เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 993
บทที่993 คนๆนี้อยากลองดีใช่ไหม
ตอนที่เฉียวจื้อตอบกลับข้อความของเธอคือสองวันหลังจากนั้น เขาบ่นระทมอยู่ในวีแชท
ที่แท้เขาไม่ได้จงใจหายไปจากวีแชท แต่เป็นเพราะโทรศัพท์ของเขาถูกชายชราที่บ้านยึดไปเท่านั้น ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็เลยเหมือนถูกเผาทั้งเป็น อยู่ก็เหมือนตาย ตายก็เหมือนอยู่
หานมู่จื่อฟังเขาบ่นอยู่ในวีแชท ถึงได้รู้ว่าที่แท้เขากลับไปฉลองปีใหม่กับคุณปู่ในประเทศ หลายวันที่ผ่านมาคุณปู่พาเขาไปแนะนำกับญาติๆทั้งหลาย ถึงจะพูดว่าเป็นญาติ น่าจะพูดว่าพาเขาไปดูตัวไปทั่วมากกว่า
เมื่อฟังถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็อดที่จะพูดแซวเขาไม่ได้
“ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ถือว่าทำเพื่อเรื่องใหญ่ในชีวิตนายเลยนะ”
เฉียวจื้อโหยหวนอยู่ในโทรศัพท์ทางวีแชทเหมือนหมาป่า “พี่สะใภ้ เธอก็ขำได้แค่ตอนนี้แหละ ถ้าฉันบอกว่าเรื่องที่ได้พบเจอเมื่อวานเป็นเรื่องที่ยู่ฉือต้องพบเจอในวันพรุ่งนี้ เธอจะพูดว่าก็ดีอีกหรือเปล่า”
น้ำเสียงของหานมู่จื่อก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร คิ้วงามเลิกสูงขึ้น “แต่พวกคุณไม่เหมือนกันนี่นา ยู่ฉือที่คุณพูดถึงเขามีเจ้าของแล้ว ส่วนคุณ……เป็นโสด”
พอเฉียวจื้อได้ยินคำนี้เข้า ก็ร้องไห้ทันที
“พี่สะใภ้ ไม่ต้องพูดอทงใจอีก ช่วงนั้นฉันก็น่าสงสารพอแล้ว เธอไม่ต้องทำกับฉันแบบนี้ก็ได้”
หานมู่จื่อถูกเขาทำให้ขำอย่างหนัก
แต่เฉียวจื้อก็กลับสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว
“ไม่สิ ฉันลืมถามเรื่องสำคัญไป พวกเธอจะกลับประเทศหรือ เมื่อไหร่”
หานมู่จื่อเหลือบมองเวลาที่เขาตอบกลับข้อความทีหนึ่ง “อืม อีกสามวัน”
“ให้ตายสิ!”
จากนั้น หานมู่จื่อก็ได้ยินเสียงเฉียวจื้อกระโดดอยู่ในสาย แล้วเหมือนว่าเตะถูกของบางอย่างเข้าเลยร้องอย่างเจ็บปวด สูดหายใจอยู่นานก่อนจะพูดกับเธออย่างน่าสงสารว่า “อย่าทำแบบนี้สิพี่สะใภ้ กว่ายู่ฉือ พี่สะใภ้ กับฉันจะสนิทสนมกันได้ไม่ใช่ง่ายๆเลย พวกเธอกลับประเทศกันแบบนี้ แล้วฉันจะทำยังไง ต่อไปก็เหลือฉันคนเดียว ฉันก็ต้องอยู่อย่างเปลี่ยวเหงาน่ะสิ”
“……”
“ไม่พูดให้มากความแล้ว บอกฉันมาว่าตอนนี้พวกเธออยู่ไหน ฉันจะไปหาพวกเธอเดี๋ยวนี้แหละ”
หานมู่จื่อ “……”
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หานมู่จื่อก็บอกที่อยู่เขาไป
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ถือโทรศัพท์เลย เพราะถูกยึดไว้ ตอนนี้เขาคงจะกลับมาแล้วสินะ
แล้วก็เป็นไปตามคาด พอหานมู่จื่อส่งที่อยู่ให้เฉียวจื้อไปไม่นาน เฉียวจื้อก็ตรงมาทันที
