เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 951
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 951 ไฟสุมทรวง
ตอนที่หยูโปมารับเสี่ยวหมีโต้วไป ในใจของเขายังรู้สึกทอดถอนใจ นายท่านอยากเจอเหลนคนนี้ วันนั้นตอนที่เขารู้ว่าตัวเองมีเหลนที่โตขนาดนี้แล้ว เขาดีใจเป็นอย่างมาก
ใครจะไปรู้ว่าเขาจะดีใจจนเป็นลม
ก่อนจะมาที่นี่ยู่ฉือจินสั่งให้คนในครัวเตรียมอาหารเอาไว้เต็มโต๊ะ ใครจะไปรู้ว่าเขาเป็นเพียงเด็กผู้ชายตัวน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
ไม่ว่าอย่างไรก็ดี บางทีเด็กน้อยคนนี้อาจจะเป็นคนที่แก้ปมในใจของทุกคนก็ได้
สุดท้ายส้งอานรู้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วก็จะไป สุดท้ายเธอจึงตอบตกลง
หลังจากเย่โม่เซินรู้ว่าเสี่ยวเหยียนไม่สบายมู่จื่ออยู่ดูแลเธอ เขาขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดของเธอ มู่จื่อพูดอย่างแน่วแน่ว่าไม่เป็นไร สุดท้ายเย่โม่เซินก็บุกเข้าไปในห้องแล้วอุ้มเธอกลับมาที่ห้อง
“ปล่อยฉันนะ ถ้าตอนนี้ฉันไม่ไปดูแลเธอแล้วใครจะดูแลเธอล่ะ ตอนนี้เธอกำลังไข้ขึ้นนะ!”
เย่โม่เซินพาเธอเข้าไปในห้องน้ำแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ตอนนี้คุณกำลังท้องนะ เธอเป็นไข้อยู่ ถ้าคุณติดขึ้นมาจะทำยังไง ตอนนี้คุณทานยาได้หรือไง”
“ฉันไม่ได้ติดไข้ง่ายขนาดนั้นหรอกน่า…” มู่จื่อตอบ
“คุณคิดว่าผมไม่รู้เหรอว่าสุขภาพของคุณไม่ค่อยดี” เย่โม่เซินหรี่ตาลง เขาดันเธอเข้าไปในห้องน้ำ “อาบน้ำล้างตัวให้สะอาดก่อน เผื่อจะมีไข้ติดอยู่ สำหรับเพื่อนของคุณ ผมจะให้หมอประจำตระกูลไปดูแลเอง”
เดิมทีมู่จื่อจะคัดค้าน แต่เมื่อได้ยินคำว่าหมอเธอจึงเงียบลงทันที
หมอมีความรู้มากกว่าเธอที่ไม่รู้อะไรเลย ถ้ามีหมอดูแลเสี่ยวเหยียน แล้วเธอจะคัดค้านอีกทำไมล่ะ มู่จื่อไม่เถียงกับเย่โม่เซินอีก แต่เธอก็พูดออกไปอย่างอดไม่ได้ “เอ่อ งั้นฉันไปอาบน้ำก่อน ตอนค่ำคุณอย่าลืมไปรับเสี่ยวหมี่โต้วกลับบ้านด้วยนะ”
“อื้ม” เย่โม่เซินพยักหน้า
พูดจบเขาก็เดินไปเอาเสื้อให้เธอ จากนั้นจึงเดินออกไป
หลังจากปิดประตูลง เย่โม่เซินโทรหาหมอประจำตระกูลยู่ฉือ หมอคนนี้สนิทกับเขามาก เหตุเพราะตอนที่เขาฟื้นขึ้นมา มีแผลอันน่ากลัวเต็มตัวไปหมด หมอคนนี้เป็นคนดูแลแผลบนตัวเขาทุกวัน
ผ่านไปเป็นเวลานั้นเขาจึงสนิทกับหมอคนนี้
หลังจากที่โทรเสร็จ หมอก็มาถึงอย่างรวดเร็ว เซียวซู่พาเขาไปที่ห้องของเสี่ยวเหยียน จากนั้นจึงเดินออกไปกับเย่โม่เซิน
หานชิงที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาสังเกตเห็นท่าทีของเย่โม่เซิน จึงถามออกไปว่า
“จะไปทำอะไร?”
