เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 931
บทที่931นายชอบฉันหรอ
ได้รับความไม่เป็นธรรมมากมาย ? ?
คำพูดนี้ถึงหูของเย่โม่เซินแล้ว เหมือนเข็มทิ่มแทงอยู่ในใจเขา
“เมื่อก่อนหม่ามี๊เคยร้องไห้มาหลายครั้ง ต่างก็เพราะแดดดี๊ทั้งนั้น”เสี่ยวหมี่โต้วพูดอีก นาทีนี้ในใจเขาอยากช่วยหม่ามี๊ทวงความเป็นธรรม เมื่อก่อนเรื่องที่หม่ามี๊ทุกข์ทรมานใจเหล่านั้น ควรจะให้เย่โม่เซินได้ลิ้มลองสักครั้ง แบบนี้เขาถึงจะรู้ว่าหม่ามี๊ไม่ง่ายเลย
เย่โม่เซินอึ้งค้างไว้ เสี่ยวหมี่โต้วตีเหล็กตอนร้อน: “อีกอย่างเมื่อก่อนแดดดี๊ยังเคยพูดจาไม่ดีใส่หม่ามี๊ด้วย ว่าหม่ามี๊เหลือทนมาก แถมยังบอกว่าเสี่ยวหมี่โต้วเป็นลูกนอกสมรสด้วย!”
เย่โม่เซิน “……..”
จู่ๆเขารู้สึกสับสนวุ่นวาย
เมื่อก่อน……คุณสมบัติประจำตัวของเขาแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?
เห็นเขาหลุบตาลง สีหน้าครุ่นคิดหนัก เสี่ยวหมี่โต้วก็รู้เลยว่าคำพูดของตัวเองได้แทรกซึมเข้าไปในใจของเย่โม่เซินแล้ว แต่เขาไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิด เขาจงใจอยากให้แดดดี๊ตัวเองรู้ว่าเมื่อก่อนตัวเองน่าชิงชังแค่ไหน!
“ดังนั้นแดดดี๊ว่า แดดดี๊เป็นคนเลวหรือเปล่าครับ?”
เสียงแบ๊วๆดังขึ้นมาอีกครั้ง เย่โม่เซินเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง สายตาที่หล่นอยู่บนตัวของเสี่ยวหมี่โต้วแฝงด้วยความซับซ้อน เขาเม้มปากไว้ ดูเหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“แดดดี๊คงไม่ใช่อยากแก้ตัวมั้งครับ?” เสี่ยวหมี่โต้วจ้องมองเขาด้วยความสงสัย สีหน้าเห็นได้ชัดว่าขอแค่เย่โม่เซินแก้ตัวคำเดียว เขาก็จะผิดหวังในตัวเย่โม่เซินยังไงอย่างงั้น
แต่แล้ว เย่โม่เซินกลับไม่พูดสักคำ เงียบไปนานมาก เขาถึงเดินมาข้างหน้าและพูด “ถ้าเมื่อก่อนแดดดี๊เลวเหมือนที่ผมพูดจริงๆ งั้น…..แดดดี๊ก็จะสำนึกผิด”
“สำนึกผิด?” เสี่ยวหมี่โต้วเอียงศีรษะ “จะสำนึกผิดยังไงครับ? ”
เย่โม่เซินแววตาลุ่มลึก: “เสี่ยวหมี่โต้วอยากให้แดดดี๊สึกนึกผิดยังไงล่ะ?”
เสี่ยวหมี่โต้วทอดถอนใจด้วยความเศร้าทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า: “ผมยังคิดไม่ออกครับ”
เย่โม่เซินก็ไม่ได้รีบร้อน เขาพูดอย่างราบเรียบ: “โอเค งั้นรอให้เสี่ยวหมี่โต้วคิดออกแล้วบอกกับแดดดี๊ วันนี้ดึกมากแล้ว นอนก่อนโอเคมั้ย?”
คิดไม่ถึงว่าท่าทีของเย่โม่เซินจะเปลี่ยนมาดีขนาดนี้ เสี่ยวหมี่โต้วค่อนข้างประหลาดใจ รู้สึกเจ็บใจเล็กน้อย ความรู้สึกแบบนี้ก็เหมือนชกใส่บนสำลีที่ไม่เจ็บไม่ช้ำ
เดิมทีเขาอยากให้แดดดี๊รู้สึกเสียใจอย่างทรมาน ลิ้มลองความรู้สึกที่หม่ามี๊เคยเจอในตอนนั้น
แต่ว่าตอนนี้พอเห็นแดดดี๊ที่เป็นแบบนี้ เขาก็รู้สึกแดดดี๊ไม่ทรมานเลยแม้แต่น้อย
หดหู่จริงๆ!