ตอนที่ได้ยินเสียงกระดิ่งดังขึ้น หานมู่จื่อก็เหลือบไปมองนาฬิกาแวบหนึ่ง ทำไมเฉียวจื้อถึงได้รวดเร็วขนาดนี้ เขาขับรถแข่งมาหรืออย่างไรกัน
หานมู่จื่อมองดูที่ตาแมวครั้งหนึ่ง แล้วก็พบว่าเฉียวจื้อยืนอยู่ข้างนอกจริงๆ เธอเลยเปิดประตูออก
ตอนที่เฉียวจื้อเห็นเธอ ก็ทำสีหน้าน่าสงสารออกมา จากนั้นก็อ้าแขนพุ่งเข้ามาหาเธอ “พี่สะใภ้ ฉันคิดถึงพวกเธอจังเลย”
หานมู่จื่อยืนนิ่งอยู่กับที่ ราวกับคิดไม่ถึงว่าเขาจะแสดงท่าทางแบบนี้ออกมา แต่ก่อนที่เธอจะเบี่ยงตัวหลบเฉียวจื้อก็หยุดด้วยตัวเองเสียก่อน ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับแขนที่ค้างอยู่กลางอากาศ
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็เดินผ่านตัวหานมู่จื่อแล้วไปกอดตู้ที่อยู่ข้างๆ
หานมู่จื่อ “……”
คนๆนี้ หาเรื่องใช่ไหม
เฉียวจื้อกอดตู้ ทำหน้าน่าเวทนา
ล้อเล่นหรือเปล่า เมื่อกี้ถึงได้คิดจะพุ่งเข้าไปกอดพี่สะใภ้ ถึงแม้ในใจเขา จะคิดว่าพี่สะใภ้เป็นเหมือนคนในครอบครัว แต่ในใจของยู่ฉือคงไม่ได้คิดแบบนั้น
เดี๋ยวเขาจะคิดว่าตัวเองล่วงเกินพี่สะใภ้ ตัวเองไม่ได้อยากจากไปตั้งแต่ยังเยาว์
หานมู่จื่อปิดประตูลง แต่กลับได้ยินเฉียวจื้อถามขึ้นเบาๆว่า “ยู่ฉือไม่อยู่หรือ ?”
“อีกสามวันพวกเราก็กลับประเทศแล้ว ช่วงนี้เขาก็เลยอยู่จัดการงานที่บริษัทตลอด”
ก็คือหลังจากนี้ จัดการเรื่องพวกนี้ให้เรียบร้อย พวกเขาจะได้กลับประเทศอย่างสบายใจ
เมื่อพูดถึงเรื่องกลับประเทศ อารมณ์ของเฉียวจื้อก็หดหู่อีกครั้ง “พวกเธอจะกลับประเทศจริงๆหรือ อยู่ที่นี่ไม่ดีหรือ พี่สะใภ้ ตอนนี้เธอก็อยู่กับเขาแล้ว ทำไมยังจะกลับไปอีกล่ะ”
หานมู่จื่อมองเฉียวจื้อทีหนึ่ง เขาน่าจะยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ คงจะคิดว่าเธอกับเย่โม่เซินแค่ฉลองปีใหม่กันอย่างราบรื่นเท่านั้น
ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เฉียวจื้อฟังอย่างไรดี เหมือนว่าถ้าพูดคงจะยาว ดังนั้นสุดท้ายหานมู่จื่อเลยพูดแค่ว่า “ยังไงที่นี่ก็ไม่ใช่พื้นที่ของพวกเรา เมื่อก่อนพวกเราก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นฉันก็เลยอยากกลับไปกับเขา แน่นอนว่า ที่สำคัญก็คือ ที่นั่นเป็นสถานที่ที่พวกเราเคยอยู่ ฉันก็หวังว่ากลับไปยังที่ๆเคยไป เพื่อดูว่ามันจะช่วยให้ความทรงจำของเขากลับมาได้หรือเปล่า”
พอฟังถึงตรงนี้ เฉียวจื้อก็เข้าใจได้ในที่สุด
ที่แท้ก็เพื่อให้ความทรงจำของยู่ฉือกลับมา ก็เลยตัดสินใจกลับประเทศ เขาพยักหน้า “มันก็จริง แบบนี้ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะรั้งพวกเธอไว้แล้วสิ ไม่อย่างนั้น ก็เหมือนห้ามไม่ให้ยู่ฉือฟื้นความทรงจำสินะ”
