เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 917
บทที่ 917 ก้าวร้าววางอำนาจ
หลังจากพูดเสร็จ หานมู่จื่อก็วางจานไว้ตรงหน้าของยู่ฉือจิน จากนั้นก็หันเดินกลับไป
ยู่ฉือจินมองจานเนื้อวัวที่ลวกเสร็จตรงหน้า แล้วมองภาพด้านหลังของหานมู่จื่อ ส่งเสียงขึ้น “อย่าคิดว่าวางไว้ตรงที่ของฉัน ฉันก็จะกิน”
หยูโปที่อยู่ด้านข้าง ดื่มน้ำซุปไปครึ่งถ้วย หนอนตะกละในท้อง ก็ถูกปลุกตื่นแล้ว หลังจากที่ได้ยินยู่ฉือจินพูดประโยคนี้ ก็ถามไปคำหนึ่ง
“นายท่าน เนื้อวัวนี้ ถ้าคุณรังเกียจว่าแก่เกินไป งั้นก็ให้ฉันเถอะ ฟังของฉันยังค่อนข้างดี”
เมื่อได้ยินเข้า ยู่ฉือจินโกรธเดือดยิ่งนัก “นายพูดว่าอะไร? นายว่าฉันฟันไม่ดีหรือ?”
หยูโปแตะจมูกเล็กน้อย พูดยิ้มแหะๆ “ก็คุณบอกว่าเนื้อวัวแก่เกินไปไม่ใช่หรือ? ดังนั้น……”
อาจจะถูกยั่วยุเข้า ยู่ฉือจินหยิบตะเกียบคีบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จิ้มใส่น้ำจิ้มแล้วกินเข้าปาก รสชาติดีมากเป็นพิเศษ และรสชาติของน้ำจิ้มก็แปลกประหลาดมาก แตกต่างจากที่เขากินในปกติโดยสิ้นเชิง
ยู่ฉือจินอดไม่ได้ที่จะถามว่า “นี่คือน้ำจิ้มอะไร?”
ส้งอานตอบกลับคำหนึ่ง “ไม่ต้องถามแล้ว คุณหาซื้อไม่ได้หรอก”
หยูโป “พูดอย่างนี้ หมายความว่ายังไง?”
เสี่ยวเหยียนยิ้มเขินเล็กน้อย “นี่คือน้ำจิ้มที่ฉันเพิ่งปรุงเอง นายท่านยู่ฉือชอบน้ำจิ้มนี้หรือ? ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันทำให้นายท่านเอากลับไป?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ยู่ฉือจินก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าเด็กสาวตรงหน้าคนนี้ จะผสมน้ำจิ้มแบบนี้เป็น
หานมู่จื่อก็ถือโอกาสพูดต่อ “ฝีมือการทำอาหารของเสี่ยวเหยียน ดีมากเลย น้ำจิ้มทั้งหมดในเมื่อกี้ เพิ่งปรุงเสร็จหลังจากที่เธอมาถึงแล้ว”
ยู่ฉือจินกลับพูดบ่นพึมพำ “ฉันแค่ถามว่านี่คือน้ำจิ้มอะไร ได้ชมว่ามันดีหรือ?”
ทุกคน “……”
ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
เมื่อดูท่าทางที่ยู่ฉือจินคีบเนื้อวัวจิ้มน้ำจิ้ม แล้วใส่เข้าปากเคี้ยว เสี่ยวเหยียนและหานมู่จื่อมองหน้ากันไปมา ทั้งคู่ต่างก็เห็นความรู้สึกจนปัญญาในสายตาของกันและกัน
ส้งอานกลับพูดเย้ยหยันอย่างเย็นชา ไม่ไว้หน้าเขาเลย
“ไม่ได้ชมมันว่าดี ถ้าอย่างนั้นก็บอกว่ามันไม่ดีสินะ”
หลังจากพูดจบ ส้งอานก็ลุกขึ้นโดยตรง ยื่นมือออกไป หยิบน้ำจิ้มมาไว้ตรงหน้าตัวเองทันที “ไม่อร่อยก็ไม่ต้องกิน จะได้ไม่เสียของ”
คิดอยู่พักหนึ่ง เธอก็มองไปที่จานเนื้อวัวที่ลวกเสร็จ ที่อยู่ตรงหน้าของยู่ฉือจิน แล้วถามว่า “เนื้อวัวจานนี้ก็ไม่อร่อยใช่ไหม? หรือไม่ก็เอามาเลยแล้วกัน ฉันกลัวคุณสิ้นเปลืองอาหาร”
หลังจากพูดจบ ส้งอานก็ลุกขึ้นแล้วยกจานเนื้อวัวที่ยู่ฉือจินกินไปเพียงสองคำ มาวางไว้ตรงหน้าตัวเองอย่างรวดเร็ว
ยู่ฉือจิน “……”
ลูกสาวคนเล็กนี่ ก้าวร้าววางอำนาจมากเกินไปจริงๆ!