เสี่ยวหมี่โต้วพลิกตัว หันหลังให้กับเย่โม่เซิน และไม่สนใจเขาอีกต่อไป
มือเรียวยาวยื่นไปปิดไฟบนหัวเตียง ห้องนอนได้เข้าสู่ความมืดมน
สองพ่อลูกนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน แต่กลับมีความคิดที่แตกต่างกัน
เย่โม่เซินไม่รู้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้เขาก็ไม่มีอารมณ์ไม่เดาความคิดของเสี่ยวหมี่โต้ว เพราะคำพูดที่เสี่ยวหมี่โต้วพูดในเมื่อกี๊ ได้แทรกซึมเข้าไปในใจของเขาแล้ว
ในห้องมืดสนิท ดวงตาของเขากลับมองที่หน้าต่างอยู่ตลอดเวลา คำพูดเหล่านั้นของเสี่ยวหมี่โต้วดังสะท้อนอยู่ในแก้วหูเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อก่อน……..เขาเลวขนาดนั้นจริงๆเหรอ?
จู่ๆเย่โม่เซินนึกถึงครั้งแรกที่เจอหานมู่จื่อ หลังจากเธอขึ้นมาก็ร้องไห้จนน้ำตาอาบแก้ม แต่ตอนนั้นตัวเองเห็นเธอเป็นผู้หญิงที่อยากมาตีสนิทพูดคุยกับตัวเอง จึงได้พูดจาแรงใส่เธอไปหน่อย
เสี่ยวหมี่โต้วบอกว่าเมื่อก่อนเขาพูดจาทำร้ายจิตใจหม่ามี๊ของเขาไปเยอะมาก จุดนี้เย่โม่เซินแน่ใจโดยที่ไม่ต้องสงสัยเลย เขา…….โหดกับผู้หญิงจริงๆ
ตอนนั้นทำกับมู่จื่อก็เหมือนกัน ดังนั้นเธอถึงถูกคนอื่นพาไป
ครั้งที่สองที่โผล่อยู่ตรงหน้าเขา เธอไม่กล้าทำเป็นรู้จักเขาแล้ว แม้กระทั่งยังพูดอย่างกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อรักษาหน้าทุกฝ่ายว่าตัวเองทักคนผิด จากนั้นก็ทำงานอยู่ที่ข้างกายเขา
ถึงแม้เขาไม่ใช่ผู้หญิง แต่ขอแค่ลองเอาตัวเองไปอยู่ในจุดยืนของหานมู่จื่อในตอนนั้น เย่โม่เซินก็รู้สึกเจ็บจนแทบจะขาดใจแล้ว
ตอนนั้น เธอเข้าใกล้ตัวเองด้วยอารมณ์แบบไหน? แล้วยืนหยัดต่อไปในความโดดเดี่ยว ไร้การช่วยเหลือ แม้กระทั่งไม่รู้อนาคตในชีวิตวันข้างหน้าได้ยังไง?
คิดถึงตรงนี้ เย่โม่เซินหลับตาลง ในใจรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ
เขาคิด ตัวเองต้องหาความทรงจำช่วงนั้นกลับมาให้ได้
*
ห้องครัว
เสี่ยวเหยียนคลุมผ้าห่มไว้ โซเซไปมา ในที่สุดก็ถึงห้องครัวสักที ห้องครัวมืดสนิท เธอก็ไม่ได้คิดมาก เอามือล้วงจับอยู่ที่ผนังไปครึ่งค่อนวันถึงหาสวิตช์ไฟเจอ จากนั้นก็ได้เปิดสวิตช์ไฟ
“ อ๊า! ”
เพิ่งเปิดสวิตช์ไฟ เสี่ยวเหยียนก็ถูกทำเอาตกใจ จนเธอเกือบจะกระโดดขึ้นมา
เธอเบิกตากว้าง สีหน้าที่หวาดกลัวจนกระสับกระส่ายมองดูร่างเงาที่นั่งอยู่ในห้องน้ำ
เซียวซู่ค่อยๆลุกขึ้นมา มองเสี่ยวเหยียนด้วยความเก้อเขิน
“เซียวซู่?” หลังจากเสี่ยวเหยียนมองคนๆนั้นชัดแล้ว ทันใดนั้นเธอโมโหจะแย่ ตะคอกใส่เขาโดยตรง: “นี่นายประสาทหรอ? ดึกๆดื่นๆไม่กลับไปนอนที่ห้อง มาอยู่ที่ห้องครัวทำไม?”
