายใจ แล้วก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
แต่ว่าเหมือนกับว่าเธอพึ่งจะนอนไปได้ไม่นานเท่าไหร่ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ตวนมู่เสว่ยังคงสะลึมสะลืออยู่ นึกว่าตัวเองได้ยินผิดไป
แต่ว่าหลังจากนั้นเสียงก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ตวนมู่เสว่ถึงได้ตื่นขึ้นมา แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เธอรีบถามออกมาทันที “ใคร? ”
เสียงเคาะประตูถึงได้หยุดลง หลังจากนั้นก็มีเสียงของยู่ฉือจินดังเข้ามาจากด้านนอก
“เสี่ยวเสว่ ปู่เอง”
ปู่ยู่ฉือเหรอ?
ตวนมู่เสว่อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็รีบพูดว่า “คุณปู่ เข้ามาได้เลยค่ะ”
หลังจากเปิดประตูแล้ว ยู่ฉือจินก็ถือไม้เท้าเข้ามา ไม่รู้ว่าทำไม ตวนมู่เสว่รู้สึกเหมือนกับว่าบรรยากาศจากตัวเขาแตกต่างจากตอนที่เขาออกไปเมื่อกี้
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“คุณปู่? ” ตวนมู่เสว่เรียกเขาด้วยความสงสัย
“อืม”
ยู่ฉือจินพยักหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามปิดบังตัวเองอย่างมาก แต่พอนึกถึงว่าสาวน้อยที่เขาเลือกจะวางยาหลานชายของตัวเอง ทำเรื่องที่น่ารังเกียจแบบนี้ มันทำให้ทัศนคติของตวนมู่เสว่เปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้
เพราะฉะนั้นท่าทางที่มีต่อเธอนั้นก็เลยเย็นชาลงเล็กน้อย แต่พอนึกถึงสถานการณ์ของทั้งสองครอบครัวแล้ว เขาก็พูดออกมาว่า “เรื่องแผลที่หน้าผากของหนู ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ ในเมื่อยู่ฉือเซินทำร้ายหนูจนเป็นแบบนี้ ยังไงตระกูลยู่ฉือของฉันก็ต้องรับผิดชอบจนถึงที่สุดอยู่แล้ว รอให้หนูใกล้หายเมื่อไหร่ ฉันจะหาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาแผลเป็นให้หนูเอง รับรองว่าต้องเหมือนเดิมแน่”
ตวนมู่เสว่ฟังแล้วรู้สึกมึนงง เรื่องพวกนี้……ก่อนหน้านี้เขาก็พูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ?
ทำไมถึงมาที่ห้องของเธอแล้วพูดเรื่องเดิมอีกล่ะ?
หรือว่า เขารู้อะไรมางั้นเหรอ?
ตวนมู่เสว่รู้สึกผิดเล็กน้อย แล้วก็กลัวมากด้วย ถ้าเกิดว่าปู่ยู่ฉือเชื่อเรื่องนี้ล่ะก็ ถ้ายังงั้นต่อไปนี้เธอ……เขายังจะสนับสนุนเธออยู่อีกไหม?
