เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 169 โมโหจนกระอักเลือดจริงๆ
“ฮูหยินใหญ่ คุณหนูประมาทในครั้งนี้เจ้าค่ะ!” อนุภรรยาหนิงทุบต้นขาให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างระมัดระวัง นางได้ยินเรื่องเหล่านี้จากลูกชาย ในใจเคียดแค้นยิ่งนัก ถ้าไม่ใช่เพราะจะให้นางแต่งเข้ามา อวี่ไข่ถึงกับออกความคิดมากมายขนาดนั้นหรือ? ถึงขั้นไปคลุกคลีกับลูกหลานผู้ลากมากดีเหล่านั้นให้เขาดูถูกเอาหรือ? ด้วยเหตุนี้ นางยังไม่พูดดีด้วยแม้แต่คำเดียวราวกับพวกเขาควรจะสละชีวิตให้นาง ตอนนี้มีบางอย่างผิดพลาด นางยังกล่าวโทษคนอื่นทุกอย่าง มีคนกล่าวว่าฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้งก็เหมือนถีบหัวส่ง นางยังไม่ได้โม่แป้ง ก็อยากจะกินคนที่สละชีวิตให้นางเสียแล้ว
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรพูด!” แม่นมหนิงที่บีบไหล่อยู่ขัดจังหวะอนุภรรยาหนิงโดยไม่รอให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเอ่ยพูด ขยิบตาให้อนุภรรยาหนิงเข้าใจ และก้มหน้าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
“ฮูหยินใหญ่ ข้าไม่คิดว่าคุณหนูจะทำเรื่องนี้เจ้าค่ะ!” แม่นมหนิงวิเคราะห์ว่า “ข่าวลือแบบนี้แพร่สะพัดที่ไหนก็จะเป็นเรื่องอื้อฉาวที่นั่น ต่อให้พ่อบ้านจิ่นจะไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้จนน้ำลดตอผุดเพราะติดขัดสถานะ ทางฟากเขาอวี้ฉิงจะส่งคนมาตรวจสอบอย่างละเอียดเช่นกัน ตอนนี้มันปลายเดือนแล้ว เร็วๆ นี้ก็ใกล้จะถึงงานประลองยุทธ์ หวงเซียวเซียงและคนอื่นๆ น่าจะถึงลี่โจวแล้ว ไม่แน่อาจจะแค้นเรื่องนี้ฝังใจ จึงวางแผนอย่างลับๆ”
“ไม่ใช่หญิงสาวสามคนนั้น พวกนางไม่มีใครที่มีความสามารถขนาดนั้น!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้ายังไม่แก่จนเลอะเลือน เรื่องนี้ลุกลามขยายใหญ่มาถึงจุดนี้ได้ หอยุทธภพอี้สื่อจะต้องมีส่วนร่วมแน่ หลังจากติดใบปลิวตามท้องถนน เผยแพร่ให้ทุกคนรู้กันทั่ว ให้อาจารย์อี้สื่อพวกนั้นเล่าเรื่องน่าสนใจที่เกลาสำนวนแล้วให้คนทั่วไปฟังในโรงน้ำชาอี้สื่อหรือหอวีรบุรุษ พวกเขาได้ทำสิ่งเหล่านี้มากมาย และวิธีการก็ไม่เป็นความลับ!”
