เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 910
บทที่910 คุณเป็นคนโง่หรือไง
เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้า เหมือนอยู่ในความฝัน
ถ้าหากไม่ได้อยู่ในความฝัน ทำไมถึงได้มีเด็กที่หน้าตาเหมือนเขาถึงขนาดนี้ แล้วยังเรียกเขาว่าแด๊ดดี้ เรียกหานมู่จื่อว่าหม่ามี๊อีก
หรือว่า… นี่จะเป็นลูกของเขากับเธอจริงๆ
ถ้าหากนี่เป็นความฝัน ความรู้สึกเจ็บตรงนิ้วเท้าคงจะไม่ชัดเจนถึงขนาดนี้ ชัดเจนจนเหมือนจริงมาก
ดังนั้น นี่เป็นความจริง หรือว่าความฝันกันแน่
เย่โม่เซินแบ่งแยกไม้ออกจริงๆว่าเป็นเรื่องจริงหรือความฝัน ตอนที่ได้ยินเด็กน้อยบอกว่าไม่ต้องการเขาแล้ว เขาหรี่ตามองอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับแผ่รังสีอันตรายออกมา
ไม่ต้องการเขาแล้วอย่างนั้นเหรอ
หาเรื่องเขาแล้ว จะมาบอกว่าไม่ต้องการเขาง่ายๆได้ยังไงกัน
พอเห็นเด็กน้อยกอดหานมู่จื่อไว้แน่น มือสองข้างคล้องคอเธอไว้ การกระทําที่ใกล้ชิดแบบนี้เขายังได้ทำกับเธอเลยไม่กี่ครั้งเองนะ เด็กน้อยตรงหน้ามีสิทธิ์อะไรกัน
พอคิดได้แบบนี้ เย่โม่เซินก็ยื่นมือไปดึงคอเสื้อของเสี่ยวหมี่โต้ว แล้วทำการดึงขึ้นมา
“โอ๊ย แด๊ดดี้คนบ้า ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้เลยนะ ปล่อยผม”หลังจากที่เสี่ยวหมี่โต้วถึงดึงขึ้นมา ทั้งแขนและขาลอยเคว้งคว้างในอากาศ ด้วยความที่ใส่เสื้อผ้าอยู่หลายตัว ทำให้เขาทำอะไรไม่สะดวก
เขาอยากจะจับแขนของเย่โม่เซิน แต่คว้ายังไงก็คว้าไม่ได้ สุดท้ายจึงได้แต่แยกเขี้ยวขู่
หานมู่จื่อมองภาพตรงหน้าอย่างกังวลใจ ก่อนจะหันไปมองหน้าเย่โม่เซิน แล้วพูดเสียงร้อนใจ “ก่อนหน้านี้คุณสัญญาไว้กับฉันเอง ว่าถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา คุณจะฟังคำอธิบายของฉัน”
พอได้ยินแบบนี้ เย่โม่เซินก็มองมาที่เธอ
ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความร้อนใจ เหมือนกำลังเป็นห่วงเด็กที่อยู่ในมือเขา
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มีความคิดหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัวของเขา ทำให้เขาถามออกไปตรงๆ
“เด็กคนนี้สำคัญกว่าผมอีกเหรอ”
“เสี่ยวเหยียนกับเซียวซู่ที่หลบอยู่ข้างนอก พอได้ยินคำถามนี้ก็เกือบสะดุดล้ม
ตอนนี้มันใช่เวลามาหึงหวงไหม หรือว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดจะไม่ใช่เรื่องที่เด็กน้อยเรียกเขาว่าแด๊ดดี้ คนหนึ่งมองไปที่อีกคนที่หน้าตาเหมือนกับตนเอง หรือว่าเขาจะไม่รู้สึกตกใจเลย
หานมู่จื่อเองก็ตะลึงไปกับคำถามของเย่โม่เซิน รู้สึกว่าความคิดของเขาไม่เหมือนคนปกติทั่วไปจริงๆ
