เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 997
บทที่997 คนที่ไว้ใจ
หยูโปยิ้มบางๆ แล้วอธิบายเสียงเบา
“นายท่านบอกว่า เด็กมักจะห่างจากพ่อแม่ไม่ได้ พวกคุณกำลังจะกลับประเทศแล้ว ดังนั้นเลยให้ลูกมาอยู่กับพวกคุณให้มากๆ อีกอย่างเขาก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไร เหลนมาอยู่ฉลองปีใหม่กับเขาแล้ว เขาก็รู้สึกปลาบปลื้มใจมากแล้ว ดังนั้น……”
พูดถึงตรงนี้ หยูโปก็หยุดลง จากนั้นก็หันไปมองเสี่ยวหมี่โต้วทีหนึ่ง
หานมู่จื่อเหมือนจะรับรู้ถึงบางอย่างได้ เลยบีบแก้มเสี่ยวหมี่โต้วเบาๆ
“เสี่ยวหมี่โต้ว ลูกไปอาบน้ำก่อน แล้วไปรอหม่ามี๊ในห้องก่อนนะครับ โอเคไหม สัมภาระของลูกที่เอามาอยู่ในห้องของแดดดี้”
“ครับ ได้ครับหม่ามี๊ งั้นเสี่ยวหมี่โต้วไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
เมื่อกันเสี่ยวหมี่โต้วให้ออกห่างแล้ว หานมู่จื่อก็เริ่มเปิดปากอีกครั้ง “ลุงหยู ที่คุณมาวันนี้ ยังมีเรื่องอื่นอีกใช่ไหมคะ”
หยูโปพยักหน้า หยิบถุงกระดาษคราฟท์ออกจากกระเป๋าเอกสารแล้วส่งให้หานมู่จื่อ หานมู่จื่อมองดูถุงกระดาษคราฟท์ แต่กลับรู้สึกไม่กล้ารับมา
ครั้งที่แล้วยู่ฉือจินมอบกล่องเล็กๆใบหนึ่งให้เธอ
สิ่งที่อยู่ในกล่องก็คือสร้อยเพชรที่แสนล้ำค่า ครั้งนี้ให้ถุงกระดาษคราฟท์มา คงไม่ใช่ว่าให้เงินเธอหรอกนะ
“คุณนายหลานสะใภ้น้อย” เห็นว่าเธอจ้องถุงกระดาษคราฟท์อย่างเหม่อลอย หยูโปก็เลยเรียกเธอครั้งหนึ่ง
หานมู่จื่อได้สติกลับมา “ลุงหยู นี่…..ขอถามหน่อยได้ไหมคะว่าของในนี้คืออะไร”
หยูโปไม่ตอบอะไร เพียงยื่นถุงกระดาษคราฟท์ให้เธอด้วยท่าทางลึกลับเท่านั้น “อีกเดี๋ยวคุณนายหลานสะใภ้น้อยเปิดดูก็จะรู้เองครับ นี่เป็นเพียงน้ำใจที่นายท่านยู่ฉือมอบให้เสี่ยวหมี่โต้วเท่านั้นครับ ก่อนมานายท่านก็กำชับไว้แล้ว ว่าจะต้องส่งให้ถึงมือคุณ”
หานมู่จื่อยื่นมือที่สั่นเทาออกไปรับ รู้สึกว่าของที่อยู่ข้างในนั้นคงสำคัญมาก
สิ่งที่อยู่ในถุงแบบนี้ เป็นไปได้ว่าจะเป็นเงินเท่านั้น แต่ตอนที่รับมากลับไม่ได้รู้สึกหนักอะไรมาก กลับดูเหมือนจะเป็นเอกสารมากกว่า
หรือว่า……
จู่ๆก็มีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของหานมู่จื่อ เลยตกใจจนคืนถุงกระดาษคราฟท์กลับไปทันที
“ลุงหยูคะ ฉันรับสิ่งนี้ไว้ไม่ได้ รบกวนคุณช่วยส่งมันกลับไปให้คุณจตาแทนฉันทีนะคะ เสี่ยวหมี่โต้วอายุยังน้อยขนาดนี้ ไม่ต้องเตรียมอะไรไว้ให้เขาหรอกค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันก็รับของขวัญจากคุณตามาแล้ว แค่นี้ก็รู้สึกเกรงใจมากแล้ว ถ้าเกิด……”
เธอไม่ได้โลภเลยสักนิด สิ่งที่แสดงออกมาทางสีหน้าก็จริงใจ หยูโปพยักหน้าอย่างชื่นชม “คุณนายหลานสะใภ้น้อยเป็นคนจริงใจ แต่ว่านายท่านมอบหมายผมมา ผมเป็นแค่คนรับใช้ของตระกูลยู่ฉือ เลยต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายเท่านั้นครับ”
“ลุงหยูคุณอย่าล้อเล่นแบบนี้เลยค่ะ คุณเป็นที่เคารพนับถือ จะเป็นคนรับใช้ได้ยังไง อีกอย่างมู่จื่อก็เห็นว่า คุณเป็นญาติผู้ใหญ่ ดังนั้นของขวัญชิ้นนี้……”