“นั่นก็หมายความว่าคุณหนูบริสุทธิ์มิใช่หรือเจ้าคะ?” แม่นมหนิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ นางเต็มใจจะอิจฉาทั่วป๋าฉินซิน แต่ไม่ได้คาดหวังว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยจะสงบลงในครั้งนี้แล้ว และรู้จักวิเคราะห์อย่างละเอียดรอบคอบ
“เพราะเหตุนี้ข้าถึงคิดว่านางทำเรื่องนี้!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกล่าวอย่างเยียบเย็นว่า “ประการแรก หอยุทธภพอี้สื่อจะไม่ลงมือทำเรื่องไร้ประโยชน์ หากไม่มีประโยชน์เพียงพอ ก็ไม่มีใครบังคับเขาได้ ไม่ว่าอย่างไรฉินซินก็เป็นคุณหนูของตระกูลทั่วป๋า เงินทองเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับนาง ถ้านางต้องการใช้เงินก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ ประการที่สอง เรื่องนี้กระทบหน้าตาของตระกูลซั่งกวนโดยตรง หอยุทธภพอี้สื่อไม่ค่อยทำเช่นนี้ โดยเฉพาะที่นี่คือลี่โจว เป็นที่ตั้งของตระกูลซั่งกวน ต่อให้เงินทองจะไม่ได้ผลขนาดนั้น ก็ต้องมีใครบางคนใช้กำลังข่มขู่อาจารย์อี้สื่อด้วย มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่คำนึงถึงชีวิตน้อยๆ ของตัวเอง แม้เรือนสดับวายุจะทำให้สูญเสียกำลังพลไปไม่น้อย แต่ฉินซินจะปล่อยให้คนทำเช่นนี้มันก็ยังง่ายมาก ทว่าข้าไม่รู้ว่ามีกี่คนที่รู้เรื่องนี้ นางจะฆ่าปิดปากคนที่รู้หรือไม่ก็เท่านั้นเอง สุดท้าย เรื่องที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องแบกรับความคาวโลกีย์ก็มีเพียงพวกเราสองสามคนที่รู้ ถึงแม้คนอื่นๆ อยากจะปั้นเรื่องใส่ร้าย คิดจะก่อกวนก็ไม่จำเป็นต้องบังเอิญขนาดนั้น อ้างว่าประจวบเหมาะทำนองนี้ ถ้าไม่ใช่ฉินซินแล้วจะเป็นใครได้!”
“แต่เรื่องนี้ไม่ดีกับคุณหนูแม้แต่น้อยเลยนะเจ้าคะ!” แม่นมหนิงนึกไม่ถึงว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยได้ตัดสินโทษทั่วป๋าฉินซินแล้ว นางยังกังวลว่าพวกนางจะโยนข้อหามาให้อวี่ไข่ด้วยซ้ำ? ซึ่งนั่นคือที่พึ่งพาของสองแม่ลูกอย่างตนในอนาคต หากมีอะไรเกิดขึ้นก็เสร็จกัน
“ทำร้ายคนอื่นและไม่ทำให้ตัวเองเสียเปรียบมีถมไป และไม่มีปัญหาอย่างนี้ เพียงแต่สมองหมูของนางไม่น่าจะคิดได้ว่าสิ่งนี้ไม่ดีสำหรับนางก็ไม่ว่า แต่มันจะส่งผลกับการแต่งเข้ามาของนางก็แค่นั้นเอง!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยชื่นชมทั่วป๋าฉินซินว่าฉลาดเป็นกรดเสมอ แต่ยามนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะยกย่องนางเลย
“ไม่หรอกกระมัง คุณหนูเฉลียวฉลาดและน่ารักมาตั้งแต่เด็ก แค่ไม่มีประสบการณ์มากพอ เอาแต่ใจนิดหน่อยเจ้าค่ะ!” แม่นมหนิงใจเย็นแล้ว เรื่องนี้จะไม่พัวพันถึงอวี่ไข่ผู้บริสุทธิ์แน่นอน และรู้ว่าจะขยายความพูดสิ่งดีๆ ให้ทั่วป๋าฉินซินสักสองสามอย่าง นางตระหนักดีถึงนิสัยใจคอของทั่วป๋าซู่เยวี่ย เป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุดและปกป้องคนผิด อย่ามองว่าตอนนี้นางดุว่าทั่วป๋าฉินซินเหมือนหมูเหมือนหมาก็มิปาน ถ้าคนอื่นบอกว่าทั่วป๋าฉินซินไม่ดี ตอนนี้เป็นไปได้ที่จะทำให้นางรู้สึกสบายใจสักพัก แต่เมื่อนางหายโกรธคราใด ยังไม่แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!
