เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 160 ข้อเสนอของพิงถิง
“เรียกตัวผู้หญิงคนนั้นมาสั่งสอน กล่าวว่านางไม่รักนวลสงวนตัว เล่นหูเล่นตาผู้ชาย?” พิงถิงแสดงสีหน้าตกใจ คล้ายกับถูกเรื่องนี้ทำให้นิ่งอึ้งไป
“ใช่ อีกทั้งเรื่องนี้ต้องทำให้รู้ทั่วกันด้วย!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกล่าวอย่างตื่นเต้น นางอยากจะหาโอกาสจัดการกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์มานานแล้ว เสียดายที่มีพวกซั่งกวนฮ่าวเป็นอุปสรรคทำให้นางลงมือไม่ได้ ครั้งนี้ไม่มีใครเป็นที่พึ่งพิงให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์แล้ว ดูซิว่านางจะจัดการกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ให้ไม่ตายดีได้อย่างไร
“ท่านย่าคิดจะฉวยโอกาสใช้กฎสกุลมาลงโทษ สั่งโบยนางด้วยใช่หรือไม่?” พิงถิงมองดวงตาทั่วป๋าซู่เยวี่ยที่คุกรุ่นด้วยความดีใจจนแดงก่ำไปหมด ก็ลอบถอนหายใจ แค่กลอุบายเหล่านี้ของพวกเขาก็คิดว่าจะสามารถเล่นงานเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้แล้วอย่างนั้นรึ?
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกล่าวยืนยัน ครั้งนี้ย่อมต้องเก็บดอกเบี้ยส่วนหนึ่งกลับคืนมาให้ได้
“ท่านย่า ข้าคิดว่าทำเช่นนี้ไม่เหมาะสม!” พิงถิงเพิ่งจะกล่าวออกมา ก็ได้รับสายตาโมโหจากทั่วป๋าฉินซินทันที นางไม่คิดสนใจกลับกล่าวอย่างจริงจัง “ท่านลองคิดดู ผู้หญิงคนนั้นร่างกายบอบบางถึงขนาดนี้ ราวกับหากมีลมพัดมาก็จะล้มตามได้เสียอย่างนั้น ถ้าตีนาง เกิดตกตายขึ้นมา ถึงเวลานั้นท่านจะอธิบายกับท่านพ่อท่านพี่อย่างไร? เพียงเพราะข่าวลือกลับสั่งโบยภรรยาเอกของพี่ใหญ่จนตายอย่างนั้นรึ? แม้ว่าท่านพ่อและท่านพี่จะติดในเรื่องความกตัญญู ไม่อาจทำอะไรท่านได้ แต่ว่าท่านอย่าได้ลืมเชียว ตระกูลซั่งกวนยังมีผู้อาวุโส เหล่าผู้อาวุโสล้วนชื่นชอบผู้หญิงคนนั้น พอถึงเวลานั้นแล้วท่านจะให้คำตอบกับทางเรือนอวี้ฉิงอย่างไร?”
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกกระมัง!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็ไม่กล้ามั่นใจอยู่บ้าง แต่นึกไปถึงเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่คุกเข่าอยู่นานพักใหญ่ ก็คล้ายกับหมดเรี่ยวแรงไปไม่น้อย ก็ยังคงไม่แน่ใจอยู่บ้าง หากเยี่ยนมี่เอ๋อร์ถูกตีจนตาย นางก็คงยากที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาในภายหลังจริงๆ! ชำเลืองตามองทั่วป๋าฉินซินไปที นึกขึ้นมาได้ว่านางปรารถนาอย่างยิ่งที่จะสับเยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นชิ้นๆ ทั้งคิดไปถึงหญิงแก่ที่คอยลงทัณฑ์ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนของอนุภรรยาอู๋ ยากที่จะพูดว่าอาจจะแอบกำชับอะไรกันเป็นพิเศษก็ได้ หากจัดการตีคนให้ตายแล้ว ตัวนางก็ยากที่จะหลบเลี่ยงความผิด นางจึงอดสั่นสะท้านออกมาไม่ได้ทันที
“แน่นอนว่าไม่ถึงกับขนาดนั้นหรอก!” ทั่วป๋าฉินซินรีบเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้ม “ท่านย่า หญิงแก่ที่ลงทัณฑ์ล้วนเป็นคนที่ท่านเลือกเอง พวกนางย่อมทำตามคำสั่งของท่าน จะตีผู้หญิงคนนั้นให้ตายหรือเอาแค่สาหัสก็ขอแค่ท่านพูดออกมาประโยคเดียวเท่านั้น ย่อมไม่อาจเกิดเรื่องผิดพลาดอย่างแน่นอน! หากท่านไม่วางใจ ข้าย่อมลงไปกำกับดูแลไม่ให้พวกนางลงมือถึงตายได้!”