พอคิดแบบนี้ ตวนมู่เสว่ก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “ปู่ยู่ฉือ เมื่อกี้พี่เซินพูดอะไรเหรอคะ? เขา……เกลียดหนูมากเลยใช่ไหม ตอนนี้หนูได้รับบาดเจ็บ เขาต้องไม่มีวันคบกับหนูแน่นอน”
ยู่ฉือจินเห็นท่าทางที่น่าสงสารของเธอ แล้วกลับมานึกย้อนถึงเรื่องพวกนั้นที่เธอทำ ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ตวนมู่เสว่เห็นสถานการณ์ดังนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาทันที “ถ้ายังงั้น……ชีวิตของหนูจะมีความหมายอะไร? ฮือๆ ……”
พอเห็นว่าเธอร้องไห้ ยู่ฉือจินก็เริ่มใจอ่อน ไม่ว่าจะพูดยังไงเขาก็เห็นเธอแต่เด็กแต่เล็ก เขาชอบสาวน้อยเสี่ยวเสว่คนนี้จริงๆ อยากจะให้เธอมาเป็นหลานสะใภ้ของตัวเอง
ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีโอกาส ตอนนี้มีโอกาสแล้ว……เขาถึงได้พยายามเพื่อให้ได้มาขนาดนี้ แต่ไม่คิดเลยว่า มันจะเกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้
“เอาเถอะเสี่ยวเสว่ ไม่ต้องทุกข์ใจไปหรอก ก่อนหน้านี้ที่คุณปู่ยู่ฉือ ปู่ยู่ฉือเคยรับปากหนูไว้ มันจะไม่มีวันเปลี่ยน วางใจเถอะ ต่อไปพื้นที่ข้างๆ อาเซินจะเป็นของหนู”
ตวนมู่เสว่ได้ยินดังนั้น ถึงได้เปลี่ยนจากร้องไห้เป็นยิ้มแทน เธอพยักหน้าอย่างสบายใจ
เธออ้าปาก กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันได้นั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ชิ ตาเฒ่า พอคนนอกขอร้องก็รับปากทันทีเลยเนอะ”
เสียงที่สะอาดและไพเราะน่าฟัง แต่เต็มไปด้วยความเอาแต่ใจดังขึ้นมาจากทางหน้าประตู
ตวนมู่เสว่กับยู่ฉือจินอึ้งไปพร้อมกัน แล้วก็มองไปยังประตู
ผู้หญิงร่างสูง สวมใส่เสื้อคลุมสีแดงยืนอยู่ตรงนั้น มุมปากมีรอยยิ้มถากถาง แม้แต่สายตายังเต็มไปด้วยการดูถูก
เพราะว่าจะมาหายู่ฉือจิน ดังนั้นส้งอานก็เลยจงใจเลือกใส่เสื้อคลุมสีแดง แล้วก็แต่หน้าหนาๆ บวกกับลิปสติกสีเบอร์รี่ ผมยาวๆ ถูกมัดรวบไว้ สวมใส่รองเท้าส้นสูง บรรยากาศตรงนั้นกลายเป็นดุดันและรุนแรงในทันที
เธอรู้ว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ เพราะฉะนั้นพลังอำนาจของเธอจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด
ตอนนี้เธอยืนอยู่หน้าประตู พอเห็นทั้งสองคนมองมาที่ตัวเองอย่างอึ้งๆ นั้น ส้งอานก็รู้ทันทีว่าตัวเองทำสำเร็จแล้ว
เธอเบ้ปาก เหยียบรองเท้าส้นสูงและเดินเข้ามา รองเท้าส้นสูงกระแทกพื้นเสียงดังเป็นจังหวะ เสียงแล้วเสียงเล่า เหมือนกับเหยียบลงที่หัวใจของยู่ฉือจินยังไงยังงั้น
ดวงตาสีขุ่นของเขาจ้องไปที่ส้งอานนิ่ง ไม่กล้าละสายตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ริมฝีปากของยู่ฉือจินสั่นเล็กน้อย เขานึกว่าตัวเองมองผิดไปแล้ว แต่ว่า……เสียงเมื่อกี้คือเสียงของเธอจริงๆ
อานอาน……
ลูกสาวของเขา……
หลายปีขนาดนี้แล้ว เธอหลีกเลี่ยงที่จะพบเขา และก็ไม่เคยกลับมาเยี่ยมเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้แต่ประโยคทักทายก็ไม่มี
เขานึกว่า ตลอดชีวิตนี้ตัวเองคงจะไม่ได้เจอหน้าลูกสาวของตัวเองอีกแล้ว
ไม่คิดเลยว่า……
ส้งอานไม่ใช่ว่าไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของยู่ฉือจิน แต่เธอแค่ขี้เกียจที่จะสนใจ เธอเหยียบรองเท้าส้นสูงและมาหยุดอยู่ตรงหน้าของตวนมู่เสว่อย่างรวดเร็ว
“ถ้าชีวิตไม่มีความหมาย ถ้ายังงั้นเธอก็ไปตายไป ร้องไห้ให้ใครดูงั้นเหรอ?