เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - 9vomuj 1567
บทที่1567 ดูพระอาทิตย์ขึ้น
จงฉู่เฟิงทอดถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา
“เด็กคนนั้นวันทั้งวันในสายตานอกจากกินก็นอน ไม่อย่างนั้นก็เป็นพี่ชายของเธอ ทุกครั้งก็มองไม่เห็นฉันเลย แต่โชคดีที่ยี่ซูเห็นเธอเป็นน้องสาว ไม่อย่างนั้นแล้วฉันก็ยังกลัวเลยว่าทั้งสองคนจะคบกันขึ้นมา”
ได้ยินอย่างนั้น ภายในใจของเมิ่งเข่อเฟยก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย
“เขาเห็นหยวนหยวนเป็นเพียงแค่น้องสาวหรอ?”
“นั่นมันก็แน่อยู่แล้ว โตมาด้วยกันไม่เห็นเป็นน้องสาวจะให้เป็นอะไรได้อีก? ยิ่งไปกว่านั้นยี่ซูก็ไม่ชอบเด็กเสียหน่อย เขาชอบสาวสวยที่เป็นผู้ใหญ่อย่างนั้น พวกแบบพี่สาวอะไรประเภทนั้นต่างหาก รู้ใช่มั้ยล่ะ?”
“พี่สาว?”
“ใช่ ผู้หญิงอย่างนั้นเด็ดมากเลย ผู้ชายหลายคนชอบอย่างนี้กันทั้งนั้น”
สายตาของเมิ่งเข่อเฟยมืดครึ้มลงหลายส่วน
“ไม่สิน้องเฟยเฟย ทำไมเธอถึงได้สนใจเรื่องของเขาขนาดนี้ หรือว่าเธอจะชอบยี่ซูงั้นหรอ?”
ได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเมิ่งเข่อเฟยก็แดงออกมาทันที เอ่ยออกไปด้วยสายตาร้อนรน “พี่ฉู่เฟิง พี่อย่าพูดมั่วๆนะ ฉัน ฉันจะไป…”
“เอาล่ะ ไม่ต้องปฏิเสธแล้ว ถ้าไม่แล้วเธอจะร้อนรนอย่างนี้ไปทำไมกัน?”
“ฉัน ฉันร้อนรนที่ไหนกัน ฉันก็แค่คิดว่าพี่กำลังพูดจาเหลวไหลอยู่เท่านั้นเอง”
เมิ่งเข่อเฟยรีบแก้ต่างให้กับตัวเองไปอย่างร้อนรน แต่จงฉู่เฟิงกลับเอาแต่จ้องเธอ จากนั้นด้วยการจ้องมองมาของจงฉู่เฟิงก็ทำเอาเธอหน้าแดงออกมาไม่หยุด สุดท้ายก็ถือโอกาสนั้นรีบเดินมุ่งเข้าไปข้างหน้า
จงฉู่เฟิงก็ตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมเอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “อย่าอายไปเลย ยี่ซูเพอร์เฟคเสียขนาดนั้น ผู้หญิงที่ชอบเพิ่มมาสักคนก็ไม่ได้เยอะ ขาดเธอสักคนก็ไม่ได้น้อยลง เรื่องปกติจะตายไป”
ผู้หญิงที่ชอบเขาเยอะขนาดนั้นเลยหรอ? มันก็จริง คนที่เพอร์เฟคขนาดนั้น จะต้องมีคนมาจีบเขามากมายอยู่แล้ว
“เอาอย่างนี้มั้ย? ตอนที่เธออยู่โรงเรียนก็ช่วยฉันจับตาดูหยวนหยวนให้หน่อย? ได้ข่าวอะไรก็มาบอกฉัน? ฉันสามารถเอางานอดิเรกของยี่ซูมาบอกเธอได้นะ”
จงฉู่เฟิงอยากจะลองพูดคุยปรึกษากับเมิ่งเข่อเฟยสักหน่อย แต่เมิ่งเข่อเฟยก็นึกถึงหัวนอนปลายเท้าของตัวเองขึ้นมา แสงสว่างในดวงตาก็ได้หม่นลงอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉัน ฉันไม่ได้ชอบเขา”
“จริง?”
“พี่ฉู่เฟิง ต่อจากนี้ไปพี่อย่าพูดอย่างนี้อีกนะ สำหรับฉันแล้วเรื่องเรียนมันสำคัญกว่า ฉันไม่มีทางทำอะไรไปพร้อมๆกันได้หรอกนะ”
บ้านของเธอยากจนขนาดนั้น มีเพียงแค่ต้องตั้งใจเรียนให้ดี เธอถึงจะได้มีโอกาสที่จะเหนือกว่าคนอื่นได้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะทำได้แค่เพียงยืนอยู่ในท่ออย่างนี้ไปตลอดชีวิต มองคนที่อยู่บนยอดพีระมิดพวกนั้นไป
“เฮ้อ จะว่าไปก็ถูกอยู่นะ สำหรับเธอตอนนี้ เรื่องเรียนมันสำคัญกว่าจริงๆนั่นแหละ งั้นเธอก็ตั้งใจเรียนไปก่อนเถอะ หลังจากนี้ถ้าวันไหนเธอเกิดความคิดพวกนั้นขึ้นมาแล้ว ก็ค่อยมาบอกพี่ฉู่เฟิง เพราะถึงยังไงคำพูดที่ฉันเพิ่งพูดออกไป มันจะมีผลตลอดไปนะ”
มีผลตลอดไป?