“คุณหนูพูดได้อย่างไร้กังวลจริงๆ คล้ายกับว่าหญิงแก่พวกนั้นจะฟังคำสั่งของท่านมากกว่าอย่างไรอย่างนั้น!” พิงถิงกล่าวเหน็บแนม “ข้าว่าคนที่ท่านย่ากังวลที่สุดน่าจะเป็นท่านมากกว่า! พี่ใหญ่เพิ่งจะออกจากจวนไป บอกให้ท่านเข้าไปผูกมิตรกับผู้หญิงคนนั้น แต่ท่านกลับกล้าวางยาพิษในของว่าง หากไม่ใช่ว่าคนเขาล้วนไม่ชอบขนมพวกนั้น จึงให้สาวใช้เอาไปโยนให้ปลากินในน้ำ ก็ยังไม่รู้ว่าจะสูญเสียชีวิตให้กับท่านไปเท่าไรกัน!”
ทั่วป๋าซู่เยวี่ยใจวูบไหวไปเล็กน้อย เรื่องยาพิษนั้นเพราะไม่มีคนเผลอกินเข้าไป จึงทำให้ผลกรรมไปตกที่ปลาไม่กี่สิบตัวตายแทน รวมกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่ไม่ชอบทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ได้สืบสาวราวความก็ปล่อยไป แต่ของว่างที่เหลือนั้นกลับเอาไปให้ซั่งกวนจิ่นแล้ว ทั้งตรวจสอบออกมาแล้วว่ายาพิษในนั้นคือ ‘พิษกร่อนประสาท’ ยาพิษที่ออกฤทธิ์ถึงตายชนิดหนึ่ง แม้ว่าจะช่วยเหลือได้ทันถ่วงที ไม่ได้ตายเพราะพิษในขณะนั้นทันที แต่ก็ยังคงหลงเหลือผลที่ร้ายแรงในภายหลังไว้อยู่ดี ครึ่งชีวิตที่เหลือจะกลายเป็นคนที่สติไม่สมประกอบ พิกลพิการไปชั่วชีวิต แม้ปากทั่วป๋าซู่เยวี่ยจะกล่าวว่าฉินซินไม่อาจวางยาพิษได้ แต่ในใจกลับมั่นใจแล้วว่าทั่วป๋าฉินซินเป็นคนทำ อย่าพูดเลยว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยชัดเจน เพราะนางรู้ดียิ่งกว่าใคร พิษชนิดนี้เป็นตระกูลทั่วป๋าที่ผลิตออกมา ทั้งในมือนางก็มีของสิ่งนี้อยู่ด้วย
“ข้าเคยบอกไปแล้วว่าข้าไม่ได้เป็นคนทำ!” ทั่วป๋าฉินซินถลึงตามองพิงถิงอย่างดุดัน คิดอยากจะบีบคอนางให้ตายๆ ไป…หากไม่ใช่ว่ายังต้องยืมแรงจากอวี่ไข่ล่ะก็ นางคงสังหารนังเด็กนี้เป็นอันดับแรกไปแล้ว
“เอาเถิด ไม่ต้องเถียงกันแล้ว!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยตัดบททิ้งเรื่องนี้ไว้ก่อน “พิงถิงเจ้ามีความคิดดีๆ อะไร? ไหนลองพูดมาซิ!”
“ข้าจะมีความคิดดีๆ อะไรได้อีก!” พิงถิงกล่าวยิ้มๆ “เพียงแต่ถ้าจะปล่อยให้เจ็บทีละเล็กทีละน้อยมิสู้ตัดนิ้วหนึ่งออกไปทำเรื่องให้เด็ดขาดเลยดีกว่า แทนที่จะตีผู้หญิงคนนั้นให้ตาย ยังมิสู้ใช้ข้ออ้างนี้มาจัดการกับคนข้างกายของนางเสีย หากสามารถยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวก็จะยิ่งดีไปอีก ข้าเคยได้ยินมา ข้างกายของนางมีพวกแม่นมที่เก่งกาจอย่างยิ่งอยู่ หากจัดการพวกนางให้ถึงที่สุด แม้ว่าจะไม่อาจตีให้ตายได้ แต่ขับไล่ออกไปก็สามารถทำให้สะใภ้ใหญ่โมโหได้เช่นกัน”
“จากนั้นล่ะ?” ทั่วป๋าฉินซินมองนางเขม็ง “ผู้หญิงคนนั้นย่อมต้องหนีออกจากจวนไป หากนางออกไปแล้ว พวกเราจะจัดการกับนางอย่างไรล่ะ?”