“ไม่หรอกอะไรกัน!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ไม่มีฝีมืออะไร เพียงแค่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา แสร้งทำเป็นน่ารักออดอ้อน มิน่าเล่าที่เจวี๋ยเอ๋อร์ไม่ชอบนางมาตลอด สะใภ้ใหญ่ของตระกูลซั่งกวนจำเป็นต้องแบกรับภาระเองคนเดียวจนสามารถจัดการกับสิ่งต่างๆ ได้อย่างสงบ แต่นางกลับไม่ได้เรียนรู้และไม่มีทักษะ ในจุดนี้ นางเทียบเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ติดแม้แต่ปลายก้อย! ถ้าไม่ใช่เพราะนางเป็นคุณหนูจากตระกูลทั่วป๋า ข้าจะยอมปล่อยเยี่ยนมี่เอ๋อร์มาเลือกนางได้อย่างไรเล่า!”
“นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมท่านถึงไม่เต็มใจจะฆ่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์โดยตรงสินะเจ้าค่ะ!” ทั่วป๋าฉินซินไม่คิดว่าตนจะพักผ่อนเพียงพอ เมื่อนึกถึงการเสียมารยาทก่อนหน้านี้ จึงรู้สึกว่าควรจะมาแสดงความขอโทษทั่วป๋าซู่เยวี่ย แต่ครั้นได้ยินถ้อยคำเช่นนี้ ก็ไม่เคยคิดเลยว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยที่พูดถึงตนเป็นประจำว่าเสมือนสมบัติในฝ่ามือจะบอกว่านางด้อยกว่าหญิงสารเลวคนนั้น
“เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็สงบลงทันทีแล้วพูดอย่างบึ้งตึงว่า “นี่เป็นวิธีของเจ้าหรือ? เมื่อมาเข้าพบผู้อาวุโสก็ไม่รู้ธรรมเนียมว่าจะให้แม่นมสาวใช้มาแจ้งสักคำ! แม่นมอี้ เจียจือ พวกเจ้าตายไปหมดแล้วหรือ?”
แม่นมอี้และเจียจือคุกเข่ากับพื้นด้วยความลนลาน ทั่วป๋าฉินซินมักจะมาแบบนี้บ่อยๆ แล้วตรงไปหาทั่วป๋าซู่เยวี่ย ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยังบอกอีกว่า คนกันเองไม่จำเป็นต้องเหินห่างขนาดนั้น มีอะไรก็รายงานมา ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในวันนี้!
“ท่านย่าไม่ได้พูดออกบ่อยว่าฉินซินเป็นหลานสาวของท่าน และจะเป็นหลานสะใภ้ในอนาคตอีกด้วย ให้คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง ไม่ต้องลำบากให้คนมาแจ้งตามมารยาทขนาดนี้หรอกหรือ? เพราะเหตุใด เข้ามาวันนี้ก็ผิดกฎใช่ไหม? หนำซ้ำยังซุบซิบนินทาคนลับหลัง กินปูนร้อนท้องเลยนะเจ้าคะ!” ทั่วป๋าฉินซินมองทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างชิงชัง นางไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะถูกทั่วป๋าซู่เยวี่ยเสกสรรปั้นแต่งและรังเกียจเยี่ยงนี้ ทั้งแสร้งไร้เดียงสา แสร้งน่ารักออดอ้อน นั่นไม่ใช่เพราะนางบอกว่าลูกผู้พี่ได้พบกับหญิงสาวที่ร้ายกาจ จึงไม่ชอบคนที่มีจริตมารยาพรรค์นั้น ยามนี้เลยเป็นเหตุและจุดอ่อนที่น่าเอือมระอาหรือ?