ได้ยินคำว่าตลอดไปคำนี้ ภายในใจของเมิ่งเข่อเฟยก็ตกตะลึงขึ้นมา จึงได้มองจงฉู่เฟิงไปอย่างจริงจัง
คิดอยู่เสมอว่าจงฉู่เฟิงดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ดูไม่จริงจังเลยสักนิด เหมือนกับว่าคนที่เป็นอย่างนี้ ชอบคนคนหนึ่งแล้วจะชอบได้นานแค่ไหนกัน? ไม่แน่ว่าผ่านไปได้สักพักนึงก็คงจะเปลี่ยนไป
เมิ่งเข่อเฟยไม่ได้พูดอะไร ทุกคนก็ได้กลับไปพร้อมกัน
วันต่อมาทุกคนก็พากันไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน เพราะว่าพักกันอยู่ในวิลล่า ก็เลยไม่ต้องตื่นกันเช้ามาก นอนกันจนถึงเวลาประมาณหนึ่งแล้ว คนทั้งกลุ่มก็ได้ออกเดินทางกัน
ตอนที่เมิ่งเข่อเฟยออกมา ก็เห็นถางหยวนหยวนยืนเซไปเซมาอยู่กับที่ ขยี้ตาที่งัวเงียคู่นั้น เห็นได้ชัดว่าเพิ่งลุกขึ้นจากเตียง
เห็นท่าทางอย่างนั้นของเธอ เมิ่งเข่อเฟยก็กลัวว่าเธอจะล้มลง ทันทีที่คิดจะเดินเข้าไปประคองเธอ จู่ๆก็มีมือข้างหนึ่งเข้ามาดึงถางหยวนหยวนเอาไว้ ฝีเท้าของเธอจึงชะงักไป เพราะว่าคนที่เข้ามาดึงถางหยวนหยวนนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นยู่ฉือยี่ซูนั่นเอง
มีเขาดูแลถางหยวนหยวนแล้ว เมิ่งเข่อเฟยจึงไม่ได้เดินเข้าไปอีก
ถางหยวนหยวนหลังจากที่ถูกรั้งเอาไว้ ก็เงยหน้าขึ้นมองยู่ฉือยี่ซูที่มีร่างผอมสูง พร้อมเอ่ยเสียงหวานออกไป “พี่ชาย อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
สาวน้อยยังไม่ตื่นเต็มตา ดวงตาสับสนงุนงงเหมือนกับน้ำใสในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หลังจากที่ทักทายเขาแล้วก็พิงเข้ากับร่างเขาแล้วหลับตาต่อ พร้อมเอ่ยพึมพำออกไปว่า “พี่ชาย ง่วงมากเลย”
“ง่วง? งั้นก็กลับไปนอนต่อในห้องไม่ดีกว่าหรอ?”
เสียงของยู่ฉือยี่ซูอ่อนโยนอย่างมาก
“ไม่เอา” ถางหยวนหยวนส่ายหน้า “ฉันอยากดูพระอาทิตย์ขึ้น”
“ทั้งง่วงทั้งอยากดูพระอาทิตย์ขึ้น เธอจะเอายังไง?” ในน้ำเสียงของยู่ฉือยี่ซูนั้นได้แฝงไปด้วยอาการขบขันออกมาจางๆ อันที่จริงแล้วเขาคาดเดาได้อยู่แล้วว่าถางหยวนหยวนอยากจะขออะไรจากเขา แต่เขาแค่ไม่พูดออกไปเพียงเท่านั้น
ถางหยวนหยวนนอนฟุบอยู่บนร่างของเขาขี้เซาเสียจนสุดยอดมาก ถูกเขาหลอกจนเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวานออกมา “อยากขี่หลังพี่ชาย”
ยู่ฉือยี่ซูจึงได้ย่อตัวนั่งลง น้ำเสียงรักใคร่เอ็นดู “ขึ้นมาเถอะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ชาย!” ถางหยวนหยวนปีนขึ้นบนหลังของเขาไปด้วยความดีอกดีใจ มือเล็กโอบรอบลำคอของเขา หลังจากที่ฟุบลงไปบนหลังของยู่ฉือยี่ซูแล้วก็หลับตาลงไปอย่างพออกพอใจ ถ้าอย่างนี้ล่ะก็เธอสามารถนอนได้มากขึ้นอีกสักพักนึงแล้ว
ถึงแม้ว่าระยะทางที่เดินจากที่นี่ไปถึงจุดที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นใช้เวลาเพียงแค่สิบห้านาทีเท่านั้น แต่ตอนที่คนง่วงนอนนั้น อย่าว่าแต่สิบห้านาทีเลย แม้ว่าจะแค่หนึ่งนาที นั่นก็ต้องคว้าโอกาสในการนอนให้คุ้ม ขอเพียงแค่ได้นอนเท่าที่จะนอนได้เท่านั้น
เสี่ยวโต้วหยาเองก็ง่วงเหมือนกัน แต่ก็เธอค่อนข้างจะว่าง่าย ก็เลยไม่ว่าอะไร วิ่งไปอยู่ข้างๆเมิ่งเข่อเฟยอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“พี่เฟยเฟย พี่ง่วงหรือเปล่า?”
