เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 906
บทที่906 ไม่อนุญาต
เซียวซู่ “… ไม่เท่าไหร่ครับ”
เขาที่กำลังจ้องมองเสี่ยวเหนียนอยู่ พอเสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้นมา ทำให้ทั้งสองสบตากันพอดี
ไม่ถึงวินาที เซียวซู่ก็หันหน้าไปอีกทาง “ไปรับตั๋วเครื่องบินมาหรือยังครับ”
“พวกเราเองก็เพิ่งมาถึงค่ะ เราไปรับตั๋วเครื่องบินกันตอนนี้เลยดีกว่าค่ะ”
ทั้งสามคนเดินไปรับตั๋วเครื่องบินที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส ตอนที่เสี่ยวเหยียนหยิบโทรศัพท์ออกมา เธอเสียพลังไปเยอะมาก จนเสี่ยวหมี่โต้วที่ยืนอยู่ด้านข้างทนไม่ไหว “น้าเสี่ยวเหยียนครับ เราถอดเสื้อผ้าออกมาใส่กระเป๋าเดินทางก่อนเถอะครับ”
เขาแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
เพราะเซียวซู่อยู่ที่นี่ด้วย ทำให้เสร่ยวเหยียนไม่กล้าสั่งสอนเสี่ยวหมี่โต้วตรงๆ จึงได้แต่หันไปมองเสี่ยวหมี่โต้ว “เด็กดี เป็นเด็กต้องใส่เสื้อผ้าหนาๆ ถ้าหลานไม่สบายขึ้นมา น้าจะบอกกับหม่ามี๊ของเรายังไง”
เสี่ยวหมี่โต้วแก้มป่อง “แต่ว่าพวกเราแอบไป หม่ามี๊จะรู้ได้ยังไงกันล่ะครับ”
“แต่ยังไงหลานก็ต้องเจอหม่ามี๊ไม่ใช่เหรอ ถ้าหากหลานป่วยไม่สบาย หม่ามี๊หลานถามขึ้นมา น้าจะตอบว่ายังไง”
ในขณะที่กำลังพูดกันอยู่ เซียวซู่ก็วางกระเป๋าลง ก่อนจะก้มลงไปช่วยเสี่ยวหมี่โต้วถอดเสื้อ
เสี่ยวเหยียน “???”
เขาจะทำอะไรเนี่ย เห็นว่าเธอไม่มีตัวตนเลยหรือไง
เซียวซู่ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของเสี่ยวหมี่โต้วออก แล้วช่วยพับใส่กระเป๋าเดินทาง เสี่ยวหมี่โต้วรู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะ จึงได้ส่งยิ้มให้เซียวซู่
“ขอบคุณครับ คุณลุงเซียวซู่”
เสี่ยวหมี่โต้วเป็นคนปากหวานอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีมารยาทมากด้วย เป็นมิตรเข้ากับคนอื่นก็ง่าย
เซียวซู่มองเด็กตรงหน้าที่มีหน้าตาเหมือนกับคุณชายเย่มาก พอเห็นใบหน้านี้มองมาที่เขาอย่างอ่อนโยนแล้วพูดขอบคุณออกมา และตอนที่ได้ยินเด็กน้อยเรียกเขาว่าคุณลุง ทำให้เขารู้สึกสับสนมาก
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขารู้ว่าคุณชายเย่มีลูกแล้ว เขาแปลกใจมาก แต่เขาก็ยังไม่ได้เจอเด็กน้อยตัวจริงเลยสักครั้ง พอมาเจอจริงๆถึงได้รู้ว่านอกจากเด็กน้อยจะมีหน้าตาเหมือนคุณชายเย่แล้ว ทั้งการกระทํา การวางตัว และนิสัย ล้วนแต่แตกต่างกับเย่โม่เซินอย่างสิ้นเชิง
ถ้าหากคุณชายเย่มีทักษะการพูดและนิสัยเหมือนเด็กน้อยตรงหน้า ทางเดินของเขาคงจะไม่ลำบากถึงขนาดนี้
“นี่”
คงเป็นเพราะว่าเซียวซู่เหม่อลอยนานเกินไป เสี่ยวเหยียนรู้สึกเหมือนถูกมองข้าม จึงเรียกออกมาเสียงดัง
เซียวซู่ได้สติกลับมา แล้วลุกขึ้นยืนถามเธอ