อะไรที่เรียกว่าน่าผิดหวัง นี่แหละที่เรียกว่าน่าผิดหวัง! เดิมทีในใจยังรู้สึกผิดที่โต้เถียงนางเมื่อกลับมาในตอนบ่าย แต่ตอนนี้ความละอายใจนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยไม่ว่า ความแค้นดั้งเดิมที่จางหายไปได้กลายเป็นความแค้นฝังลึกยิ่งขึ้น
กินปูนร้อนท้อง? ทั่วป๋าซู่เยวี่ยหายใจไม่สะดวก อะไรที่เรียกว่ากินปูนร้อนท้อง? แม้แต่เอ่ยถึงนางก็ไม่ได้หรือ?
“คุณหนูพูดอย่างนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ!” อนุภรรยาหนิงค่อนข้างกังวลมากเมื่อเห็นบรรยากาศตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่าย ควรรู้ไว้ว่าฮูหยินใหญ่เพิ่งโกรธจนหน้ามืดไปเมื่อเช้า ถ้าถูกยั่วโมโหด้วยคำพูดของคุณหนูอีกก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ข้าเป็นอย่างไร?” ทั่วป๋าฉินซินมองอนุภรรยาหนิงอย่างมึนตึงแล้วพูดว่า “ข้าพูดผิดตรงไหนหรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่เพราะนางเองที่กินปูนร้อนท้อง ใส่ร้ายข้าลับหลังเช่นนี้ ข้าจะพูดอะไรแบบนี้ไหม? ท่านย่า ข้าคิดเสมอว่าท่านบริสุทธิ์ใจกับข้า หวังให้ข้าแต่งงานกับลูกผู้พี่ซึ่งก็พิจารณาเพื่อข้าด้วยเช่นกัน ท่านบอกว่าลูกผู้พี่ชอบเป่าขลุ่ย ข้าก็เรียนเป่าขลุ่ย อยากจะเล่นขลุ่ยกับลูกผู้พี่ในสักวันหนึ่ง ท่านเล่าว่าลูกผู้พี่ไม่ชอบวาดภาพ แต่ชอบเขียนพู่กัน ข้าเลิกวาดภาพโปรดทันที เปลี่ยนมาเรียนเขียนพู่กัน ท่านบอกว่าลูกผู้พี่ไม่ชอบผู้หญิงที่มีจริตมารยา ข้าจึงพยายามทำตัวเรียบง่าย ไม่แตะต้องเรื่องราวที่ซับซ้อนมากมายนัก ท่านบอกว่าบุรุษชื่นชมสตรีผู้มีความสามารถ แต่กลับอยู่ห่างไม่กล้าเข้าใกล้ ท่านแม่จึงอยากสอนงานบ้านงานเรือนให้ข้า ข้าปฏิเสธ แต่เวลานี้เล่า? ท่านดันบอกว่าข้าไม่เรียนรู้ไม่มีทักษะ! ที่แท้ท่านปฏิบัติกับข้าเยี่ยงนี้ เทียบไม่ติดแม้กระทั่งปลายก้อยของหญิงแพศยาคนนั้น!”
