เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 945
บทที่945ยืมอ้อมกอดนายซบสักพักได้มั้ย
ในรถสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกล เสี่ยวหมี่โต้วหมอบอยู่บนกระจกรถ มือเล็กๆที่อ้วนจ้ำม่ำยันอยู่บนกระจกรถ จ้องมองคนสองคนที่อยู่ไม่ไกล
“แดดดี๊ คุณอาเซียวลงไปหาน้าเสี่ยวเหยียนแล้วครับ”
ได้ยินคำนี้แล้ว เย่โม่เซินมองไปที่ด้านนอกอย่างไม่ตระหนกวิตกอะไร เขารู้แล้วว่าเซียวซู่คือใคร แต่ผู้หญิงคนนั้น……….
น่าจะเป็นเพื่อนสนิทของมู่จื่อ
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเซียวซู่คืออะไร งั้นก็ไม่รู้แล้ว
คิดถึงตรงนี้ เย่โม่เซินพูดอย่างราบเรียบ: “นี่มีอะไรน่าดู? จะไปซื้ออาหารว่างให้หม่ามี๊นายไม่ใช่หรอ? พวกเราไปก่อน”
ตอนนี้เขามีใจอยากกลับบ้านมาก แค่อยากพาลูกชายกลับไปเจอหน้าภรรยาโดยเร็ว
แต่เสียดายเจ้าตัวแสบมีความอยากรู้อยากเห็นมาก แถมยังหมอบอยู่บนกระจกรถและจ้องมองไว้ สีหน้าสอดรู้สอดเห็นมาก มองจนเย่โม่เซินก็จนปัญญาแล้ว “ยังดูอีก?”
“แดดดี๊ แดดดี๊ว่าคุณอาเซียวชอบน้าเสี่ยวเหยียนใช่หรือเปล่าครับ?”
เย่โม่เซิน: “…….…”
“น้าเสี่ยวเหยียนจะชอบคุณอาเซียวรึเปล่าน๊า?”
“คำถามที่ไร้สาระแบบนี้ นายสามารถไปถามน้าเสี่ยวเหยียนของนายได้”
เสี่ยวหมี่โต้ว: “…..…”
หลังจากเขาเงียบไปสักพัก จู่ๆได้ส่งเสียง“ฮึ!”ทีหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองเย่โม่เซินทีหนึ่ง และพูดด้วยน้ำเสียงโหด “แดดดี๊นี่เป็นคนที่ไม่มีคารมเลยจริงๆ ถึงว่าล่ะ ถึงได้ทำให้หม่ามี๊เสียใจอยู่เป็นประจำ”
พอได้ยินคำนี้แล้ว เย่โมเซินรู้สึกปวดหัว
นี่…….ทำไมถึงโยงมาถึงเรื่องของเขากับมู่จื่อซะงั้น?
ตอนนี้สมองของเขาเต็มไปด้วยเรื่องที่ฟื้นคืนความทรงจำ ที่เหลือก็คือมู่จื่อกับเจ้าตัวแสบนี่แล้ว ยังจะมีอารมณ์และความคิดไปสนใจความรักของคนอื่นได้ยังไง?
“แดดดี๊ใจร้าย ผมจะรอกลับพร้อมคุณอาเซียว!”
พอพูดจบ เสี่ยวหมี่โต้วก็จะเปิดประตูและลงจากรถ แต่กลับถูกท่าทางของเย่โมเซินขัดขวางเอาไว้
“นายลงไปตอนนี้ ไม่ใช่ไปรบกวนพวกเขาหรอ?”
เสี่ยวหมี่โต้ว: “หืม?”
“ถ้านายพูดถูก นายแน่ใจว่านายลงไปจะเป็นเรื่องดี?”
เสี่ยวหมี่โต้วเอียงศีรษะ คิดอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จู่ๆรู้สึกที่เย่โม่เซินพูดมีเหตุผล
ฮื้อ!
เขาถึงได้ดึงมือน้อยๆกลับมา ทำหน้ามุ่ยเหมือนไม่พอใจ
เมื่อกี๊น้าเสี่ยวเหยียนดูเหมือนเสียใจมาก
ปกติน้าเสี่ยวเหยียนไม่เคยร้องไห้แบบนี้นี่ จู่ๆเธอร้องไห้อยู่ข้างถนนคนเดียวอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ต้องเจอเรื่องอะไรแน่ๆเลย
แต่ว่า ลุงหานชิงของเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ๆน่ะ
ยังมีเรื่องอะไรที่สามารถทำให้น้าเสี่ยวเหยียนร้องไห้อย่างไม่สนอะไรทั้งสิ้น?
