เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 905
บทที่905 บรรลุข้อตกลงร่วมกัน
เซียวซู่คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ และไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงคิดว่าเขามาเพื่อขัดขวางเธอกัน
หรือว่าจะเป็นเพราะว่าคำพูดทำร้ายจิตใจที่เขาเคยพูดก่อนหน้านี้ ทำให้เธอเกิดกำแพงป้องกันเขาขึ้นมา ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพูดยังไง เธอก็ยังไม่ไว้วางใจเขาอยู่ดี
พอคิดได้แบบนี้ เซียวซู่จึงยิ้มแห้ง เพื่อให้เขาดูไม่น่ากลัวเกินไป
ไม่ยิ้มยังพอจะได้ พอยิ้มออกมา ทำให้รอยแผลเป็นบนหน้าย่นเข้าหากัน เธอรีบพูดขึ้นมา “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”
เซียวซู่เห็นสีหน้าหวาดกลัวของเธอ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน เขาชะงักไปสักพัก และเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงยกมือขึ้นมาลูบรอยแผลเป็นบนหน้าของตัวเอง “ทำให้คุณตกใจเหรอครับ”
พอพูดจบ เขาก็หุบยิ้ม สีหน้าของเขาเคร่งขรึม
“ต้องขอโทษด้วยครับ”
เขารู้ดีว่ารอยแผลเป็นบนหน้าของเขาทำให้คนอื่นตกใจกลัว ยิ่งพอยิ้มก็ยิ่งน่ากลัว ปกติเขาจะรู้ตัวดี จึงไม่ค่อยมองหน้าคนอื่น คิดไม่ถึงว่าวันนี้… เขาจะลืมตัวแบบนี้
เมื่อตะกี้เสี่ยวเหยียนตกใจจริงๆ ตอนนี้ได้เห็นเขาก้มหน้าลงอย่างเศร้าใจ เธอจึงรีบเก็บอาการทันที
เขาบาดเจ็บถึงขนาดนี้แล้ว แต่เธอกลับแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าอีก จะไม่ทำร้ายจิตใจเขาได้ยังไงกัน
“เอ่อ… ฉันไม่ได้ตกใจเพราะคุณนะคะ คุณอย่าเข้าใจผิด”เสี่ยวเหยียนนิ่งคิด ก่อนจะรีบพูดอธิบาย “ฉันแค่กลัวว่าคุณจะขัดขวางไม่ยอมให้ฉันพาเสี่ยวหมี่โต้วไปหามู่จื่อเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องอื่น”
พอได้ยินแบบนี้ เซียวซู่ก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เสี่ยวเหยียนได้เห็นรอยแผลเป็นบนหน้านั้นอีกครั้ง
มันน่ากลัวจริงๆ บาดแผลในตอนนั้น…ดูยังไงมันก็น่าจะปวดมากเลย
“คุณวางใจได้ ผมเองก็คิดเหมือนกับคุณ ผมเองก็… ไม่ได้เจอคุณชายเย่นานแล้วเหมือนกัน”
พอได้ยินแบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็เข้าใจความหมายของเขาทันที เธอถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ “หรือว่า… คุณอยากจะไปพร้อมกับพวกฉันด้วยคะ”
เซียวซู่พยักหน้าตอบ
เสี่ยวเหยียนถอนหายใจโล่งอก กำแพงป้องกันที่มีก่อนหน้านี้หายไปในพริบตา “โธ่ ถ้าคุณพูดแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบแล้วค่ะ เริ่มบทซะยาว ฉันก็นึกว่าคุณจะขัดขวางฉันซะอีก”
พอพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็ถลึงตาใส่เขา เมื่อตะกี้ทำเธอตกใจแทบตาย
