เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 976
บทที่976นายอยู่ที่บ้านเถอะ
เสี่ยวเหยียนยังทุบอยู่ พอทุบเสร็จก็ได้หั่นเป็นชิ้นๆอย่างคล่องแคล่ว
หานมู่จื่อมองกระเทียมพวกนั้น อดไม่ได้ที่จะพูด: “ตอนเที่ยงเธอจะกินกระเทียมหรอ?”
“มีปัญหาอะไรหรอ?”
“ไม่มีปัญหา เพียงแต่…..เธอไม่กลัวกลิ่นของมัน”
พอได้ยินคำนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนดึงสติกลับมาทันที: “ใช่น้อ เทพบุตรอยู่ที่นี่ เป็นไปได้ยังไงที่ฉันจะกินกระเทียม? เดี๋ยวถ้ามีโอกาสได้อยู่ใกล้กันสองต่อสองกับเทพบุตร เปิดปากพูด ไม่ทำให้เขาเหม็นตายหรอ?”
คิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนยื่นมือคว้ากระเทียมที่หั่นเสร็จ แล้วโยนไปที่ถังขยะข้างกายโดยตรง
จากนั้นก็ล้างมีดและเขียงให้สะอาดด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วว่องไวมาก
“ยังดีที่เธอเตือนฉันนะเนี่ย”
หานมู่จื่อมองเธออย่างละเอียดทีนึง พบว่าใบหน้าเธอไม่มีสีหน้าที่หลบหนีเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนลืมคำพูดของก่อนหน้านั้นไปหมดแล้ว
คือไม่แคร์ หรือสะเพร่ากันนะ?
หานมู่จื่อคิดๆแล้วพูดอีก: “เอ่อ……คำที่ฉันพูดกับเธอเมื่อกี๊ เธอได้ยินหรือเปล่า?”
เสี่ยวเหยียน: “คำพูดอะไร?”
“บางที เซียวซู่อาจจะหึงจริงๆล่ะ?”
เสี่ยวเหยียน: “เป็นไปไม่ได้!”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าเป็นไปไม่ได้? เธอเองก็เกิดความสงสัยแล้วไม่ใช่หรอ? แค่ไม่แน่ใจเฉยๆ”
“ใช่ ฉันสงสัยนิดหน่อยก็จริง แต่พอคิดอย่างละเอียดแล้วก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี เซียวซู่ไม่มีทางชอบฉันหรอก พวกเรารู้จักกันมานานขนาดนี้ ถ้าเขาจะชอบฉันก็คงชอบไปตั้งนานแล้ว เป็นไปได้ยังไงที่วันนั้นฉันถามเขา เขายังจะปฏิเสธฉันอีก ที่จริงฉันยังรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ที่ตัวเองวู่วามขนาดนั้น ถามคำถามแบบนี้รู้สึกขายหน้ามากเลย”
หานมู่จื่อ: “……..”
ช่างเถอะ เธอไม่รู้จะพูดกับเสี่ยวเหยียนยังไงแล้วจริงๆ
อย่ายุ่งเลยดีกว่า
หานมู่จื่อไม่ได้พูดอะไรอีก ทั้งสองทำกับข้าวอย่างเงียบๆ
ตอนที่ทานข้าว เย่โม่เซินยังหลับอยู่ หานมู่จื่อจึงได้ยกกับข้าวของเขามาให้ รอให้เขาตื่นแล้วค่อยทาน
เธอเพิ่งเก็บวัตถุดิบเข้าไปในตู้เย็นเสร็จ จู่ๆได้ยินหานชิงพูดคำนึง
“พี่จะกลับประเทศพรุ่งนี้”
ตึ๊ก!
มือของเสี่ยวเหยียนที่ก่อนหน้านั้นยังกุมตะเกียบไว้ หลังจากได้ยินคำนี้ก็ปล่อยมือทิ้งโดยตรง จากนั้นตะเกียบก็ได้ตกหล่นบนพื้น
เวลาเหมือนได้หยุดนิ่งไปเสี้ยววินาที หลังจากผ่านไปครู่นึง เสี่ยวเหยียนก้มศีรษะลงด้วยความอึดอัด เตรียมเก็บตะเกียบที่ตัวเองทำหล่นขึ้นมา
ใครจะไปรู้ว่ามีคนที่ท่าทางไวกว่าเธอ เซียวซู่โน้มตัวเก็บตะเกียบของเธอขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบตะเกียบให้เธอใหม่
ตอนที่เสี่ยวเหยียนรับตะเกียบมายังค่อนข้างประหลาดใจอยู่ “นาย……”
“แค่ตะเกียบก็ยังไม่กุมดีๆ โง่ตายไปเลยดีกว่า”
เซียวซู่แขวะเสียงเบา
เสี่ยวเหยียนเบิกตากว้างขึ้นมาทันที
แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ถือสาเซียวซู่ แต่ได้มองไปที่หานชิง และถามด้วยความตื่นเต้น: “ก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่บนรถ ไม่ใช่บอกว่ายังอีกหลายวันหรอคะ? ทำไมตอนนี้กลับกลายเป็นพรุ่งนี้แล้ว? ถ้ารีบร้อนขนาดนี้ล่ะก็ จะจองตั๋วได้หรอคะ?”
