เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 956
บทที่ 956 ความทรงจำของเย่โม่เซิน (2)
ถ้าปล่อยให้เวลามันล่วงเลยไปเรื่อยๆ แล้วความทรงจำของเขายังไม่ฟื้นคืนมา มันไม่ยุติธรรมกับมู่จื่อไปหน่อยเหรอ?
เธอจำเรื่องราวที่ผ่านไปได้ดี แต่เขากลับจำอะไรไม่ได้เลย
เธอต้องแบกรับความทุกข์ระทมไว้เพียงคนเดียว มันไม่ยุติธรรมเลย
อย่างน้อย ให้เขาได้ฟื้นคืนความทรงจำเพื่อแบ่งเบาความทุกข์ของเธอบ้าง
สีหน้าของเซียวซู่ดูไม่ดีนัก เขาพูดเตือนออกไปอย่างอดไม่ได้ “บางทีเราอาจจะหาวิธีที่มันปลอดภัยกว่านี้ การทำแบบนี้มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าเกิดคุณเป็นอะไรขึ้นมา เมื่อถึงตอนนั้น…”
แม้ว่าสีหน้าของเย่โม่เซินจะซีดเผือด แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้เขากลับไม่สนใจอะไร แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่เป็นไร ขอแค่มีพวกนายเฝ้าอยู่ข้างๆ ก็สามารถช่วยฉันให้รอดจากความตายได้”
เขาพูดเหมือนคนที่กำลังจะจากไปเมื่อกี้ไม่ใช่ตัวเขาอย่างไรอย่างนั้น
คนที่เป็นเพื่อนสนิทกับเขามานานอย่าง เจสัน อยากจะต่อยเขาสักหมัด แต่หมัดเมื่อกี้ก็ทำให้คางของเขาช้ำอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะมาเซียวซู่ได้บอกกับเขาแล้ว
ความทรงจำเกี่ยวกับมิตรภาพที่มีมาหลายปีของเขาได้หายไปหมดแล้ว อยากจะฟื้นความทรงจำ ตามกฎของโรงพยาบาลก็ไม่สามารถแนะนำวิธีที่มีความเสี่ยงสูงให้ได้ เลยทำได้เพียงมาหาเขา
ตอนนั้นเจสันคิดวิธีได้วิธีหนึ่ง นั่นก็คือจำลองเหตุการณ์
ในเมื่อหลังจากที่เย่โม่เซินถูกช่วยชีวิตขึ้นมาจากทะเลแล้วความทรงจำของเขาหายไป งั้นก็ให้เขากลับไปยังสถานการณ์นั้นอีกครั้ง นี่คือวิธีกระตุ้นความทรงจำที่ดีที่สุด ถ้ากระตุ้นได้ เขาอาจจะนึกอะไรออกก็ได้
เดิมที เจสัน ให้เขาไปหาคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน
เย่โม่เซินบอกว่าความทรงจำของเขาได้รับความกระทบกระเทือน แต่มันยากมากที่จะนึกอะไรออก ก็เหมือนกับคอขวดที่มันแตกเล็กน้อย แต่ไม่ได้ทะลุ
ดังนั้นเจสันจึงไม่กลัวที่จะเสนอวิธีนี้ออกไป
เขาเพียงแค่พูดออกไปเท่านั้น ไม่คิดว่าเย่โม่เซินจะกล้าทำจริงๆ อีกทั้งวิธีนี้ยังอันตรายมากอีกด้วย ขณะที่กระตุ้นความทรงจำ อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ทุกคนไม่สามารถควบคุมได้
“ฉันจะบอกนายให้นะ ถ้าไม่เห็นสภาพนายตอนนี้ ฉันจะซัดนายให้ตาสว่างสักที”
“เจสัน ถ้าเกิดคุณต่อยเขาอีก คุณนายน้อยของเราจะรู้เรื่องนี้นะครับ” เซียวซู่พูด
“คุณนายน้อย?”