เซียวซู่ลูบจมูกตัวเอง เขาคิดว่าตัวเองพูดตรงมากแล้วนะ คิดไม่ถึงว่ามันจะยังอ้อมค้อมอยู่อีก งั้นเดี๋ยวครั้งต่อไป เขาจะพูดกับเธอไปตรงๆเลยก็แล้วกัน
ในขณะที่กำลังนิ่งคิด เสี่ยวเหยียนก็หยิบบัตรประจำตัวบนโต๊ะขึ้นมา “คุณอยากให้ฉันช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้ด้วยอย่างนั้นเหรอคะ”
“อืม ผมจะไปรอบเดียวกับพวกคุณ ค่าตั๋วเครื่องบินเดี๋ยวผมจะคืนให้คุณสองเท่าตัวเลย”
เสี่ยวเหยียนจับบัตรประจำตัวไว้ แล้วนิ่งเงียบไปสักพัก “ก็ได้ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันช่วยคุณจองตั๋วเครื่องบินเอง และบัตรประจำตัวฉันจะคืนคุณได้ยังไง”
“เหลือเวลาไม่กี่วันแล้ว พวกเราแลกเบอร์ติดต่อไว้ดีไหม แล้วคุณค่อยส่งรายละเอียดตั๋วเครื่องบินมาให้ผม ตอนที่พวกเรารวมตัวกัน คุณค่อยเอามาคืนผมก็ได้”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา”
พอบรรลุเป้าหมายของตัวเอง เซียวซู่ก็เตรียมตัวจะกลับ ไม่อยู่ต่ออีก เสี่ยวเหยียนมองตามหลังเขาไป นึกถึงเรื่องเมื่อตะกี้ที่เธอทำสีหน้าตกใจเมื่อเห็นรอยแผลเป็นของอีกฝ่าย พอคิดจะเรียกเขาเพื่อพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากเรียก
ช่างเถอะ เขาได้รับบาดเจ็บถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหากเธอยังพูดอีก เขาคงเสียใจน่าดู
ดังนั้นสุดท้ายแล้วเสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไร เซียวซู่เดินออกจากบริษัทไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเสี่ยวเหยียนก็ทำการจองตั๋วเครื่องบินให้เขา แล้วส่งรายละเอียดไฟท์บินไปให้เขา
พริบตาเดียวก็มาถึงเวลาออกเดินทาง
รอบบินที่เสี่ยวเหยียนจองคือรอบเที่ยงคืน เพราะช่วงกลางวันเธอต้องทำงาน เสี่ยวหมี่โต้วเองก็ต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านน้าชาย ดังนั้นรอบบินช่วงเช้าจะถูกจับได้ง่าย
เธอจึงเลือกซื้อรอบเที่ยงคืน รอจนใกล้จะถึงเวลา เธอกับเสี่ยวหมี่โต้วจึงแบกกระเป๋า แล้วลากกระเป๋าเดินทางขึ้นรถตรงไปที่สนามบิน
แสงไฟบริเวณสนามบินยังคงเปิดสว่าง ผู้คนเดินไปเดินมา เสี่ยวเหยียนกับเสี่ยวหมี่โต้วแต่งตัวรัดกุมมาก ทั้งหมวก แว่นดำ ผ้าพันคอ เสื้อคลุมตัวใหญ่ โชคยังดีที่ตอนนี้อยู่ในฤดูหนาว พวกเธอแต่งตัวแบบนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนล่ะก็ พวกเธอคงจะหายใจไม่ออกเอาซะก่อน
“เสี่ยวหมี่โต้ว”เสี่ยวเหยียนยื่นมือออกมา แล้ววางลงบนไหล่ของเด็กน้อย “หลานมองไปรอบๆดูว่าผู้ช่วยของแด๊ดดี้หลานมาถึงหรือยัง”
เสี่ยวหมี่โต้ว “น้าเสี่ยวเหยียน น้าแต่งตัวให้ผมซะแน่นหนา ผมทำอะไรไม่สะดวกเลยครับ”
เสี่ยวเหยียน “…”
“พูดอะไรแบบนั้นล่ะ น้าแค่กลัวว่าเราจะหนาวก็เลยให้ใส่เสื้อผ้าหนาๆ หลานรู้ไหมว่าที่ที่หม่ามี้หลานพักอยู่หนาวแค่ไหน ถ้าไม่ใส่เยอะๆ ลงจากเครื่องบินไปเราได้หนาวตายแน่ๆ”