“เรื่องนี้ซูจิ่วจะจัดการเอง”
ได้ยินชื่อของซูจิ่ว เสี่ยวเหยียนเงียบกริบ ใช่สิ ผ่านมาหลายวันแล้ว ซูจิ่วก็ควรจะเตรียมตัวทำงานแล้ว ขอแค่เธอออกโรง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถช่วยหานชิงจัดการได้อย่างเรียบร้อย
แต่ไม่นาน เสี่ยวเหยียนก็เอ่ยปากพูด: “งั้นฉันกลับไปพร้อมคุณได้มั้ยคะ? ฉันก็จะไปจองตั๋วเดี๋ยวนี้เลย”
พอพูดจบ แม้แต่ข้าวเธอก็ไม่ทานแล้ว ได้ทิ้งถ้วยและตะเกียบลงโดยตรงแล้ววิ่งไปเอามือถือที่ห้องนอน
ทุกคน: “….…”
หานมู่จื่อแอบสำรวจเซียวซู่ไปทีนึง เห็นสีหน้าเขาเหมือนปกติ ดูเหมือนไม่มีอารมณ์แปรปรวนและน่าแปลก แต่ว่าคิดๆแล้วเขาเป็นคนข้างกายของเย่โม่เซิน
แบบนี้ดูเหมือนก็ไม่มีอะไรน่าแปลก
“พี่ ทำไมจู่ๆถึงจะกลับไปอย่างรีบร้อนขนาดนี้คะ? ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้ยินว่าพี่จะกลับไปเร็วขนาดนี้เลย?” หานมู่จื่อตักน้ำซุปให้ตัวเองถ้วยนึง จากนั้นก็ถาม
หานชิงมองมาที่น้องสาวตัวเอง น้ำเสียงอ่อนโยนลงเยอะมาก
“บริษัทเกิดเรื่องอย่างกะทันหันนิดหน่อย ต้องรีบกลับไปจัดการ เดิมทีพี่ยังอยากอยู่เป็นเพื่อนเธออีกหลายวัน แต่ตอนนี้คงจะไม่ได้แล้ว เธออยู่ข้างนอกต้องดูแลตัวเองดีๆนะ ถ้าได้รับความกล้ำกลืนอะไร อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว พี่เป็นคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งของเธอเสมอ”
พูดถึงตรงนี้ หานชิงนิ่งไปครู่นึง ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังไตร่ตรองอะไรอยู่
ผ่านไปสักพักเขาถึงพูดด้วยเสียงอ่อนนุ่ม: “ถึงแม้ตระกูลยู่ฉือจะบ้านใหญ่ธุรกิจใหญ่ แต่ตระกูลหานก็ไม่ใช่ตระกูลที่กลัวมีเรื่อง เข้าใจความหมายของพี่มั้ย?”
หานมู่จื่ออึ้งไปครู่นึง เขาฟังความหมายของหานชิงออก
เขากลัวยู่ฉือจินจะสร้างความลำบากใจให้เธอ แม้กระทั่งใช้อำนาจของตระกูล เขากำลังบอกกับตัวเอง ถ้าต้องการอำนาจของตระกูลหาน งั้นตระกูลหานก็ไม่ท้อถอยแน่นอน
ขอแค่เธอต้องการ งั้นอำนาจของตระกูลหานก็จะประเคนให้ด้วยสองมือ
ได้พี่ชายแบบนี้ หานมู่จื่อรู้สึกชาติที่แล้วตัวเองต้องเคยช่วยเหลือกาแล็กซี่ทั้งหมดไว้จริงๆ
เบ้าตาเธอแดงเล็กน้อย “พี่”
“เอาล่ะ ดื่มน้ำซุปเถอะ”
หานมู่จื่อได้แต่ก้มหน้าดื่มน้ำซุป เซียวซู่มองภาพนี้อยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ คิดไม่ถึงว่าหานชิงอ่อนโยนกับน้องสาวตัวเองขนาดนี้
แต่ว่าเขากลับไม่มีเยื่อใยให้เสี่ยวเหยียนเลยแม้แต่น้อย
นี่ก็คงเป็นสาเหตุที่เสี่ยวเหยียนเศร้าโศกเสียใจขนาดนี้มั้ง?
