เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 975
บทที่975จูบทีนึงถึงจะหายคิดถึง
ส่วนอีกด้านนึง ในที่สุดหานมู่จื่อก็กล่อมเย่โม่เซินจนหลับ
ยากที่จะจินตนาการจริงๆ เขาที่เป็นผู้ชายอกสามศอกก็มีวันที่ต้องให้คนกล่อมนอนด้วย
หลายวันมานี้เย่โม่เซินนอนไม่ค่อยหลับตลอด คงจะเพราะจิตใจได้รับกระทบกระเทือนและทรมาน ดังนั้นจึงยากที่จะนอนหลับ อีกอย่างพอหลับปุ๊บก็จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝันอยู่เป็นประจำ
อาการแบบนี้ที่จริงร้ายแรงมาก ถ้าแค่ไม่กี่วันก็ไม่มีอะไร
แต่ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จิตใจของเขาอาจจะเกิดปัญหาได้
เผชิญหน้ากับเย่โม่เซินที่เป็นแบบนี้ หานมู่จื่อทั้งโกรธและสงสารจริงๆ
ที่โกรธคือเขาปิดบังตัวเองไปทำเรื่องพวกนี้ ที่สงสารคือจิตใจของเขากลายเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่จิตใจของเขาเข้มแข็งมากแล้ว แต่กลับยังกลายเป็นแบบนี้ แค่นี้ก็สามารถเห็นได้แล้วว่าช่วงนี้เขาทุกทรมานมากแค่ไหน
เพราะฉะนั้นหานมู่จื่อจึงต้องคอยกล่อมเขา เย่โม่เซินคนขี้โกงคนนี้คงจะฉวยโอกาส มือคอยจับเอวของไปมาเธออยู่เป็นประจำ สุดท้ายยังเอ่ยปากพูดด้วยเสียงแหบแห้ง: “คิดถึงคุณจัง ต้องจูบทีนึงถึงจะหายคิดถึงได้”
หานมู่จื่อ: “………”
อยากตบไปที่หน้าของเขาจริงๆ อยากถามเขาว่ากลายเป็นคนหน้าด้านแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
แต่พอเห็นสีหน้าและริมฝีปากที่ซีดเซียวของเขา หานมู่จื่อก็ใจแข็งไม่ลง ได้แต่ก้มหน้าลงไปจูบเขาอย่างเชื่อฟัง
เดิมทีหานมู่จื่อกะว่าจะปลอบโยนเขาโดยการจูบเบาๆ
ใครจะไปรู้ริมฝีปากแดงเพิ่งสัมผัสโดนเขา เย่โม่เซินก็เปลี่ยนจากฝ่ายถูกจูบมาเป็นฝ่ายจูบเองทันที ฝ่ามือใหญ่กดหลังศีรษะเธอไว้โดยตรง และอ้าปากจูบเธอ
“ม๊วฟ”
หานมู่จื่อเบิกตากว้าง คิดไม่ถึงว่าเขาจะไร้ยางอายขนาดนี้ จึงได้ยื่นมือผลักเขา เย่โม่เซินกลับครวญออกมาทีนึง ส่งเสียงออกมาจากซอกฟัน
“ตอนนี้ผมเป็นผู้ป่วยเชียวนะ ผลักผมได้ลงคอหรอ?”
ผู้ป่วย?
หานมู่จื่อหัวเราะเหอะๆอยู่ในใจ
มีผู้ป่วยคนไหนบ้างที่แรงเยอะเหมือนเขา? แต่ว่าริมฝีปากของเขาเย็นเล็กน้อย แถมยังแห้งกร้านมาก อีกอย่างช่วงนี้หานมู่จื่อก็คิดถึงเขามาก สุดท้ายก็เลยครึ่งยอมครึ่งปฏิเสธตามใจเขา
จากนั้นทั้งคู่ได้หวานแหววไปสักพักใหญ่ๆ เพราะด้านนอกมีคน บวกกับเย่โม่เซินก็เหลือบ่ากว่าแรง ดังนั้นจึงไม่ได้ทำจนเลยเถิดเกินไป
แต่ว่าตอนที่หานมู่จื่อจะออกมา ก็ยังได้ไปดูความเรียบร้อยที่ห้องน้ำครู่นึง ตอนที่เธอออกมาได้ยินเสียงปิดประตูของห้องครัวพอดี
“ใครเข้าห้องครัว?”