“ยังไงคุณนายน้อยก็ต้องรับของขวัญวันนี้ครับ นายท่านพูดไว้แล้ว ถ้าคุณรู้สึกกดดัน ก็ให้บอกคุณว่าไม่จำเป็นต้องรู้สึกอย่างนั้น เพราะนี่ไม่ได้ให้คุณ เป็นสิ่งที่ท่านให้กับเหลนของท่าน ในฐานะที่เขาเป็นปู่ มอบของขวัญให้กับเหลนของเขาเท่านั้น เขามีความสุขที่ได้ทำ”
เมื่อพูดถึงขนาดนี้ หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าถ้าตัวเองยังพูดต่อไปก็เหมือนทำตัวไม่เหมาะสมเกินไป
ถ้าจะพูดให้ตรงอีกหน่อยก็คือ ของขวัญที่จะให้กับลูกชายเธอ เกี่ยวอะไรกับคนเป็นแม่อย่างเธอด้วย ไม่ได้ให้เธอเสียหน่อย เธอมีสิทธิ์อะไรไปปฏิเสธแทนลูกชายตัวเองด้วย
“ลุงหยู ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะรับไว้แทนเขาเอง แต่ว่าถ้าถึงเวลาแล้วเสี่ยวหมี่โต้วไม่ยอมรับไว้ ฉันก็คงพูดอะไรไม่ได้นะคะ”
“ครับ” ลุงหยูเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ยังไงก็รอให้ถึงตอนนั้นก่อน ตอนนี้รับไว้แล้ว เขาก็ทำหน้าที่ของตัวเองลุล่วงแล้ว
ส่วนหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องของต่อจากนี้
หลังจากที่หานมู่จื่อรับถุงกระดาษคราฟท์ไปแล้ว ก็ยังรู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง จู่ๆยู่ฉือจินก็แสดงท่าทีเป็นมิตรขนาดนี้ เธอก็รู้สึกไม่ค่อยชินเท่าใดนัก
ในเมื่อคนเป็นแม่อย่างเธอก็รับเพชรของชาวบ้านมาแล้ว แล้วนั่นยังเป็นของแทนใจของชาวบ้านอีก ในใจเขาเองก็คงเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากพอสมควร แต่กลับมามอบให้หลานสะใภ้ของตัวเองแบบนี้
จากที่หานมู่จื่อดูแล้ว สร้อยเส้นนี้ถึงแม้ส้งซินจะไม่รับ พูดกันตามหลักมันก็ควรต้องตกเป็นของส้งอาน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะจับพลัดจับผลู ตกมาอยู่ในมือเธอเสียได้
จากนั้นเสี่ยวหมี่โต้วยังได้รับของขวัญพวกนี้มาอีก หรือว่ายู่ฉือจินจะกำลังปลอบใจพวกเขาอยู่ เพราะว่าเสี่ยวหมี่โต้วต้องอยู่ต่อ ดังนั้น…… เมื่อคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็หันไปมองหยูโป คิดแล้วก็เดินไปรินน้ำชาในห้องครัวมาให้หยูโป จากนั้นก็เชิญเขาไปนั่งในห้องรับแขก
“ขอบคุณคุณนายหลานสะใภ้น้อยมากครับ” หยูโปยิ้มแล้วรับแก้วน้ำชาไปดื่มอยู่หลายคำ ก่อนจะวางลง
“ลุงหยูคะ ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนที่คุณตาไว้ใจมาก ดังนั้นฉันจึงอยากจะถามสักครั้ง……” เธอลังเลเล็กน้อย ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี
แต่หยูโปกลับเหมือนรู้ความคิดของเธอล่วงหน้าอยู่แล้ว ตอนที่เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มเปิดปากพูด “คุณนายหลานสะใภ้น้อยคงอยากจะถามเรื่องเสี่ยวหมี่โต้วสินะครับ ที่จริงเมื่อคืนนายท่านก็ถามเขาแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วบอกว่าเต็มใจอยู่เป็นเพื่อนคุณท่าน นายท่านปลื้มใจมาก แต่ว่าเขาก็รู้สึกว่าเด็กน่าจะอยู่เคียงข้างพ่อแม่มากกว่า ไม่อยากให้เหมือนตัวเขาสมัยก่อน ดังนั้น……วันนี้เลยบอกให้ผมส่งเสี่ยวหมี่โต้วกลับมา แล้วไม่ได้วางแผนที่จะให้ผมรับกลับไปด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ใจของหานมู่จื่อก็กระตุกวูบ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที
“ลุงหยูคะ ?”