เสี่ยวหมี่โต้วคิดไม่ตก ตอนนี้อยู่ข้างกายของเย่โม่เซินก็ตรวจสอบไม่ได้ ได้แต่กลับไปกับเขาก่อน
ตอนที่รถขับจากไป เสี่ยวหมี่โต้วมองดูร่างเงาของทั้งสองไว้ จนกว่ามองไม่เห็น
อีกฝั่งหนึ่ง
“นายอยู่นี่ได้ยังไง?” เสี่ยวเหยียนมองเซียวซู่แล้วถาม
เซียวซู่จ้องมองเธอ ไม่พูดสักคำ
หลังจากผ่านไปสักพัก เสี่ยวเหยียนถามเขาด้วยความตลก: “นายจ้องฉันทำไม? เพราะตอนนี้ฉันขี้เหร่มากใช่มั้ย? ฉันเป็นแบบนี้ ดูโง่มากเลยใช่มั้ย?”
ชอบคนๆหนึ่งถึงขั้นนี้ แม้แต่เธอเองก็ยังรู้สึกตลกเลย
ทั้งๆที่เขาเคยปฏิเสธตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว เคยบอกว่าไม่ชอบเธอ แต่เธอก็ยังตั้งความหวังยืนหยัดต่อไป คิดว่าขอแค่หานชิงยังไม่แต่งงาน เธอก็จะรักเขาตลอด รักจนชั่วฟ้าดินสลาย
เซียวซู่ก็ยังไม่พูดอีกเช่นเคย แต่แล้วก็ยังจ้องมองเสี่ยวเหยียนไว้
อาจจะเพราะเขาจ้องมองนานเกินไป จิตใจของเสี่ยวเหยียนทนรับไม่ไหวแล้ว เธอกัดริมฝีปากล่างไว้และด่าทอใส่เขา
“นายดูๆๆ ดูอะไร? ไม่ต้องดูแล้ว ไม่เคยเห็นคนที่น่าอนาถขนาดนี้หรือไง? ฉันจะบอกนายให้นะเซียวซู่ ก่อนหน้านั้นนายก็เคยถามฉันว่าทำไมฉันกับมู่จื่อต้องกลับไปด้วย นายเห็นตรงนั้นเป็นถิ่นของนาย งั้นตอนนี้อยู่ที่นี่ นายคงไม่ใช่เห็นที่นี่เป็นถิ่นของนายด้วยมั้ง? ฉันจะบอกนายให้ ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของนาย นายไปให้พ้นเลย!”
เสี่ยวเหยียนเห็นเขายืนนิ่งไม่ขยับ จึงได้ลงมือผลักเขาซะเลย
แต่ปรากฏมือยังไม่ได้สัมผัสโดนเซียวซู่ ก็ถูกเขากุมเอาไว้แล้ว
เสี่ยวเหยียนขัดขืน แต่กลับไม่สามารถช่วยเหลือมือตัวเองกลับมาได้ หลังจากเธออึ้งไปครู่หนึ่งก็ได้ด่าทอเขาอย่างดุร้ายอีก: “นายจะทำอะไร? ปล่อยฉัน!”
ที่นี้เซียวซู่ถึงได้ปล่อยข้อมือเธอ จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่งและยื่นให้เธอ
“เช็ดหน่อยเถอะ เครื่องสำอางเลอะหมดแล้ว”
เสี่ยวเหยียน: “………”
คำพูดนี้ทำให้เธอทั้งโกรธและโมโห ทั้งๆที่เธอเสียใจขนาดนี้แล้ว เขายังมาย้ำเตือนความจริงที่ว่าเครื่องสำอางตัวเองเลอะอีก งั้นตอนนี้เธอก็น่าเกลียดมากเลยสิ?