“หากนางออกจากจวนไม่ใช่ว่าจะดีกว่าหรอกรึ? เกิดเหตุการณ์อะไรไม่คาดฝันขึ้นก็ไม่เดือดร้อนถึงท่านย่าแล้ว! ในจวนมีการป้องกันที่เข้มงวด ใช่ว่าจะสามารถนำคนเข้ามาได้ตลอด แต่ข้างนอกก็พูดยากแล้ว ตระกูลทั่วป๋าคงไม่ถึงกับทำเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่สำเร็จหรอกกระมัง? อีกอย่าง ความคิดของท่านพี่ถึงจะดูเหมือนไม่เลว แต่ท่านย่าลองคิดดู หากจะพูดว่านางคบชู้กับชายอื่น คนผู้นั้นจะเป็นใครกัน? มีคนที่สามารถเข้าออกในตระกูลซั่งกวนได้อย่างสบายๆ ถึงขนาดนั้นเชียว?” พิงถิงชี้จุดตายที่สุดของแผนการนี้ออกมา
“จะสนใจความสมเหตุสมผลอะไร ขอเพียงแค่จัดการกับผู้หญิงคนนั้นได้ก็พอแล้ว!” ทั่วป๋าฉินซินไม่ยินดีที่จะยอมรับข้อเสนอแนะของพิงถิง หากคนของตระกูลทั่วป๋าถูกตรวจสอบขึ้นมา ชั่วชีวิตนี้ของนางก็คงไม่ได้รับความโปรดปราณจากญาติผู้พี่อีกแล้วเป็นแน่ อย่างไรให้ท่านย่าเป็นแพะรับบาปจะดีกว่า
“ที่พิงถิงพูดมีเหตุผล!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองฉินซินอย่างตักเตือนไปที นางกระจ่างใจเป็นอย่างมากว่าฉินซินกำลังคิดอะไรอยู่ คงไม่พ้น ‘ยอมให้คนอื่นเสียประโยชน์แทนที่จะเป็นตนเอง’ เป็นแน่ หากไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลทั่วป๋า นางจะพยายามช่วยฉินซินถึงขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งยังดึงหลานที่รักและเอ็นดูที่สุดมาเกี่ยวข้องด้วย คาดไม่ถึงว่านางกลับเป็นคนไม่รู้คุณคน ไม่แม้แต่จะคิดถึงตนเองสักเพียงนิด
“ตั้งแต่เล็กพิงถิงก็เป็นคนกตัญญูรู้คุณต่อฮูหยินใหญ่เป็นที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรล้วนคำนึงถึงท่านเป็นอันดับแรก จึงไม่แปลกที่มีความคิดเช่นนี้ออกมา!” อนุภรรยาหนิงกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “พิงถิง เจ้าลองพูดมาซิ ข้างกายผู้หญิงคนนั้นมีใครที่ต้องกำจัดเป็นอันดับแรก?”
“อันนี้ข้าก็ไม่รู้แล้ว!” พิงถิงส่ายศีรษะ “สาวใช้ข้างกายของผู้หญิงคนนั้นล้วนแต่ไม่ชอบเปิดเผยตัวอยู่บ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกแม่นม!”