“คุณนายหลานสะใภ้น้อย ลุงหยูต้องขอโทษคุณแทนนายท่านในสิ่งต่างๆที่เขาเคยทำมาก่อนหน้านี้ รวมถึงเรื่องของคุณชายเซินด้วย นายท่านเองก็ยากลำบากมาก หยูโปคนนี้หลายปีที่ผ่านมาก็ได้เห็นแล้ว ว่าจริงๆแล้วในใจของนายท่านนั้นเดียวดายมาก กว่าจะได้เจอหลานชายตัวเองอย่างยากลำบาก ดังนั้นตอนนั้นเขาก็เลยตัดสินใจพลาดไปเพราะความรีบร้อน ภายหลังก็ยัง……”
ยังเอาตั๋วเครื่องบินไปที่บริษัท หวังให้หานมู่จื่อจากไป
เรื่องพวกนี้ เมื่อก่อนตอนที่ทำลงไปนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้พอคิดถึงขึ้นมา กลับรู้สึกเสียใจเป็นที่สุด
พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หานมู่จื่อก็คิดขึ้นมาได้ จากนั้นเธอก็อดขำออกมาไม่ได้ “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันไม่ได้เอาไปใส่ใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วค่ะ อีกอย่าง ฉันก็รู้สึกขอบคุณคุณตามาก เพราะเขาเป็นคนให้ชีวิตที่สองกับเย่โม่เซิน ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ฉันก็จะไม่โกรธหรอกค่ะ”
หยูโปมองเธออย่างชื่นชม
“ผมเหล่าหยูมองคนไม่ผิดจริงๆ ผมรู้สึกมาตลอดว่าคุณนายหลานสะใภ้น้อยเป็นคนดีมีน้ำใจ เป็นเด็กที่มีเมตตา ตอนนี้พอได้เห็นแล้ว ก็คิดไม่ผิดเลยจริงๆ”
หยูโปชื่นชมอยู่ยกใหญ่ จนหานมู่จื่อเริ่มหน้าแดง แล้วพูดอย่างเก้อเขินว่า “ลุงหยูชมเกินไปแล้วค่ะ ฉันไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกค่ะ”
เพียงแต่ตอนนั้นเธอรู้สึกสิ้นหวังมาก ความรู้สึกนั้นราวกับสูญเสียโลกทั้งใบ
หลังจากนั้น ตอนที่รู้ว่าเย่โม่เซินยังมีชีวิตอยู่ เธอก็รู้สึกดีใจมาก
นับจากนั้นเป็นต้นมา เธอก็รู้สึกว่าสวรรค์เมตตาเธอมาก ไม่อย่างนั้นอุบัติเหตุเครื่องบินในครั้งนั้น มีคนมากมายที่จากไป แต่เย่โม่เซินก็ยังมีชีวิตอยู่
แล้วเธอจะเกลียดแค้นได้อย่างไร
“คุณนายหลานสะใภ้น้อย ในเมื่อผมหมดหน้าที่แล้ว ผมก็ขอตัวกลับก่อน”
หานมู่จื่อกำลังตกอยู่ในความคิด แต่จู่ๆหยูโปกลับลุกขึ้นเตรียมจะกลับไป
หานมู่จื่อลุกขึ้น “ลุงหยู อยู่ทานข้าวเย็นก่อนไหมคะ แล้วทางคุณตา…..