เธอถามไปคำนึง จากนั้นสายตามองคนสองคนที่อยู่ในห้องรับแขก
หานชิงกับเซียวซู่
งั้นคนที่ไปห้องครัวคือใครแค่คิดก็รู้แล้ว
หานมู่จื่อนึกถึงหลายวันก่อนเสี่ยวเหยียนยังเป็นไข้สูงอยู่เลย ดังนั้นช่วงนี้เลยไม่ได้ให้เธอเข้าครัวเลย คิดไม่ถึงว่าวันนี้เธอเข้าครัวอีกแล้ว
ดังนั้นหานมู่จื่อจึงเดินไปดึงประตูห้องครัวโดยตรง
“เสี่ยวเหยียน เธอออกมา”
เสี่ยวเหยียนสีหน้ามึนงง: “มีอะไรหรือเปล่า?”
“เย่โม่เซินจ้างคนรับใช้ไว้ เธอเข้าไปนี่อยากทำอะไร? เข้าไปแย่งงานคนอื่นหรอ?”
เสี่ยวเหยียน: “….…”
เธอเงียบไปสักพัก เอ่ยปากพูดด้วยแววตากล้ำกลืน: “ฉันไม่ชินกับอาหารที่คนรับใช้ทำ ฉันอยากทำเองสักมื้อนึง”
หานมู่จื่อ: “….…”
“อย่างไรก็ตาม ฉันหายจากการเป็นไข้มาก็หลายวันแล้ว ช่วงนี้ฉันกระโดดโลดเต้น ร่างกายก็ไม่มีตรงไหนที่ไม่ดีหนิ ทำกับข้าวมื้อนึงก็ไม่ทำให้ฉันเป็นกำเริบหรอก เธอร้อนรนใจอะไร?” พอพูดจบ
เสี่ยวเหยียนเดินมาพร้อมยิ้มแฉ่ง: “โอเคมั้ยมู่จื่อ หรือเธอไม่อยากทานฝีมือของฉัน? ถ้าเธอไม่ทานตอนนี้ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันพอฉันกลับไป เธอก็จะไม่ได้ทานแล้วนะ”
“กลับไป?” พูดถึงคำนี้ หานมู่จื่อก็นึกถึงคำพูดของเย่โม่เซินที่ตัวเองได้ยินข้างสระว่ายน้ำ
เขาบอกว่าจะกลับไปในประเทศพร้อมกับตัวเอง
คิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อยิ้มอ่อนๆและพูด: “ใครบอกว่าฉันจะไม่ได้กิน? อยู่ที่นี่ไม่ได้กิน ฉันสามารถกลับไปกินในประเทศได้หนิ?”
“ห๊ะ?” เสี่ยวเหยียนสีหน้าประหลาดใจ สักพักถึงดึงสติกลับมาได้
“ความหมายของเธอคือ……เธอก็จะกลับประเทศด้วย? งั้นคุณชายเย่จะทำยังไง? เธอจะทิ้งเขาไว้ที่นี่หรอ?”
“ยัยโง่!” หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะใช้มือดีดหน้าผากเธอ: “ฉันกลับประเทศ ก็ต้องพาเขากลับด้วยอยู่แล้ว”
“…….นายท่านยู่ฉือ…….จะเห็นด้วยหรอ?”
เท่าที่เธอดู ยู่ฉือจินคนนั้นเข้าหายากจริงๆ เข้าหายากไม่พอ ที่สำคัญคือดูเหมือนว่าเขาไม่ชอบมู่จื่อเอามากๆ ถ้ามู่จื่อพาเย่โม่เซินกลับประเทศ เสี่ยวเหยียนรู้สึกตามนิสัยของยู่ฉือจินแล้ว จะต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน แม้กระทั่งจะควบคุมตัวพวกเขาไว้ด้วย
พูดถึงยู่ฉือจิน สีหน้าของหานมู่จื่อก็มีความกลุ้มใจเพิ่มมากขึ้น
ใช่สิ ตอนนั้นหลังจากเย่โม่เซินรับปาก หานมู่จื่อก็คิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกยู่ฉือจินไม่เห็นด้วยแน่นอน
แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่ฝ่ายตรงข้ามไม่เห็นด้วยเธอก็จะไม่ทำ เพียงแต่พอนึกถึงคนๆนั้นคือคุณตาของเย่โม่เซิน อีกทั้งยังถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของเขาด้วย
ถ้าไม่มีเขา ครั้งนี้ก็จะไม่มีเย่โม่เซิน
เพราะฉะนั้น…….ที่เธอกังวลคืออะไรล่ะ?