หานมู่จื่อยิ้มบางๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
“เฮ้อ”
เฉียวจื้อถอนหายใจยาวๆ รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
หานมู่จื่อก้าวเท้าออกไป แล้วเดินเข้าไปพร้อมกับเขา “ช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้าง ดูตัวเป็นยังไง มีคนที่ถูกใจบ้างหรือเปล่า”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเฉียวจื้อก็บึ้งตึงทันที
“พี่สะใภ้ เธออย่าล้อฉันเล่นเลย ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าช่วงนี้ฉันเหมือนถูกเผาทั้งเป็น อยู่ก็เหมือนตาย ชาวบ้านเขาฉลองปีใหม่อย่างมีความสุข ส่วนฉันสิ……มืดมิดไปหมด”
ระหว่างที่หานมู่จื่อเข้าห้องครัวไปรินน้ำให้เขาแก้วหนึ่ง เฉียวจื้อก็สำรวจการตกแต่งโดยรอบ จากนั้นก็ชมเชยออกมา
“บ้านหลังนี้เลือกได้ไม่เลวเลย ยู่ฉือซ่อนเธอไว้ดีจริงๆ”
จากนั้นก็เห็นหานมู่จื่อยื่นน้ำแก้วหนึ่งมาให้เขา ก็ทำหน้าหดหู่อีกครั้ง “ไม่จริงน่าพี่สะใภ้ ฉันมาตั้งไกล ไม่ให้ดื่มน้ำหวานหรือไวน์สักแก้ว แต่กลับเป็นน้ำเปล่าแก้วหนึ่งแค่นี้หรือ”
“เดี๋ยวรอกินข้าวเที่ยงสิ ดื่มน้ำเปล่าแค่นี้จะน้อยใจทำไม”
“อะไรนะ ?”
พอเฉียวจื้อได้ยินว่าอยู่กินข้าวได้ แววตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
ช่วงที่ผ่านมา สิ่งที่เขาได้กินแต่ละอย่าง ถึงจะบอกว่าเป็นฝีมือเชฟใหญ่ แต่เขาก็ยังคิดถึงอาหารฝีมือพี่สะใภ้ ดังนั้นพอได้ยินหานมู่จื่อบอกว่าให้อยู่กินข้าวได้ เฉียวจื้อก็ลืมเรื่องไม่สบายใจไปหมดสิ้น
“ไม่น้อยใจ ไม่น้อยใจเลยสักนิด”
“ไม่น้อยใจก็ดี ถ้าคุณกล้าบอกว่าน้อยใจ วันนี้คุณก็ไม่ต้องกินข้าวแล้ว”
“พี่สะใภ้ แล้วพวกเราไม่ต้องไปซื้อวัตถุดิบที่ซูปเปอร์มาร์เก็ตหรือ”
ซื้อวัตถุดิบ ?
หานมู่จื่อส่ายหน้า “เรื่องนี้ไม่ต้องหรอก มีคนไปซื้อแล้ว”
เสี่ยวเหยียนช่วงนี้เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ตื่นแต่เช้าไปซื้อของที่ซูปเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นก็ทำอาหารมื้อใหญ่ทุกวัน เพราะของที่ต้องซื้อมีเยอะมาก ดังนั้นเซียวซู่ก็เลยตามไปด้วย
“มีคน ? ใครหรือ” เฉียวจื้อเกาหัว ถ้าเขาจำไม่ผิด เมื่อครู่พี่สะใภ้บอกว่ายู่ฉือทำงานอยู่ที่บริษัทนี่ ไม่มีเหตุผลที่เขาจะเป็นคนไป
“เพื่อนของฉันเอง คุณไม่เคยเจอหรอก เดี๋ยวพวกเขากลับมา จะแนะนำให้คุณรู้จัก”
มีเพื่อนใหม่ ?
เฉียวจื้อเผยธาตุแท้ออกมาทันที ยิ้มอย่างกะล่อนว่า “มีผู้หญิงไหม ?”
หานมู่จื่อ “……”
“ฉันบอกคุณไว้ก่อนนะ ถึงจะมีผู้หญิง คุณก็ห้ามคิดอะไรกับเพื่อนฉันเด็ดขาด อย่าเอามือเลวๆของคุณมาโดนคนรอบตัวฉัน ไม่อย่างนั้น…