เมิ่งเข่อเฟยเองก็ง่วงเหมือนกัน เพราะว่าเมื่อคืนเธอนอนไม่หลับเลย นอนไม่หลับเลยทั้งคืน กว่าความง่วงจะมา มันก็ถึงเวลาที่จะต้องตื่นเสียแล้ว ตอนนี้หนังตาทั้งสองข้างของเธอก็กำลังต่อสู้อยู่สุดฤทธิ์ ดวงตาใกล้จะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว
แต่เจอกับเสี่ยวโต้วหยาแล้ว เธอยังพูดยิ้มๆออกไปคำนึง “ก็ยังพอไหว”
“ฮืม เสี่ยวโต้วหยาง่วงมากเลย ถ้าไม่เพราะพระอาทิตย์ขึ้นมันสวยมาก ก็อยากนอนอยู่ที่ห้องจนฟ้ามืดเลยจริงๆ”
เสี่ยวโต้วหยาตอนนี้ยังเด็ก นิสัยก็ทั้งใสซื่อและยังจริงใจสุดๆ ตอนที่พูดก็มีท่าทีที่ดูซื่อบื้ออยู่นิดๆ เมิ่งเข่อเฟยเห็นท่าทางนี้ของเธอแล้ว ก็มักจะคิดว่าเธอกับถางหยวนหยวนเหมือนกันมากจริงๆ ทั้งสองคนต่างก็เป็นคนที่ไม่คิดอะไรกันทั้งคู่ จึงเอ่ยกับเธอออกไปว่า “ถ้าเธอง่วง ก็พิงฉันมาเถอะ ระหว่างทางก็หลับตา เดี๋ยวถึงแล้วเธอจะสบายขึ้นสักหน่อย”
“จริงหรอ?”
“อืม”
“พี่เฟยเฟยดีมากจริงๆเลย”
เสี่ยวโต้วหยาหลังจากที่ขอบคุณออกไปก็ได้กอดแขนเมิ่งเข่อเฟยไปอย่างสนิทสนม แล้วก็ยังแนบอิงลงบนบ่าของเธอนอนหลับไปจริงๆ ทั้งๆที่เธอกับเมิ่งเข่อเฟยก็เพิ่งเจอกัน แต่ท่าทางอย่างนี้กลับดูสนิทสนมเสียเหมือนกับว่าทั้งสองคนได้รู้จักกันมานานแล้วก็ไม่ปาน
ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้กลุ้มใจอะไร วันอย่างนี้มันช่างดีจริงๆเลย
เมิ่งเข่อเฟยร้องอยู่ในใจ
หลังจากที่ผ่านไปสิบห้านาที ในที่สุดกลุ่มคนก็ได้เดินทางมาถึงจุดที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นกันแล้ว
ถางหยวนหยวนหลังจากที่ถูกวางลง ก็ขยี้ตาออกมาเล็กน้อย
“พี่ชาย ถึงแล้วหรอ?”
“อืม” ยู่ฉือยี่ซูถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกไปปูบนพื้น “นั่งสักพัก อีกไม่นานก็จะมีพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว”
ในเวลานี้ฟ้ามืดครึ้มอยู่ พุ่มหญ้าระหว่างทางก็มีน้ำค้างเกาะ คาดว่าคงจะต้องนั่งไปอีกสักพัก ถางหยวนหยวนนั่งลงบนเสื้อคลุมของยู่ฉือยี่ซู จากนั้นก็มองไปทางยู่ฉือยี่ซู
“แล้วพี่ชายล่ะ?”
“ไม่เป็นไร” ยู่ฉือยี่ซูตอบนิ่งๆออกมา จากนั้นก็หาที่นั่งลงตามใจชอบมาที่นึง กลุ่มพวกเขาเพราะว่าต่างก็เป็นพี่ชายของสาวน้อยทั้งสองคนกันทั้งนั้น ก็เลยดูแลพวกเธอกันเป็นอย่างมาก หานจื่อซีเองก็รีบถอดเสื้อคลุมบนตัวออกมาปูลงบนพื้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน “เสี่ยวโต้วหยา ตรงนี้ให้น้อง”
เสี่ยวโต้วหยาเดิมทีก็ยังนอนพิงเข้ากับร่างของเมิ่งเข่อเฟยอยู่ พอได้ยินว่ามีคนเรียกเธอ ก็รีบลืมตาออกมาทันที