กลัวเรื่องนี้จะทำให้ท่านลำบากใจ เพราะยังไงซะท่านก็เจ็ดแปดสิบแล้ว เรื่องที่อยากทำในตอนนี้ คาดว่าก็คงอยู่กับลูกๆหลานๆแล้วมั้ง
ดูสีหน้าแววตาที่เขาเห็นส้งอาน ยู่ฉือจิน แม้กระทั่งหลังจากเห็นเสี่ยวหมี่โต้ว ก็สามารถดูออกถึงความปรารถนาและการอยู่เป็นเพื่อนจากคนในครอบครัวของนายท่านคนนี้
บางที………..
มีความคิดนึงก่อตัวขึ้นมาจากสมองของหานมู่จื่อ จากนั้นก็ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ผ่านไปสักพัก หานมู่จื่อยิ้มเบาๆและพูดว่า: “ไม่ว่าจะมาด้วยวิธีไหน ก็สามารถรับมือได้ ยังไม่ถึงวันนั้นเลย ถึงเวลาค่อยว่ากันเถอะ”
เสี่ยวเหยียน: “……เธอกลายเป็นคนที่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีตั้งแต่เมื่อไหร่? รู้สึกไม่ชินเลยจริงๆ”
หานมู่จื่อเดินเข้าไป “ที่ผ่านมาฉันก็เป็นคนที่พึงพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีมาโดยตลอด แค่เมื่อก่อนเธอไม่เข้าใจฉันเฉยๆ เอาล่ะ เธอดึงดันที่จะทำกับข้าว งั้นฉันก็มาช่วยเธอก็แล้วกัน”
“เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ อย่าดีกว่ามั้ง? ฉันกลัวถึงเวลาคุณชายเย่รู้ว่าเธอทำกับข้าวกับฉัน ต้องใช้สายตาฆ่าฉันตายแน่”
ถึงพูดอย่างนี้ แต่เสี่ยวเหยียนก็ได้หลีกทางให้เธอเข้ามาอยู่ดี
นานมากแล้วที่ทั้งสองคนไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้ และพูดคุยเม้าท์มอยกันอย่างนี้
ตอนที่พูดคุยถึงเรื่องที่น่าสนใจ จู่ๆเสี่ยวเหยียนได้พูดเรื่งของเซียวซู่ให้หานมู่จื่อฟัง
จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแขวะใส่
“เธอว่าคนๆนี้นี่บ้าไปหรือเปล่า? ด้านนึงก็ขอร้องฉันช่วยเขาพูดความดีเพื่อรับโบนัสสิ้นปี อีกด้านนึงก็เหมือนจะโกรธ เธอว่าคนๆนี้นี่แปลกประหลาดมั้ย ตกลงจะให้ฉันช่วยเขาพูดความดีใส่ตัวมั้ยเนี่ย?”
หานมู่จื่อ: “…….”
เธอหยุดท่าทางของมือลง มองเสี่ยวเหยียนที่กำลังบ่นอยู่
ยัยบ๊องคนนี้………ไม่มีตาหรือไง?
เรื่องที่เห็นได้ชัดขนาดนี้ ไม่นึกเลยว่าเธอจะดูไม่ออกเลยหรอ?
พริบตาเดียว หานมู่จื่อไม่รู้จะพูดอะไรขึ้นมาทันที เพียงแค่รู้สึกสงสารเซียวซู่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เธอแทบจะรับประกันได้ ถ้าเซียวซู่เป็นแบบนี้ต่อไป ชาตินี้เสี่ยวเหยียนก็คงไม่รู้เรื่องที่เซียวซู่ชอบเธอแล้ว
หานมู่จื่อกลอกตาไปมา กำลังลังเลว่าจะพูดอะไรหน่อยดีมั้ย จะได้ให้เสี่ยวเหยียนยัยโง่คนนี้ตาสว่างขึ้นมาบ้าง
ในขณะที่เธอกำลังลังเล จู่ๆเสี่ยวเหยียนกลับยกมือขึ้น เสียงมีดทุบกระเทียมดังปั้ง ทุบให้กระเทียมแบน
“แถมยังแปลกมากด้วย ฉันรู้สึกเขาเหมือนกำลังหึง……..แต่ฉันก็ไม่มีหลักฐาน”
“…….” หานมู่จื่อมองเธอทีนึง แล้วเอ่ยปากพูดอย่างหยั่งความคิด: “ไม่แน่ เขาอาจจะหึงจริงๆล่ะ?”