ในขณะที่หานมู่จื่อกำลังคิดอยู่ว่าจะตอบเย่โม่เซินยังไง เสี่ยวหมี่โต้วก็พูดออกมาซะก่อน
สายตาต่อว่าของเขามองไปทางเย่โม่เซิน
“แด๊ดดี้ คุณเป็นคนโง่หรือไงกัน”
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว
วินาทีต่อมาเสี่ยวหมี่โต้วก็ตะโกนออกมา “ผมเป็นลูกชายสุดที่รักของหม่ามี๊ ในใจของหม่ามี๊ผมก็ต้องสำคัญกว่าแด๊ดดี้อยู่แล้ว ถ้ายังไม่ยอมปล่อยผม ระวังหม่ามี๊จะไม่เอาคุณแล้วนะ”
เย่โม่เซิน “…”
สายตาของเด็กตรงหน้าดูแค้นเคืองมาก ทั้งสีหน้าและการกระทําของเขากลับเคร่งขรึม ตอนที่พูด ท่าทางเหมือนกับเขามาก
สักพัก เย่โม่เซินก็ดึงเขาออกไปข้างนอก
หานมู่จื่อเห็นอย่างนั้น จึงคิดจะเดินตามไป
“ผมมีเรื่องจะคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว”
คำพูดนี้ ทำให้หานมู่จื่อหยุดเดินตามสำเร็จ
เธอไม่ได้ตามออกไปด้วย เสี่ยวหมี่โต้วเป็นลูกชายของเขา ยังไงเย่โม่เซินก็ไม่ทำอะไรเขาแน่นอน
แต่เสี่ยวหมี่โต้วกลับไม่เต็มใจ เขาถูกดึงไปข้างนอก จึงอาละวาดออกมา “แด๊ดดี้นิสัยไม่ดี เสี่ยวหมี่โต้วไม่อยากไปด้วย ปล่อยนะ ผมจะไปหาหม่ามี๊”
เสียงค่อยๆไกลออกไป
จนสุดท้าย ประตูก็ปิดลง
เสี่ยวเหยียนกับเซียวซู่ที่แอบมองการต่อสู้ระหว่างเย่โม้เซินกับเสี่ยวหมี่โต้ว
ทั้งสามคนแอบมองอยู่ไกลๆ เพราะตอนที่มาถึงพวกเขาได้ยินเสียงดังมาจากประตู โชคดีที่ประตูเปิดอยู่ ตอนที่เตรียมจะเปิดประตูออกดู ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันข้างในซะก่อน
ดังนั้นพวกเขาจึงแอบหลบอยู่ข้างๆประตู
ต่อมาพวกเราได้ยินเย่โม่เซินถามหานมู่จื่อ ทั้งสามคนก็พากันตื่นเต้นไปด้วย ในขณะที่พวกเขาทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว กลับพบว่าเสี่ยวหมี่โต้วไม่อยู่แล้ว
พอมองอีกที เสี่ยวหมี่โต้วก็เข้าไม่อยู่ในห้องแล้วเรียบร้อย
เรื่องราวต่อจากนั้นก็คือเหมือนที่ได้ยินกัน หลังจากนั้นเย่โม่เซินก็จับตัวเสี่ยวหมี่โต้วออกไปข้างนอก ในขณะที่กำลังจะปิดประตู ก็เจอเข้ากับเสี่ยวเหยียนและเซียวซู่พอดี
เย่โม่เซินมองคนแปลกหน้าสองคนตรงหน้าประตู ก่อนจะหรี่ตาลง
“น้าเสี่ยวเหยียน คุณลุงเซียวซู่ ช่วยผมด้วยครับ”เสี่ยวหมี่โต้วร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเขาทันที
เสี่ยวเหยียนกับเซีนวซู่มองหน้ากัน ก่อนจะกระแอมออกมา แล้วเดินผ่านเข้าไปในห้อง
เสี่ยวหมี่โต้ว “…”
โอ๊ย พวกลืมบุญคุณ ขี้ขลาด
พอไม่มีอุปสรรค เย่โม่เซินจึงเดินไปที่บันได ก่อนจะวางเสี่ยวหมี่โต้วลง
พอลงถึงพื้น เสี่ยวหมี่โต้วก็ทำท่าจะวิ่งกลับไปในห้อง แต่ก็ถูกขัดขวางไว้ก่อน