“คุณเองก็ถอดเสื้อคลุมออกหนึ่งตัวดีกว่านะครับ ใส่สองตัวมันทำอะไรไม่สะดวกหรอก แล้วยังอึดอัดมากด้วย”
เสี่ยวเหยียนส่งเสียงฮึดฮัด “คุณไม่จำเป็นต้องบอกหรอก ถ้าฉันรู้สึกร้อน ฉันจะถอดเอง”
เซียวซู่ “…”
ทั้งสองคนสบตากัน เซียวซู่รีบหันหน้าหนีทันที
เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ทำเกินไปแล้ว เธอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจตอนไหน ถึงได้ไม่อยากมองหน้าเธอเลย หรือว่าที่หน้าเธอมีอะไรติดอยู่
พอคิดได้แบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็เม้มปาก แล้วหันหลังกลับ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดกล้องดูหน้าตัวเอง พบว่าบนหน้าของเธอไม่มีอะไรติดอยู่เลยนี่นา
แล้วทำไมเซียวซู่ถึงได้เบือนหน้าหนีตลอดเลยล่ะ
“ผมไปรับตั๋วเครื่องบินให้ดีกว่าครับ”
ในขณะที่เสี่ยวเหยียนยังคงลังเลใจ เซียวซู่ก็แย่งโทรศัพท์ไปแล้วเรียบร้อย
หลังจากที่เซียวซู่เลือกที่นั่งเรียบร้อย ทั้งสามคนก็เดินเข้าไปภายใน เสี่ยวหมี่โต้วที่ถอดเสื้อคลุมออกมาอารมณ์ดีมาก เขารู้สึกไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป อากาศกำลังพอดี
แตกต่างจากเสี่ยวเหยียน เพราะเธอปากแข็งต่อหน้าเซียวซู่ ทำให้ตอนนี้เธออึดอัดมาก ในระหว่างนั้นเสี่ยวหมี่โต้วหันกลับมาถามเธออยู่หลายรอบ
“น้าเสี่ยวเหยียนครับ น้าไม่ถอดเสื้อออกจริงๆเหรอครับ”
เสี่ยวเหยียนเองตั้งใจจะถอดเสื้อแล้ว แต่พอถูกเสี่ยวหมี่โต้วถาม เธอก็ทำหน้านิ่ง “ไม่ล่ะ น้าหนาว”
“อ๋อ”เสี่ยวหมี่โต้วยิ้ม “น้าเสี่ยวเหยียน ให้ผมเพิ่มผ้าพันคอให้อีกผืนไหมครับ”
พอได้ยินแบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็เบิกตาโต ยกมือขึ้นมาทำท่าทางจะสั่งสอนเสี่ยวหมี่โต้ว เสี่ยวหมี่โต้วแลบลิ้นใส่เธออย่างหยอกล้อ ก่อนจะมุดตัวเข้าไปทางเซียวซู่
จนถึงเวลาขึ้นเครื่อง ด้วยความที่ที่นั่งมันอัดแน่นมาก ในที่สุดเสี่ยวเหยียนก็ยอมถอดเสื้อออกตามคำแนะนําของเซียวซู่ เธอนอนพิงพนักอย่างสบายตัว
ในขณะที่เครื่องบินกำลังเริ่มเคลื่อนตัว ความรู้สึกเสียการทรงตัวจึงเกิดขึ้น เสี่ยวเหยียนรีบคว้ามือจับด้านข้าง
เซียวซู่ที่กำลังจะหลับตาลง แล้วรู้สึกว่าถูกจีบมือ จึงชะงักไปเล็กน้อย พอหันไปมองจึงเห็นว่าคนที่จับมือเขาอยู่คือเสี่ยวเหยียน
ในตอนนี้เสี่ยวเหยียนกำลังหลับตาแน่น แพขนตายาวกำลังสั่นเครือ
เซียวซู่เข้าใจ มีบางคนตอนที่นั่งเครื่องบินจะหวาดกลัวตอนที่เสียการทรงตัว เขาไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร เพราะเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง
ตอนที่เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ เขารอดตายมาได้
สถานการณ์ที่น่ากลัวแบบนั้นเขาก็เคยผ่านมาแล้ว จึงไม่หวาดกลัวอะไรอื่นอีก
พอวันนี้เขาถูกเสี่ยวเหยียนจับมือไว้แน่น เซียวซู่จึงรู้สึกสับสนวุ่นวายใจมาก