“เช่นนั้นยังเสนอความคิดเช่นนี้อีก?” ทั่วป๋าฉินซินในยามนี้เกลียดกระทั่งพิงถิงไปด้วย หากนางแต่งเข้ามาในตระกูลล่ะก็ ย่อมต้องให้เด็กโง่ผู้นี้แต่งกับชายที่น่าขยะแขยงที่สุดและไร้ความสามารถที่สุดเป็นแน่
“ท่านย่า ไม่ใช่ว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนได้เรียนกฎระเบียบกับทางผู้หญิงคนนั้นมานานแล้วหรอกรึ? นางย่อมรู้แจ่มชัดถึงความเก่งกาจของแม่นมพวกนั้น! อย่างนั้นเรียกนางเข้ามาถามดีหรือไม่?” คำแนะนำของพิงถิงทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยผงกศีรษะ นางก็คิดแบบนี้เช่นกัน ดูเหมือนว่าพิงถิง เด็กคนนี้จะเติบโตขึ้นไม่น้อยเลยจริงๆ สามารถพินิจไต่ตรองเรื่องด้วยตนเองได้แล้ว
“หากอู๋เลี่ยนเยี่ยนเอาเรื่องของพวกเราไปเปิดเผยกับผู้หญิงคนนั้นจะทำอย่างไร?” แต่ไหนแต่ไรทั่วป๋าฉินซินก็ไม่เคยมองอู๋เลี่ยนเยี่ยนอย่างรื่นหูรื่นตาได้เลย ยามนี้ก็เหมือนกัน รอหลังจากนางแต่งให้ญาติผู้พี่แล้ว ย่อมไม่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในตระกูลซั่งกวนเป็นแน่ หากยามนี้นางประจบประแจงท่านย่าขึ้นมา ภายหลังจะจัดการก็คงเป็นเรื่องยากแล้ว
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาชิงรักหักสวาท!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเข้าใจดีว่าในใจของนางคิดอะไร กล่าวอย่างเรียบเย็น “อีกอย่าง อนุภรรยาอู๋ในยามนี้ร่วมมือกับพวกเราแล้ว กล่าวว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่สนใจ นั่นก็เป็นเพียงอู๋เลี่ยนเยี่ยนเว้นระยะห่าง ป้องกันหากเกิดเรื่องล้มเหลวขึ้นมาจะทำให้นางติดร่างแหก็เท่านั้น ไม่ใช่ว่านางพึ่งพาไม่ได้!”
“บ่าวจะให้คนไปเชิญคุณหนูอู๋มาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!” แม่นมหนิงรู้ใจทั่วป๋าซู่เยวี่ยเป็นที่สุด ไม่รอให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพูดอะไร ก็ออกปากรับคำสั่งก่อน เมื่อทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้า ก็ไปจัดการทันที
“ท่านย่า ข้าจะไปดูว่าในครัวมีอะไรน่ากินบ้างหรือไม่!” พิงถิงเห็นทั่วป๋าฉินซินมีสีหน้าบูดบึ้งอยู่บ้าง ยังไม่รู้ว่าในใจของนางกำลังคิดแล่เนื้อเถือหนังตัวเองอย่างไร? ทั้งไม่อยากรั้งตัวอยู่ดูหน้าของนาง จึงกล่าวกับทั่วป๋าซู่เยวี่ยด้วยรอยยิ้มเริงร่า
“ไปเถิด!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็มีเรื่องที่ต้องพูดคุยกับทั่วป๋าฉินซินดีๆ เช่นกัน เห็นพิงถิงรู้กาลเทศะ ก็พยักหน้าทั้งรอยยิ้ม “ให้แม่ของเจ้าไปด้วยกันสิ จะได้ถือโอกาสให้นางทำอะไรอร่อยๆ ให้เจ้าด้วย!”
“ขอบคุณท่านย่า!” พิงถิงเผยยิ้มทั้งดึงอนุภรรยาหนิงออกไป พวกสาวใช้ไม่กี่คนก็ออกไปอย่างรู้ความเช่นกัน ไม่นานทั่วทั้งห้องโถงก็หลงเหลือเพียงทั่วป๋าซู่เยวี่ยและทั่วป๋าฉินซินเพียงสองคนเท่านั้น
“ท่านย่า…” ทั่วป๋าฉินซินร้องเรียกอย่างไม่สบายใจอยู่บ้าง
“เจ้ายังรู้อยู่รึว่าข้าเป็นย่าของเจ้า!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเย็น “เจ้าเอาแต่คิดว่าพอทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตายได้ เจ้าก็สามารถนอนหลับอย่างไร้เรื่องกังวลใจ สามารถแต่งงานกับเจวี๋ยเอ๋อร์โดยไร้อุปสรรคอันใดได้แล้วใช่หรือไม่?”