“แต่ว่า พวกเราสามารถเอาเสื้อผ้าใส่ไว้ในกระเป๋า รอลงจากเครื่องบิน แล้วเราค่อยเอามาใส่ก็ได้นี่ครับ ทำไมจะต้องใส่ตั้งแต่ตอนนี้ด้วย น้าเสี่ยวเหยียนเล่นอะไรอยู่ครับ น้าอยากใส่ก็ใส่เอง อย่าลากเสี่ยวหมี่โต้วใส่ด้วยสิครับ มันน่าอาย”
เสี่ยวเหยียน “…เอ่อ ถ้าหลานยังย่นอีกน้าจะทิ้งหลานไว้ที่นี่จริงๆนะ”
“ฮึ ทิ้งก็ทิ้งเลย เดี๋ยวผมติดต่อคุณผู้ช่วยของแด๊ดดี้ ให้คุณลุงเซียวซู่พาผมไปก็ได้”
“ได้ งั้นหล่นก็ไปเลย ยังไงตั๋วเครื่องบินก็อยู่ที่น้า หลานให้คุณลุงเซียวซู่ของหลานพาหลานไปก็แล้วกัน เดี๋ยวน้าจะเลือกที่นั่งไกลๆ”
“น้าเสี่ยวเหยียนนิสัยไม่ดี ผมจะฟ้องคุณน้า”
พอพูดถึงหานชิง สีหน้าของเสี่ยวเหยียนก็เปลี่ยนไปทันที เธอรีบก้าวออกไปข้างหน้า “อย่านะ เมื่อตะกี้น้าพูดผิดเอง เดี๋ยวถึงเวลาน้าจะดูแลหลานอย่างดี ไม่ให้อยู่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว เด็กดี พวกเราแอบเดินทางลับๆ จะให้ใครรู้ไม่ได้ ที่ให้ใส่เสื้อผ้าแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเป็นพวกเรานะ”
เสี่ยวหมี่โต้วไม่อยากจะพูดอะไรแล้ว
ผู้ใหญ่หนึ่งคนเด็กหนึ่งคน อีกทั้งนังใส่เสื้อผ้าแบบนี้มาเดินอยู่ในสนามบิน จะไม่ตกเป็นที่สนใจก็แปลกแล้ว ถ้าหากในสนามบินมีคนของคุณน้าอยู่ พวกเขาคงจะถูกจับได้นานแล้ว
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ เสี่ยวหมี่โต้วก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา
“ผมเห็นคุณลุงเซียวซู่แล้วครับ”
พอได้ยินแบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็มองไปรอบๆ “ไหน อยู่ตรงไหน ทำไมน้ามองไม่เห็นล่ะ”
เสี่ยวหมี่โต้วเงยหน้าขึ้นมองเสี่นวเหยียน ก่อนจะพูดเตือนสติ “น้าเสี่ยวเหยียนครับ น้าเอาหมวกออกก็จะเห็นคุณลุงเซียวซู่ทันทีครับ”
หมวกแก็ปที่เธอใส่ถูกกดไว้ต่ำมาก ทำให้มองไม่เห็นมุมสูง ได้แต่เห็นมุมต่ำ
พอเสี่ยวหมี่โต้วพูดเตือน เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองกลัวมากจนเกินไป สุดท้ายเธอจึงถอดหมวกออก จึงมองเห็นเซียวซู่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนทันที
พอเห็นท่าทางของเสี่ยวเหยียน เสี่ยวหมี่โต้วก็อดเบ้ปากไม่ได้ จับน้าเสี่ยวเหยียนจอมบื้อให้คู่กับคุณน้า มันจะคุ้มค่ากันไหมเนี่ย ถ้าหากในอนาคตลูกของทั้งสองคนคลอดออกมา แล้วซื่อบื้อเหมือนน้าเสี่ยวเหยียนขึ้นมาจะทำยังไง
รับไม่ได้จริงๆนะ
เสี่ยวหมี่โต้วย่นจมูก
เซียวซู่ก้าวเดินมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มาหยุดลงตรงหน้าทั้งสองคน พอเห็นทั้งสองคนแต่งตัวเหมือนข้าวต้มมัด เขาก็ถามออกมาอย่างอดไม่ไหว “หนาวมากเหรอครับ”
พอถูกเขาถามแบบนี้ เสี่ยวเหยียนจึงทำตัวไม่ถูก ได้แต่พยักหน้ารับ “หนาวค่ะ คุณไม่หนาวเหรอคะ