เจสันอึ้งไปเล็กน้อยแล้วเลิกคิ้วขึ้น “เขาแต่งงานแล้วเหรอ ทำไมฉันถึงไม่รู้”
เหอะ คนที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี แม้แต่เรื่องแต่งงานของเย่โม่เซินเขายังไม่รู้
นี่ยังเรียกว่าเพื่อนอีกเหรอ เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
เซียวซู่พูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “เรื่องในปีนี้มันค่อนข้างอธิบายลำบาก รอให้เย่โม่เซินความทรงจำกลับมาแล้วค่อยให้เขาบอกคุณดีกว่าครับ”
“รอให้เขาฟื้นความทรงจำงั้นเหรอ ฉันกลัวว่าเขาจะตายก่อนที่ความทรงจำจะกลับมาน่ะสิ พอเถอะ วันนี้เรากระตุ้นความทรงจำแค่นี้พอ ทำต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “แต่ว่าวันนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรก้าวหน้าเลย”
ให้เขากลับไปแบบนี้ เขาดูจะไม่พอใจสักเท่าไร
“นี่เพิ่งจะวันแรกเองนะ นายจะเอาความก้าวหน้าอะไร ก้าวหน้าแบบเทพไหม ค่อยๆ ก้าวไปตามลำดับเข้าใจไหม แม้ฉันจะมาอยู่ต่างประเทศนาน แถมยังเปลี่ยนชื่อแล้วด้วย แต่ฉันก็ยังจำสำนวนจีนได้อยู่นะ ” เจสัน พูด
“.…..” เย่โม่เซิน
เขามองเจสัน ผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้าเหมือนเจ้าป่าที่โกรธและหงุดหงิดง่าย เซียวซู่บอกว่าผู้ชายคนนี้คือเพื่อนที่เขาสนิทมากเมื่อก่อน
ตอนนี้เขาสงสัยมากว่าตัวเองเป็นเพื่อนกับคนแบบนี้เหรอ
ถ้าคิดให้ดีมันเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง
“มองแบบนั้นทำไม แม้จะไม่พอใจ แต่วันนี้เราทำต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เซียวซู่นายพาเขากลับไปเถอะ กลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยมา คืนนี้ฉันจะคิดดูว่ามีวิธีที่ความเสี่ยงน้อยกว่านี้ไหม”
เซียวซู่ทำได้เพียงไปประคองเย่โม่เซิน
“คุณชายเย่ ฟังที่เจสันพูดดีกว่าครับ เรากลับกันก่อน พรุ่งนี้เจสันอาจจะคิดวิธีอื่นได้ คุณจะได้ไม่ต้องทรมานแบบนี้อีก”
ไม่มีทางเลือกอื่น เย่โม่เซินก็รู้สึกว่าสภาพของตัวไม่ดีสักเท่าไรเหมือนกัน เขาลุกขึ้นยืนแล้วกลับไปพร้อมกับเซียวซู่
เจสันมองพวกเขาจนลับตา เขาต่อว่าออกมาอย่างอดไม่ได้
“คนบ้า บ้าไปหมดแล้ว!”
เขาไม่เคยเห็นคนที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อนเลย!