นึกถึงเมื่อกี๊เพื่อออกมากับหานชิงแล้ว เธอตั้งใจแต่งหน้าโดยเฉพาะเชียวนะ ถึงแม้เวลาจะเร่งรีบ แต่เธอก็ถือว่าได้ทุ่มเทจิตใจแล้ว
ตอนนี้……..พังพินาศหมดแล้ว
หานชิงไปแล้ว เครื่องสำอางของเธอก็เยิ้มไปหมดแล้ว
เสื้อคลุม ก็ไม่มีแล้ว
เสี่ยวเหยียนค่อยๆยื่นมือไป ยื่นมือรับผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือของเซียวซู่ และเช็ดน้ำตาบนใบหน้าด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย
ไม่รู้ว่าเพราะเหน็บหนาวมานานเกินไป หรือว่าอารมณ์ของเธอตื่นเต้นเกิน เสี่ยวเหยียนใช้แรงไปเยอะก็ไม่ได้เช็ดหน้าของตัวเองให้สะอาด กลับกันยิ่งเช็ดยิ่งเลอะ
เซียวซู่ที่ดูอยู่ข้างๆจนปัญญา จับข้อมือเธอไว้และเอาผ้าเช็ดหน้ามา: “ผมเช็ดให้ดีกว่า”
เสี่ยวเหยียนไม่ได้คัดค้าน ปล่อยให้เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าช่วยตัวเองเช็ดแก้ม
เขาเช็ดอย่างละเอียดมาก นัยน์ตาสีดำจ้องไว้อย่างไม่เคลื่อนย้ายเลย ผ้าเช็ดหน้าได้เช็ดผ่านทุกมุมของใบหน้าเธอ
จู่ๆน้ำตาของเสี่ยวเหยียนก็ไหลลงมาอย่างโหด เหมือนเม็ดถั่วยังไงอย่างงั้น เม็ดแล้วเม็ดเล่า หล่นใส่หลังมือของเซียวซู่อย่างพรากๆๆ
ท่าทางที่เซียวซู่เช็ดหน้าได้หยุดไว้
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ครับ?”
ทำไมเธอถึงเดินอยู่ที่ข้างถนนคนเดียว ร้องไห้อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย แถมยังใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นขนาดนี้?
นี่คือความสงสัยที่อยู่ในใจของเซียวซู่
หรือว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไร?
จู่ๆเสี่ยวเหยียนเงยหน้ามองเขาอย่างน้ำตาคลอเบ้า พูดไปด้วยและสะอึกสะอื้นไปด้วย: “ฉันรู้ ฉันเสนอข้อเรียกร้องในตอนนี้——ฮือ ไม่ค่อยดี แต่ว่า…….ฮือ……ฉันยืมอ้อมอกนายซบ……ฮือๆ สักพักได้มั้ย?”
เซียวซู่: “……ได้อยู่……..”
ยังพูดไม่ทันจบ ร่างกายที่หนาวเย็นตรงหน้านี้ก็ได้กระโจนเข้ามาในอ้อมอกเขาแล้ว
เหมือนน้ำแข็งที่เขวี้ยงมาอย่างกะทันหัน พริบตาเดียวความหนาวเย็นก็ได้จู่โจมมาที่ทั่วร่างกายของเซียวซู่
หนาวกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ
ยัยบ๊องคนนี้ต้องอยู่ในอากาศหนาวเย็นมานานเท่าไหร่แล้ว?
หลังจากเสี่ยวเหยียนซบเข้าไปในอ้อมกอดของเซียวซู่ก็เริ่มปล่อยโฮออกมา เอาน้ำตาและขี้มูกเช็ดอยู่ที่เสื้อผ้าของเซียวซู่หมด อย่างไม่มีแรงกดดันเลยสักนิด
ส่วนเซียวซู่ นาทีที่เริ่มถูกมือของเสี่ยวเหยียนกอดเอาไว้ คนทั้งคนก็แข็งทื่อไปหมดแล้ว เหมือนหุ่นเชิดที่สูญเสียความสามารถในการขยับ
ก็ไม่รู้ว่าร้องไห้ไปนานเท่าไหร่ ตอนที่เซียวซู่รู้สึกแขนขาของตัวเองแข็งไปหมด เสียงร้องไห้ในอ้อมกอดถึงค่อยๆเบาลงมา จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
เขารออย่างมีความอดทน
ผ่านไปอีกหลายนาที เสี่ยวเหยียนถึงได้เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงคัดจมูกเล็กน้อย: “ขอโทษ ทำเสื้อนายเปียกหมดเลย”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ”
หลังจากเซียวซู่พูดจบ ก็ได้ถอดเสื้อคลุมบนตัวลงมาสวมใส่ให้เธอ
“ไปครับ”
จากนั้นก็ได้พาเธอไปจากที่นี่
เสี่ยวเหยียนยังไม่ทันดึงสติกลับมาก็ถูกเขาดึงเข้าไปในร้านๆหนึ่งแล้ว
“ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงใช่มั้ย? ทานอะไรก่อนเถอะ? อุ่นร่างกายก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เซียวซู่ดึงเธอมานั่งลงที่เก้าอี้ ตาของเสี่ยวเหยียนยังแดงก่ำอยู่เลย ริมฝีปากหนาวจนซีดเซียว
เธอเงยหน้ามองเซียวซู่ที่อยู่ตรงหน้า
“ทำไมนายต้องมาเป็นห่วงฉันด้วย?”