หรือไม่ใช่ล่ะ? ทั่วป๋าฉินซินคิดมาตลอดมาว่าขอเพียงแค่ไม่มีเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ตัวเองก็ย่อมแต่งกับญาติผู้พี่ได้อย่างราบรื่น ดังนั้นจึงได้มีความเกลียดแค้นต่อเยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นพิเศษ
“เรื่องมันไม่ได้ง่ายดั่งที่เจ้าคิดขนาดนั้น!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเข้าใจในตัวหลานสาวคนนี้เป็นอย่างมาก งานชมดอกบัวของทุกปี นางล้วนมาที่ลี่โจว จากนั้นก็จะรั้งตัวอยู่ที่ตระกูลซั่งกวนสามสี่เดือน ตัวเองก็เห็นนางเป็นดั่งหลานสะใภ้มาโดยตลอด ผลลัพธ์นางกลับเป็นคนที่ไม่รู้ความทำให้คนผิดหวังได้ถึงขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าแม้แต่ตัวเองก็ยังถูกมองเป็นหมากตัวหนึ่งที่สามารถละทิ้งได้ทุกเมื่อ
“ขอท่านย่าชี้แจงด้วย!” ทั่วป๋าฉินซินคิดไม่เหมือนนางอยู่บ้าง หรือยังมีคนที่เหมาะสมเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลซั่งกวนมากกว่าตนเองอีก?
“ง่ายมาก! ในใจของเจวี๋ยเอ๋อร์ไม่มีเจ้าอยู่!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองใบหน้าของนางที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนสี กล่าวอย่างเยือกเย็น “หากในใจของเจวี๋ยเอ๋อร์มีเจ้า ก็คงไม่มีเรื่องที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์เข้ามาในตระกูลหรอก เจ้าอย่าลืมว่า ตั้งแต่ที่เจ้ามีความคิดจะแต่งงานให้เจวี๋ยเอ๋อร์ ข้าก็สืบข่าวของตระกูลเยี่ยนว่าอยู่ที่ใดมาโดยตลอด คิดจะจัดการนางก่อนที่จะพูดคุยเรื่องแต่งงาน แต่ฮ่าวเอ๋อร์ก็เอาแต่ไม่ยอมปริปากพูด แม้แต่ยามที่มารดาของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ล่วงลับ หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเข้าไปแสดงความเสียใจก็ยังปิดบังข้า แต่ข้าไม่เชื่อว่าเจวี๋ยเอ๋อร์จะไม่รู้ หากเขามีใจให้เจ้าแค่เพียงเล็กน้อย ก็คงไม่รับเยี่ยนมี่เอ๋อร์เข้าตระกูลมาหรอก!”
“แต่ว่าญาติผู้พี่ในเวลานั้นก็คัดค้านงานแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่รึ?” ทั่วป๋าฉินซินจะยอมรับคำอธิบายเช่นนี้ได้อย่างไร ร้องออกมาด้วยอารมณ์ที่แทบจะควบคุมไม่ได้
“นั่นเพราะว่าเจวี๋ยเอ๋อร์ไม่เชื่อในสายตามารดาของเขา ไม่คิดว่าคนที่มารดาโปรดปราณจะเป็นคนที่เขาชอบได้ แต่ไม่ใช่เพราะเจ้าแน่นอน!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกล่าวอย่างเรียบเย็น “ดังนั้น แม้ว่าจะกำจัดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไปได้ ไม่มีความช่วยเหลือของข้า เจ้าก็อย่าได้คิดจะแต่งงานกับเจวี๋ยเอ๋อร์เลย ความคิดคับแคบของเจ้านั้นช่วยเก็บมันเข้าไปให้ข้าแต่โดยดี อย่าได้คิดว่าข้าดูไม่ออก อีกอย่าง ให้ความเกรงใจกับอวี่ไข่และพิงถิงเสียหน่อย แม้ว่าสายเลือดของพวกเขาจะไม่ได้บริสุทธิ์และสูงส่งเหมือนดั่งเจ้า แต่อย่าลืมว่า พวกเขาก็เป็นหลานของข้าเช่นกัน ในร่างกายก็มีเลือดเนื้อของตระกูลทั่วป๋าไหลเวียนอยู่ อีกทั้ง แม้ว่าเจ้าจะแต่งเข้ามา ก็ยังต้องการความช่วยเหลือของน้องสามีอยู่ดี จุดนี้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ทำได้ดีกว่าเจ้ามาก เพิ่งเข้าตระกูลมาไม่กี่วัน ก็กอบกุมหัวใจของหลิงหลงและจิงอิ๋งได้อยู่หมัด พบเจอพิงถิงก็ยิ้มรับอย่างสนิทสนม ให้คนที่เห็นรู้สึกสบายใจ เจวี๋ยเอ๋อร์ดีต่อนางขนาดนั้นล้วนเป็นเพราะความเอาใจใส่ของนาง อย่างไรเจ้าก็เรียนรู้ไว้หน่อยเถิด!”