รังแกคน…….มากๆๆๆๆจริงๆ!
ยู่ฉือจินโกรธจนคิ้วขมวด แต่ต่อหน้าลูกสาวคนเล็กของตัวเอง กลับไม่กล้าที่จะพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว และเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ
เมื่อหยูโปได้เห็นฉากนี้ ก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ ต่อหน้าคุณหนูอานอาน นายท่านพ่ายแพ้ทุกครั้ง เดิมทีควรจะบรรเทาความสัมพันธ์ พูดอะไรที่น่าฟังหน่อย แต่คนที่ทำดีด้วย ดันเป็นหานมู่จื่อ
คนคนนี้ คือคนที่นายท่านอดใจไม่ได้ที่อยากจะหยิ่งใส่ แต่ในระหว่างทาง ก็มีคนขัดขวางอย่างคุณหนูอานอานปรากฏตัวขึ้น
ทำให้นายท่านโกรธมากจนพูดอะไรไม่ออก
เมื่อนึกถึงอย่างนี้ หยูโปก็ลดเสียงต่ำลง โน้มตัวเข้าหายู่ฉือจินแล้วพูดว่า
“นายท่าน พูดน้อยหน่อยจะดีกว่า คุณหนูอานอานไม่ใช่จะยั่วยุได้ง่ายๆ”
เสียงของเขาลดต่ำอย่างมาก แต่อยู่ในห้อง แม้ว่าจะนั่งตรงข้าม แต่ก็ยังได้ยินคำพูดของหยูโปอย่างคลุมเครือ เธอหรี่ตาลง “ลุงหยูคุณว่าใครไม่ใช่จะยั่วยุได้ง่ายๆ”
ลุงหยูยิ้มอย่างเก้อเขิน ไม่ได้ตอบกลับ
หัวข้อนี้ก็ได้ข้ามไปอย่างนี้ ยู่ฉือจินยังคิดว่าหยูโปจะพูดอธิบายสองสามคำ แต่ไม่คิดว่า เขาไม่แม้แต่จะอธิบายเลย และส้งอาน ก็ไม่ได้ถามต่อ
ดังนั้น นี่ก็คือสิ่งที่ หยูโปพูด พูดให้น้อยหน่อย?
ตอนที่หานมู่จื่อกำลังเตรียมจะลวกเนื้อวัวให้นายท่านยู่ฉืออีกหนึ่งจาน ส้งอานก็จับมือเธอไว้กะทันหัน พูดอย่างเย็นชาว่า “หม้อก็อยู่ที่นี่ วัตถุดิบก็เตรียมพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว ถ้าใครอยากจะกิน ก็ลงมือทำเอง เพราะว่าที่นี่เราไม่มีคนใช้ ปรนนิบัติรับใช้เขาไม่ได้ ถ้าใครไม่อยากจะลงมือทำเอง อย่างนั้นก็จัดกระเป๋าแล้วกลับไปที่บ้านหลังใหญ่ของตัวเองเสียดีกว่า มีคนรับใช้เต็มบ้านคอยปรนนิบัติอยู่”
“……”
ส้งอานได้พูดอย่างนี้ออกไปแล้ว หานมู่จื่ออยากจะช่วยนายท่านลงมือทำก็คงไม่ได้แล้ว ยู่ฉือจินเหลือบมองส้งอาน รู้สึกเสียใจภายหลังในทันใด
ทำไมเมื่อกี้ตัวเองถึงต้องปากพล่อยด้วยนะ? หุบปากแล้วกินอย่างเงียบๆ ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่มีกิน ยังต้องทำกินเอง
แต่ว่า เป็นไปไม่ได้ที่ยู่ฉือจินจะกลับไปที่บ้านหลังใหญ่ที่ไร้ชีวิตชีวานั้น ในเวลานี้ได้ เขาหัวเราะเยาะในใจ ให้เขาลงมือทำเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเขาทำไม่เป็น
ดังนั้นยู่ฉือจินจึงลุกขึ้น แล้วลงมือทำเอง
ทันทีที่เขาเริ่มลงมือ หานมู่จื่อและเสี่ยวเหยียน ต่างก็หยุดกินด้วยความกังวล มองไปที่ยู่ฉือจิน
ยังไงเขาก็เป็นผู้สูงอายุแล้ว ในหม้อไฟมันร้อน ความเผ็ดยิ่งไม่ใช่เรื่องตลก ต่างก็รู้สึกกังวลนิดหน่อย ว่าเขาจะโดนไฟลวก หรือเกิดอุบัติเหตุอื่นๆ
เสี่ยวเหยียนกับหานมู่จื่อมองหน้ากันไปมา เสี่ยวเหยียนวางตะเกียบลง
“คือ……นายท่าน ให้ฉันทำให้ดีไหม?”