คนที่กลัวตาย จะต้องมีชีวิตที่มีความสุขมากแน่นอน
สักพัก อาการเสียการทรงตัวก็หายไป เสี่ยวเหยียนลืมตาขึ้นมา หลังจากที่รู้ตัวว่าตัวเองจับมือของเซียวซู่อยู่ เธอจึงรีบดึงมือกลับมาทันที
”ขอโทษนะคะ พอดีเมื่อตะกี้…”
พอสบตากับเธอ เซียวซู่ก็ตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี แล้วพูดเสียงเรียบ “ไม่เป็นไรครับ”
พอเห็นท่าทางของเซียวซู่ เสี่ยวเหยียนก็ยิ่งรู้สึกสงสัย คนคนนี้แปลกจริงๆเลย ทำไมพอเห็นหน้าเธอก็เบือนหน้าหนีตลอด เธออยากจะถามเขา แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อตะกี้ที่ตัวเองจับมือเขาไว้แน่น จึงรู้สึกเขินขึ้นมา ได้แต่เบ้ปาก ไม่พูดอะไรอีก
เซียวซู่ก้มหน้าลง แล้วมองไปที่มือของตนเองอย่างเหม่อลอย
เวลาผ่านไปเร็วมาก ไม่นานก็ถึงวันที่ตกลงกันไว้ หลายวันมานี้หานมู่จื่อได้แต่กินแล้วนอนอยู่ในโรงพยาบาล มีบางครั้งถึงจะได้ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะข้างล่าง
แต่ในโรงพยาบาล มันน่าเบื่อเอามากๆเลย คนที่ได้เจอก็มีแต่พวกคนไข้ที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
แล้วยังได้เจอกับชายหนุ่มคนหนึ่ง เย่โม่เซินแค่ออกไปทำธุระเดี๋ยวเดียว คนคนนั้นก็เดินเข้ามาหาหานมู่จื่อ แล้วเข้ามาชวนคุย
ตอนที่เย่โม่เซินเดินกลับมา สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมทันที
คนคนนั้นรีบกล่าวขอโทษ ก่อนจะรีบเดินจากไป
หลังจากนั้นเย่โม่เซินก็พาหานมู่จื่อกลับห้องพักคนไข้ แล้วเดินไปดำเนินเรื่องออกจากโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหานมู่จื่อเห็นอย่างนั้นจึงอดที่จะพูดล้อเขาไม่ได้
“คุณจะหน้าดำคร่ำเครียดไปถึงเมื่อไหร่กันคะ เขาเข้ามาชวนฉันคุยเอง ไม่ใช่ฉันชวนเขาคุยสักหน่อย”
พอได้ยินแบบนี้ เย่โม่เซินก็หรี่ตามองมาที่เธอ ก่อนจะยกมือมาบีบแก้มของหานมู่จื่อ แล้วขยับตัวเข้าใกล้เธอ “มีคนเข้ามาชวนคุย ดูเหมือนคุณจะดีใจมากเลยสินะ”
หานมู่จื่อยกมือขึ้นมาคล้องคอของเขาไว้ ก่อนจะพูด “มีใครบางคนขี้หึงมากถึงขนาดนี้ ทำไมฉันจะไม่ดีใจล่ะคะ”
หึงอย่างนั้นเหรอ
พอได้ยินคำพูดนี้ เย่โม่เซินก็ชะงักไปทันที
นี่เขากำลังหึงอยู่อย่างนั้นเหรอ ดูเหมือนว่าช่วงนี้ ตอนที่เขาได้ข่าวว่าเธอท้องแล้วอารมณ์ไม่ดี ก็เป็นเพราะเขาหึงอยู่เช่นกันสินะ
เพราะเรื่องนี้ เขาแทบจะนอนไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาคิดว่าตัวเองถูกหลอกลวงและหักหลัง อีกส่วนเป็นเพราะเขารู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ ที่ถูกคนอื่นควบคุมไว้ในฝ่ามือ
เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ทั้งๆที่รู้ว่าเธอท้อง แต่พอเห็นผู้ชายเข้ามาชวนเธอคุย เย่โม่เซินก็ยังรู้สึกโมโหมากอยู่ดี
เขาไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้เธอเด็ดขาด