“เข้าใจแล้ว!” ทั่วป๋าฉินซินจิกมือของตัวเองอย่างแรง แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองโผลงกระโดดขึ้นมา ยามนี้ยังจำเป็นต้องอาศัยทั่วป๋าซู่เยวี่ยอยู่มาก นางทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนลงไปเท่านั้น…
“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ…” เสียงของแม่นมหนิงดังมาจากด้านนอกโถง ทั่วป๋าซู่เยวี่ยรีบเปลี่ยนสีหน้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เข้ามาพูดด้านในเถิด!”
“อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ได้มารึ?” ทั่วป๋าฉินซินไม่เห็นเงาของอู๋เลี่ยนเยี่ยน จึงผิดหวังอยู่บ้าง ทั้งดีใจอยู่เล็กน้อยเช่นกัน ดูท่าแผนของพิงถิงคงจะใช้การไม่ได้แล้ว
“ตอบคุณหนู คุณหนูอู๋กล่าวว่าหากไม่ได้รับอนุญาตจากสะใภ้ใหญ่ ตัวเองก็ไม่สะดวกออกจากเรือนเจ้าค่ะ!” แม่นมหนิงคาดไม่ถึงว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนนับวันก็ยิ่งฉลาดเฉลียวมากขึ้น ถึงเวลานี้แล้วก็ไม่กล้ากำแหงใดใด ยังคงสงบเสงี่ยมเชื่อฟังราวกับเรื่องไม่เกี่ยวกับตนเองอย่างไรอย่างนั้น
“พัฒนาและฉลาดขึ้นไม่น้อย!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็ดูออกเช่นกัน กล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นแม่นมข้างกายเยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นคนไหนกันบ้างล่ะ?”
“ตอบฮูหยินใหญ่ คนหนึ่งคือแม่นมฉิน กล่าวว่าได้คอยรับใช้ข้างกายฮูหยินเยี่ยนตั้งแต่ยังเล็กแล้วเจ้าค่ะ ทั้งยังเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับอาจารย์เฉา เฉาซื่ออี๋เจ้าค่ะ อีกคนคือแม่นมจ้าว เป็นแม่นมของสะใภ้ใหญ่ ได้รับความไว้วางใจจากสะใภ้ใหญ่เป็นอย่างมาก ผู้ที่สอนระเบียบมารยาทให้กับคุณหนูอู๋ก็เป็นนาง แต่ว่าไม่ได้เก่งกาจมาก ยังคงห่างชั้นกับแม่นมฉินอยู่ และยังมีแม่นมเซียงอีกคนที่ไม่ชอบเปิดเผยตัวออกมา…”แม่นมหนิงกัดริมฝีปากเล็กน้อย รู้สึกว่าคำเรียกนี้แปลกๆ เป็นอย่างมาก “แม่นมเซียงผู้นี้เป็นสาวใช้ข้างกายฮูหยินเยี่ยน สะใภ้ใหญ่ก็ให้ความเคารพยำเกรงไม่น้อยเช่นกัน คุณหนูอู๋กล่าวว่า แม่นมจ้าวสอนกฎเกณฑ์ในนาม แต่บ่อยครั้งกลับลอบเชิญแม่นมฉินและแม่นมเซียงมาสอนด้วย ถ้าหากจะจัดการ สองคนนี้นับเป็นเป้าหมายสำคัญมากกว่าเจ้าค่ะ!”
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยผงกศีรษะ “หลังจากเวลาอาหารเย็นพวกเราก็เข้าไปที่เรือนมีคู่เลย ถือโอกาสบอกให้อิงเอ๋อร์ไปด้วยกันเสีย!”
“เจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่!” แม่นมหนิงรับคำสั่ง
“อีกอย่าง เรียกตัวอวี่ไข่มาเสียเดี๋ยวนี้ ข้าจะปรึกษากับเขาสักหน่อยว่าต่อไปควรจะทำอย่างไร!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่าฉินซินจะสามารถทำเรื่องสำเร็จได้ แม้ว่าพิงถิงจะเห็นถึงข้อเสียพวกนี้ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะเก่งเหมือนดั่งอวี่ไข่เสมอไป
“เจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่!” แม่นมหนิงรับคำสั่งอีกครั้งก่อนออกไป ด้านทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็สั่งสอนทั่วป๋าฉินซินต่อ จำเป็นต้องทำให้นางรู้ว่าอนาคตข้างหน้าของนางนั้นอยู่ในกำมือของตน…
———————