“นั่งลง!” ส้งอานเหลือบมองเธอ พูดเสียงต่ำ “เธอเป็นเพื่อนของมู่จื่อ เสี่ยวเหยียนใช่ไหม? เธอไม่ใช่คนรับใช้ของตระกูลยู่ฉือเสียหน่อย ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปรับใช้เขา”
เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากล่างของตัวเองไว้ ไม่กล้าที่จะพูดอีกต่อไป เพราะว่าพลังอำนาจในตัวของส้งอาน แข็งแกร่งขนาดนั้น และเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของมู่จื่อด้วย
หานมู่จื่อครุ่นคิดสักพัก พูดเสียงเบา “แม้ว่าเราจะไม่ใช่คนรับใช้ของตระกูลยู่ฉือ แต่เราก็เป็นคนรุ่นหลัง ดูแลผู้หลักผู้ใหญ่ก็เป็นเรื่องที่สมควร น้าเล็ก คุณตา ลุงหยู พวกคุณแค่นั่งทานของสำเร็จก็ได้แล้ว ให้ฉันกับเสี่ยวเหยียนมาทำก็พอ”
ตอนนี้เย่โม่เซินยังอยู่ในโรงพยาบาล ถ้าทางยู่ฉือจินยังเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น มันก็จะเหนื่อยใจมากจริงๆ
ส้งอานหรี่ตาลง มองพิจารณาหานมู่จื่อ เห็นว่าในดวงตาของเธอ เต็มไปด้วยความแน่วแน่ คิดอยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรคัดค้านเธอ ปล่อยให้เธอทำดีกว่า
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ส้งอานก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไร แต่กลับเป็นหยูโปที่พูดขึ้น “ไม่ต้องๆ ฉันทำเองได้”
หยูโปอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา เขาก็ทำได้ ทำไมตัวเองจะทำไม่ได้?
ส้งอานหัวเราะเยาะ “ได้ยินหรือยังมู่จื่อ? คนอื่นเขาไม่ยอมรับน้ำใจของเธอ ดังนั้นเธอก็อย่าเสียแรงไก่แรงใจเลย รีบกินข้าวเถอะ หลังกินข้าวเสร็จรีบไปพักผ่อน ดึกหน่อยเรายังจะต้องไปโรงพยาบาล”
เมื่อได้ยินคำว่าโรงพยาบาล ยู่ฉือจินก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมากะทันหัน เขาเงยหน้าขึ้น “ไปทำอะไรที่โรงพยาบาล?”
เมื่อถามอย่างนี้ เขาถึงจำได้ว่า ตัวเองเข้ามาเพื่อรอเย่โม่เซิน เพราะอาหารมื้อนี้ เขาเกือบจะลืมจุดประสงค์เดิมของตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองมาร่วมทานอาหารข้ามคืนต้อนรับปีใหม่กับพวกเธอ แม้แต่โม่เซินไม่ได้อยู่ที่นี่ก็ลืมไปแล้ว
ทันใดนั้นยู่ฉือจินก็รู้สึกว่าไม่ดีไปทั้งตัว
“อาเซินล่ะ?”
เมื่อพูดถึงเย่โม่เซิน หานมู่จื่อไม่ตอบกลับ เสี่ยวเหยียนมองไปรอบๆ แต่ไม่กล้าที่จะพูดอะไร
ยู่ฉือจินวางตะเกียบลง อารมณ์ในการกินอาหารก็หายไปแล้ว “กำลังถามพวกเธออยู่นะ?”
“ตาเฒ่า คุณน่ารำคาญแล้วนะ? ถ้าคุณต้องการจะรอที่นี่ งั้นคุณก็รอไป แต่เรามีสิทธิ์เลือกที่จะไม่ตอบคำถามของคุณ”