เซียวซู่ถูกเธอว่าจนสีหน้ามึนตึ๊บ เม้มปากตัวเองไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดอธิบาย: “ผมหิวน้ำ เลยตื่นมาดื่มน้ำหน่อยครับ”
ถึงเขาจะอธิบาย แต่เสี่ยวเหยียนก็ไม่คิดจะหยุดว่าเขาไป เธอได้ด่าทอต่อ: “นายดื่มน้ำก็ดื่มน้ำสิ แล้วปิดไฟทำไม? ปิดไฟก็แล้วไป นายนั่งอยู่ตรงนี้โดยที่ไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง นายอยากทำใครตกใจตายรึไง?”
เซียวซู่ “……..”
เขาจับจมูกตัวเอง ไม่รู้จะอธิบายยังไง
ตอนที่เขามาเจอคุณชายเย่กับคุณนายน้อยพอดี ดังนั้นหลังจากพวกเขากลับห้อง เซียวซู่อยู่ในห้องนอนที่มืดมนมานาน ดังนั้นตอนที่เห็นแสงไฟจึงรู้สึกแสบตา
ในเมื่อคุณนายน้อยกับคุณชายเย่ต่างก็กลับห้องแล้ว ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เซียวซู่จึงปิดไฟโดยตรงเลย
ใครจะไปรู้ว่าจะโผล่มาอีกคน
สายตาเขาดี อีกทั้งยังชินกับความมืด เห็นร่างเงาหนึ่งคลุมผ้าห่มเดินเข้ามา ล้วงจับอยู่ในห้องครัวตั้งนาน ในขณะที่เขากำลังเตรียมจะเปิดปากถามฝ่ายตรงข้ามว่าต้องการให้ช่วยอะไรมั้ย ไฟก็สว่างจ้าขึ้นมาแล้ว จากนั้นภายใต้ไฟสว่าง ได้มีเสียงกรีดร้องของเสี่ยวเหยียนดังขึ้นพร้อมกัน
มองดูหน้าตาเธออีกที ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะความตกใจ ดังนั้นสีหน้าจึงค่อนข้างซีดเซียว ดูแล้วถูกทำเอาตกใจไม่น้อยเลยจริงๆ ส่วนต้นสายปลายเหตุนี้ก็มาจากตัวเอง
“ขอโทษครับ ผม…….”
“ถอยไป!” เสี่ยวเหยียนเดินไปอย่างกระหืดกระหอบ ผลักไหล่ของเขาและเดินไปรินน้ำให้ตัวเองโดยตรง
เสี่ยวเหยียนหิวน้ำจะแย่ เธอรินน้ำให้ตัวเองแก้วหนึ่ง โมโหจนกลอกเข้าปากโดยตรง
ปรากฏว่าแก้วยังไม่ได้สัมผัสโดนริมฝีปาก ข้อมือก็ถูกเซียวซู่จับเอาไว้
“นี่เป็นน้ำเย็น ดื่มแล้วไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ”
พอพูดจบ เซียวซู่อาศัยตอนที่เธออึ้ง เอาแก้วในมือเธอมาเติมน้ำร้อนใส่ จากนั้นก็ยื่นกลับไป: “ตอนนี้ดื่มได้แล้วครับ”
ปรากฏ เสี่ยวเหยียนไม่ได้รับแก้วน้ำในมือเขามา
เซียวซู่เงยหน้า ถึงพบว่าเธอจ้องตัวเองไว้อย่างเงียบกริบ
สายตานั้นเพ่งมองอย่างไม่คลาดสายตา เหมือนกับว่าสามารถมองทะลุหัวใจคนได้ยังไงอย่างงั้น
เซียวซู่รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นตุ๊มๆต่อมๆ เอาแก้วมาวางที่บนโต๊ะอย่างอลหม่าน เลียริมฝีปากตัวเองด้วยความตื่นเต้น: “นี่ถือว่าผมขอโทษให้กับเรื่องเมื่อกี๊ คุณรีบดื่มเถอะ ดื่มเสร็จก็กลับห้องซะ”
เสี่ยวเหยียนไม่พูดจา เธอจ้องแก้วน้ำไว้ แล้วมองดูหน้าตาที่ตื่นเต้นกระสับกระส่ายของเซียวซู่ หน้าตาแบบนี้คุ้นมาก
เหมือน…….สีหน้าตอนที่ตัวเองอยู่ตรงหน้าของหานชิงเลย
หรือว่า………..
มีความคิดหนึ่งแว๊บผ่านในหัวของเสี่ยวเหยียน
วินาทีต่อมา เธอหลุดปากถามออกมาคำหนึ่ง: “นายชอบฉันหรอ?”