แต่ว่า เขาเป็นคนนอก ไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรคนอื่น
เพราะยังไงซะหานชิงก็ไม่ได้เล่นกับความรู้สึกของเสี่ยวเหยียน ท่าทีของเขาแสดงออกมาอย่างชัดเจนมาก
ถ้าเสี่ยวเหยียนยังดื้อดึงอย่างนี้ต่อไป งั้นก็เธอเป็นคนที่รนหาเอง
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆเซียวซู่ค่อนข้างสงสารขึ้นมา
ถ้าเสี่ยวเหยียนก็ดื้อดึงเหมือนเขา แล้วชอบหานชิงต่อไปล่ะ?
“ห๊ะ ทำไม? ทำไมตั๋วของวันพรุ่งนี้ถึงเต็มหมดแล้ว? ?”
กำลังครุ่นคิดอยู่ เสี่ยวเหยียนกุมมือถือไว้วิ่งออกมาจากห้องนอนอย่างบ้าคลั่ง วิ่งมาด้วยและตะโกนเสียงดังด้วย “ตั๋วของวันพรุ่งนี้เต็มหมดเลย มีคนกลับประเทศเยอะขนาดนี้เลยหรอเนี่ย? นี่มันหลอกลวงเกินไปรึเปล่า?”
ตอนที่เสี่ยวเหยียนพูดคำพูดเหล่านี้ ได้ยืนไปที่ข้างกายหานชิง มองเขาด้วยสายตาน่าสงสาร: “คุณ…..อยู่ต่ออีกหลายวันหน่อยค่อยกลับได้มั้ยคะ? หลายวันนี้มานี้คุณยังไม่ได้พูดคุยกับน้องสาวคุณดีๆเลยนะคะ”
หานชิงขมวดคิ้ว: “ที่บริษัทมีเรื่องเร่งด่วน จำเป็นต้องกลับไป”
ฟังน้ำเสียงของเขา เสี่ยวเหยียนรู้สึกตัวเองหมดหวังแล้วจริงๆ ได้แต่กัดริมฝีปากล่างไว้ไม่พูดจาอีก ก้มหน้ากลับไปที่นั่งตัวเอง
ทุกคนต่างก็ดูออก ชีวิตชีวาบนตัวเธอหายไปในพริบตา
ข้าวมื้อนี้ทานได้อย่างต่างคนต่างความคิด ตอนที่ทานข้าวเสร็จ หานมู่จื่อได้กลับไปที่ห้องอย่างไว
พอตกดึก จู่ๆตระกูลยู่ฉือได้ส่งหยูโปมา มาเรียนเชิญทุกคนไปทานข้าวด้วยกัน
หานมู่จื่อนึกถึงพรุ่งนี้หานชิงก็จะกลับประเทศแล้ว คิดๆแล้วก็ได้รับปากเรื่องนี้ อีกอย่างเธอก็มีธุระหายู่ฉือจินพอดี
แน่นอน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากที่ละเลยไม่ได้ ถึงเวลาต้องแสดงออกดีๆ ก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้เสี่ยวหมี่โต้วช่วยเธอสร้างความประทับใจไปถึงไหนแล้ว
เพราะหานชิงจะกลับในวันพรุ่งนี้แล้ว ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงอารมณ์ไม่แจ่มใสเลย ได้ยินข่าวที่พวกเขาจะไปทานข้าวที่ตระกูลยู่ฉือ ก็ได้ปฏิเสธไปเลย
เดิมทีหานชิงไม่อยากไป แต่นึกถึงตัวเองเป็นพี่ชายของมู่จื่อ
ข้าวมือนี้ เขาที่เป็นญาติของฝ่ายหญิงคงต้องไปแน่แล้ว ดังนั้นพอสุดท้าย คนที่อยู่บ้านก็มีแค่เซียวซู่กับเสี่ยวเหยียนแล้ว
เดิมทีเซียวซู่กะว่าจะไปด้วยคน แต่ปรากฏตอนที่ออกไป จู่ๆเย่โม่เซินมองเขาอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็พูดว่า: “นายอยู่ที่บ้านเถอะ”