เขาส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันไปกัดมือของเย่โม่เซินระบายอารมณ์
เย่โม่เซินรู้สึกเจ็บบริเวณฝ่ามือ ทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นมา คิดจะสะบัดเสี่ยวหมี่โต้วออก
แต่พอเห็นใบหน้าของเสี่ยวหมี่โต้ว เขาก็ทำแบบนั้นไม่ลง จึงพูดเสียงแข็ง “กัดพอหรือยัง”
เสี่ยวหมี่โต้วกัดจนพอใจ จึงหยุดกันลง
เย่โม่เซินก้มหน้าลง แล้วมองรอยกัดบนฝ่ามือ
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เสี่ยวหมี่โต้วแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา
พอเห็นตรงฟันของเด็กน้อยมีเลือดไหล เย่โม่เซินยื่นมือออกไปช่วยเช็ดรอยเลือดออกไป
“ว่ามา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เสี่ยวหมี่โต้วตบมือของเขา แล้วนั่งกอดอกนิ่ง ก่อนจะหันไม่มองทางอื่นไม่สนใจเขา
เย่โม่เซินรู้สึกตลกขึ้นมาทันที
เด็กคนนี้อารมณ์ร้อนไม่เบา
แต่ว่า ถ้าเขาไม่รู้เรื่อง เขาไม่ยอมหยุดแน่ๆ
“ไม่พูดก็ดี งั้นเราบอกมาก่อน ว่าเราเป็นใคร”
“ฮึ”เด็กน้อยยังคงไม่ยอมตอบคำถาม เขาหันหน้าทางอื่น
เย่โมเซินย่นคิ้ว “เมื่อตะกี้… เราเรียกฉันว่าแด๊ดดี้ใช่ไหม”
พอได้ยินสองคำนี้ เสี่ยวหมี่โต้วรีบพูดออกมา “คุณฟังผิดไปเอง แด๊ดดี้ที่ผมเรียกไม่ใช่คุณสักหน่อย”
“อย่างนั้นเหรอ แล้วเรียกใครล่ะ หรือว่าจะเป็นสองคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเมื่อตะกี้นี้”
เย่โม่เซินรู้ว่าไม่ใช่ แต่เด็กน้อยตรงหน้ากำลังโมโหเขาอยู่ เขาจึงถือโอกาสแกล้งเขาหน่อยก็แล้วกัน
ใบหน้านี้ อายุแค่นี้ แล้วยังเรียกเขาว่าแด๊ดดี้อีก
ถึงแม้จะไม่อยากจะเชื่อ แต่ว่า…
ความจริงมันอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจะคิดยังไงได้ล่ะ
เสี่ยวหมี่โต้วมองเย่โม่เซินเล็กน้อย ก่อนจะเรียนแบบสีหน้าของอีกฝ่าย “คุณนิสัยไม่ดี คิดจะให้ผมลงมือกับคุณลุงเซียวซู่ ไม่มีทางหรอ”
เย่โม่เซินคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะฉลาดขนาดนี้ เขายื่นมือไป แล้วหยิกแก้มอีกฝ่ายอย่างเมามัน
“จะไม่บอกก็ได้ ถ้านายไม่ยอมพูดออกมาให้ชัดเจน งั้นฉันจะไปถามหม่ามี๊ของนายเอง ฉันคิดว่า… หม่ามี๊ของนายคงจะเต็มใจเล่าให้ฉันฟังแน่นอน”
พอเสี่ยวหมี่โต้วได้ยินว่าเขาจะไปถามหม่ามี๊ของตนเอง จึงร้อนใจ รีบหะนหน้ากลับมา แล้วส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ “เมื่อตะกี้ผมได้ยินทุกอย่าง คุณบอกว่าลูกที่อยู่ในท้องหม่ามี๊เป็นลูกไม่มีพ่อ คุณกล้าทำให้หม่ามี๊ไม่พอใจ หม่ามี๊ไม่มีทางยกโทษให้คุณแน่ๆ”