ได้ยินดังนั้น เย่โม่เซินจึงชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมามองผู้ชายที่เขาควรจะเรียกว่าพี่ชายของภรรยา แววตาของเขาผิดปกติเล็กน้อย
“จะออกไปจองโรงแรมก่อนน่ะครับ”
หานชิงทำท่าทางสงสัย “จองโรงแรมผ่านอินเทอร์เน็ตก็ได้นิ”
หานชิงต้องการจะสื่อว่าไม่ต้องรีบร้อน
คนฉลาดพูด ถึงแม้ไม่ต้องพูดให้ชัดเจน แต่เมื่อเย่โม่เซินได้ยินสิ่งที่เขาพูด เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วมองหานชิง ขนาดคนที่อยู่ข้างๆ อย่างเซียวซู่ก็มองหานชิงเช่นกัน
เขารู้อะไรอย่างนั้นเหรอ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เย่โม่เซินจึงยิ้มออกมานิ่งๆ เขากำลังใช้ความคิดของตัวเอง
“ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอก รบกวนพี่ชายของภรรยาช่วยดูแลเธอด้วยนะครับ”
“.…..” หานชิง
คำว่าพี่ชายของภรรยาทำให้มุมปากของเขากระตุก แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมาเป็นปกติ เขาก้มหน้าพลิกหนังสือพิมพ์ในมืออ่านโดยไม่พูดอะไรต่อ
เย่โม่เซินรู้ว่าเขาน่าจะรับรู้ได้แล้ว จึงไม่ได้พูดอะไรแล้วออกไปกับเซียวซู่
มู่จือออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอเห็นว่าในห้องรับแขกมีเพียงหานชิงอยู่คนเดียว เธอเรียกเขาแล้วเดินไปยังห้องของเสี่ยวเหยียน
หมอกำลังดูแลเสี่ยวเหยียนอยู่ในห้อง เมื่อเห็นว่ามู่จื่อเขามาจึงเอ่ยปากทักทาย
ทั้งคู่คุยกันไม่กี่ประโยคก็เริ่มสนิทกัน
ผ่านไปสักพัก มู่จื่อจึงถามขึ้น “คุณหมอคะ เพื่อนของฉันอาการเป็นยังไงบ้างคะ เขาไข้ขึ้นสูงไหมคะ”
หมอพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไข้สูงเล็กน้อย อากาศค่อนข้างหนาวต้องรักษาสุขภาพด้วยนะ ถ้าไข้สูงเกินจะทำให้ปอดติดเชื้อได้”
ประโยคสุดท้ายทำให้มู่จื่อตกใจไม่น้อย
เธอเคยได้ยินคนที่ปอดติดเชื้อเพราะเป็นไข้ แต่นั่นมันเป็นอาการไข้ที่หนักมาก เสี่ยวเหยียนน่าจะไม่เป็นหนักขนาดนั้น
“งั้นตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้างคะ ไข้จะลดเมื่อไรเหรอคะ”
หมอเก็บของของตัวเองแล้วพูดว่า “อาการของเธอถือว่าไม่หนักมาก อีกไม่นานไข้น่าจะลด แต่เธอเพ้อตลอดเวลา”
มู่จื่อมองเสี่ยวเหยียนแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอยืนอยู่สักพัก เมื่อรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่เธอต้องช่วยแล้ว จึงเดินกลับห้องไป
ขณะที่เดินผ่านห้องรับแขก เธออดไม่ได้ที่จะหยุดมองหานชิง
เธอคิดถึงคำพูดที่เซียวซู่พูดกับเธอ
มีหลายคำถามที่อยากถามหานชิง แต่ถ้าถามออกไปล่ะ