*
เวลาเกือบเที่ยงคืน เย่โม่เซินกับเซียวซู่มาถึงหน้าประตูบ้านตระกูลยู่ฉือ เขาให้คนใช้เป็นคนไปแจ้งว่าเขามารับเสี่ยวหมี่โต้ว
เดิมเซียวซู่อยากให้เย่โม่เซินพักอยู่ที่โรงแรม แล้วเขาจะมารับเอง แต่เย่โม่เซินไม่พูดอะไรหยิบกุญแจแล้วเดินออกมา
ตอนนี้เย่โม่เซินนั่งอยู่ที่ข้างคนขับ แววตาและสีหน้าของเขาดูอ่อนล้าเป็นอย่างมาก
เซียวซู่อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป “คุณชายน้อยฉลาดขนาดนั้น ถ้าเห็นคุณชายเย่เป็นแบบนี้ เขาต้องสงสัยแน่ๆ ครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่โม่เซินจึงเม้มปากอยู่ครู่หนึ่ง แววตาของเขามืดมน
“เดี๋ยวเขาขึ้นรถมา นายพูดเรียกความสนใจเขา แล้วหรี่ไฟในรถลง พยายามอย่าให้เขาเห็นหน้าของฉัน”
ตอนนี้สีหน้าของเขาแย่มาก จากความฉลาดของเสี่ยวหมี่โต้ว ต้องจับได้อย่างแน่นอน
เสี่ยวหมี่โต้วจับได้ไม่เป็นไร แต่เขากลัวว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะเอาเรื่องนี้ไปพูดกับมู่จื่อ
เมื่อถึงตอนนั้นถ้ากระทบอะไรก็จะแย่
เรื่องที่เขาตัดสินใจแล้ว เขาจะไม่เปลี่ยนใจอีก
อีกอย่างเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
เซียวซู่เหนื่อยใจเล็กน้อย แต่เขาก็ทำตามที่เย่โม่เซินบอก
แต่ว่าก่อนที่เสี่ยวหมี่โต้วจะมา เขาจำเป็นต้องพูดเรื่องบางเรื่องให้ชัดเจน
“คุณชายเย่ ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรปล่อยปละละเลย วันนี้คุณทดลองไปเพียงครั้งเดียวก็เป็นขนาดนี้ ถ้าพรุ่งนี้เช้าหน้าคุณยังเป็นแบบนี้ ถ้าคุณชายเย่ยังไม่กลับบ้าน คุณนายน้อยต้องจับได้ในไม่ช้าแน่ๆ ครับ”
อีกอย่างใครๆ ก็ไม่ใช่คนโง่ เรื่องนี้มันปิดบังได้เพียงชั่วครู่ แต่ไม่สามารถปิดบังได้ตลอดไป
ในช่วงเวลาแบบนี้ เย่โม่เซินไม่กลับบ้านก็ไม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังต้องกลับบ้านทุกวัน
เย่โม่เซินได้ยินดังนั้น แววตาของเขาหมองลง เขาหันไปมองเซียวซู่
“งั้นนายมีอะไรแนะนำไหม”
เซียวซู่ถามลองเชิง “ไม่งั้น เราไปหนึ่งวัน แล้วพักสักสองสามวันเป็นไงครับ”
“ไม่ได้”
ไปวันเดียวแล้วพักสองสามวัน สมองก็จะมีเวลาพัก ถ้าเป็นเช่นนี้ความทรงจำของเขาจะกลับมาตอนไหนล่ะ?
จริงๆ แล้ว หลังจากการจำลองเหตุการณ์ในวันนี้ สมองของเขาเบลอไปหมด โดยเฉพาะตอนที่หู ตา จมูกของเขาเต็มไปด้วยน้ำ เขารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ความหวาดกลัวมันออกมาจากก้นบึ้งในหัวใจของเขา
เขารับรู้ได้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหวาดกลัว
ตอนอยู่ในน้ำ เขาหวาดกลัวอะไร
เย่โม่เซินไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่กลัวอะไรง่ายขนาดนั้น
นอกจากความหวาดกลัว กลับไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับความทรงจำของเขาเลยแม้แต่น้อย
ถ้าไม่ใช่ เจสัน เขาอาจจะลองอีกครั้ง
“คุณชายเย่” เซียวซู่เรียกเขา
“ตัดสินใจไปแล้ว กลับไปไม่ต้องพูดเรื่องนี้ นอกจากนี้มู่จื่อต้องไปถามนายอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นนายก็ต้องเธอไปแบบนี้”
หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เย่โม่เซินพูด เซียวซู่อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ คนใช้ที่เขาไปแจ้งเดินออกมาพอดี
แต่ทว่าคนใช้เดินออกมาคนเดียว
ตอนที่เธอเดินออกมาพูดกับเขาด้วยสีหน้าแสดงความขอโทษ “ขอโทษนะ นายท่านบอกว่าคุณชายน้อยหลับแล้ว ให้คุณกลับไปก่อนค่ะ”