“เป็นอะไร”
เมื่อหานชิงสังเกตว่าเธอเอาแต่มองเขาจึงวางหนังสือพิมพ์ในมือลง แล้วถามขึ้น
มู่จื่อขบริมฝีปากล่างของตัวเองแล้วถามขึ้นว่า “เสี่ยวเหยียนเป็นไข้ พี่ไม่เป็นห่วงเลยเหรอ”
“ทำไมต้องเป็นห่วงล่ะ” หานชิงตอบ
หมอดูแลอยู่ข้างในไม่ใช่หรือไง มีตรงไหนที่เขาต้องเป็นห่วงงั้นเหรอ
ประโยคนี้ทำให้มู่จื่อผิดหวัง เธอมีสีหน้าที่พูดไม่ออก
“ถ้าฉันจำไม่ผิด พี่เรียกเธอออกไปไม่ใช่หรือไง”
หานชิงไม่ตอบ
“เธอกลับมาก็เมา ตอนนี้ป่วยเป็นไข้ พี่พาเธอออกไป แต่ทำไมถึงไม่พาเธอกลับมาอย่างปลอดภัยล่ะ ตอนนี้พี่กลับมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่รู้สึกผิด ไม่โทษตัวเองเลยอย่างนั้นเหรอ ฉันรู้ว่าพี่ไม่ชอบเธอ คนเราถึงแม้จะไม่มีเยื่อใยอะไรกัน แต่ก็ไม่ควรเลือดเย็นถึงขนาดนี้ไม่ใช่เหรอคะ”
“.…..”
เขาคิดไม่ถึงว่ามู่จื่อจะโมโหเขา หานชิงอึ้งไปจนไม่รู้จะตอบเธออย่างไร
“ครั้งนี้ฉันผิดหวังในตัวพี่จริงๆ”
ในที่สุดหานชิงก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “งั้นเธอคิดว่าพี่ควรจะทำยังไง รู้อยู่แล้วว่าตอนจบมันเป็นยังไง ยังจะให้ความหวังเสี่ยวเหยียนอีกอย่างนั้นเหรอ จะให้ความรู้สึกของเธอถลำลึกขึ้นเรื่อยๆ อย่างนั้นเหรอ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็หยุดแล้วมองไปห้องที่เสี่ยวเหยียนอยู่ สายตาของเขาเย็นชาไร้ความรู้สึก
“สำหรับพี่ เจ็บปวดเพียงชั่วครู่ดีกว่าเจ็บไปชั่วชีวิต ขอแค่เธอตาสว่าง เธอก็จะรู้ว่าพี่ไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับเธอ”
“งั้นก็ตามใจพี่” มู่จื่อพูด
พูดจบเธอก็เดินกลับห้องแล้วปิดประตูลง
ในห้องรับแขกเหลือเพียงหานชิง บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด แววตาของหานชิงมืดมนลง แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมาเป็นปกติ
หลังจากนั้นเขาก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์บนโซฟาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นอกจากครอบครัว คนแบบเขาก็ไม่สมควรหวังสิ่งอื่นอีก
หลังจากที่มู่จื่อกลับมาที่ห้อง เธอถึงนึกเรื่องอะไรออก เธอลืมถามว่าเย่โม่เซินไปไหน ถ้าจะไปพักข้างนอก ก็ไม่น่าจะรีบร้อนขนาดนั้นหรอก
เขารีบเหมือนจะไปทำอะไรสักอย่าง
มู่จื่อตำหนิเย่โม่เซินอยู่ในใจ เธอรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ทว่าในตอนนี้ที่บ้านเหลือเพียงเธอกับหานชิง
หานชิงก็น่าจะยังไม่ได้ทานอะไร แต่ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่อยากออกไปไหนทั้งนั้น