“คุณหนู ใจเย็นๆ หน่อยเจ้าค่ะ! บ่าวทราบว่ายามนี้ท่านอารมณ์ไม่ดี พูดอย่างมีโทสะ แบบนี้ไม่ดี จะหักหาญน้ำใจกัน เมื่อท่านสงบลงจะเสียใจเป็นแน่ บ่าวว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า ท่านกลับไปสงบสติอารมณ์ก่อน แล้วค่อยมาหาฮูหยินใหญ่นะเจ้าคะ!” แม่นมหนิงเกลี้ยกล่อมนางอย่างหน้าม้าน ขยิบตาแสดงท่าทางให้เจียจือและแม่นมอี้พานางออกไป
“อย่ามาแตะต้องตัวข้าเด็ดขาด!” ทั่วป๋าฉินซินมองแม่นมหนิงอย่างไม่แยแส เดินเข้ามาด้วยใบหน้าโกรธเคือง อนุภรรยาหนิงเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี รีบยืนขวางอยู่ตรงหน้าทั่วป๋าฉินซิน จู่ๆ ทั่วป๋าฉินซินก็หัวเราะลั่น ง้างมือขึ้นตบสองฉาด เสียงดังก้องกังวาน อนุภรรยาหนิงไม่ได้เตรียมตัวป้องกันและไม่มีพละกำลังดีนัก จึงเดินโซซัดโซเซล้มลงกับพื้น พวงแก้มแดงบวมเป่งในทันที
“ทาสผู้ต่ำต้อยบางคนขาดการอบรมสั่งสอน ไม่ตีไม่หลาบจำ!” ทั่วป๋าฉินซินมองอนุภรรยาหนิงอย่างเมินเฉยพลางกล่าวว่า “อย่าคิดว่าได้ปีนขึ้นเตียงนายใหญ่ เป็นอนุภรรยา แล้วก็คลอดลูกให้เจ้านายจะได้เป็นคนชั้นสูง! ตระกูลหนิงของพวกเจ้าเป็นทาสมาตั้งแต่วันที่เริ่มมีตัวตน เป็นทาสมาทั้งชีวิต เจ้ารู้ไหมว่าทำไมท่านลุงถึงไม่ชอบพี่น้องของอวี่ไข่? ไม่ใช่เพราะสถานะของลูกนอกสมรส แต่เป็นเพราะสายเลือดชั้นต่ำ ส่วนอีกคนเป็นลูกนอกสมรสเช่นเดียวกัน แต่อนุภรรยาหวังเป็นลูกสาวของขุนนางต้องโทษ ต่อให้จะเคยอยู่ในหอนางโลม แต่ดีกว่าเจ้าหลายร้อยเท่า ดังนั้น แม้จะดูไม่ออกในตอนนี้ ทว่าอวี่ฮ่าวมีอนาคตไกลกว่าอวี่ไข่แน่นอน นี่คือเชื้อสาย เข้าใจไหม?”
อนุภรรยาหนิงนอนฟุบอยู่บนพื้นไม่กล้าขยับตัว เป็นเวลาหลายปีแล้วที่นางไม่เคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ นางต้องให้ทั่วป๋าฉินซินชดใช้เพิ่มเป็นทวีคูณในวันหน้าแน่
“เจ้าโตขึ้นแล้วจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะกล้าตีคนต่อหน้าข้า ตีคนที่ต้องการช่วยเจ้าอย่างสุดใจ!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยรู้สึกเดือดดาลจนใจเต้นโครมคราม อนุภรรยาหนิงได้รับการเลี้ยงดูจากนางมาตั้งแต่เป็นเด็ก ไม่เคยโดนกลั่นแกล้งอะไรเลย แม้ในขณะที่ต่อสู้เพื่อชิงเป็นคนโปรดกับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็ไม่เคยถูกปฏิบัติเยี่ยงนี้ จึงไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกคนของตระกูลทั่วป๋าทุบตีต่อหน้าตน นี่ไม่ได้ตีหนิงซิน แต่ตีบนใบหน้าแก่ชราของนางต่างหาก ทั่วป๋าซู่เยวี่ยรู้สึกว่าใบหน้าของนางร้อนผะผ่าวเช่นกัน
“ตีแล้วก็ช่างปะไร? นางเป็นตัวการใหญ่!” ทั่วป๋าฉินซินไม่เสียใจเลยที่ได้ตบตีคนแม้แต่น้อย แล้วพูดอย่างดุเดือดว่า “อะไรกันที่เรียกว่าต้องการช่วยข้าอย่างสุดใจ ถ้าไม่อยากได้ผลประโยชน์ล่ะก็ พวกนางจะช่วยข้าไหม? แท้จริงแล้วข้าก็โง่ด้วย ไฉนถึงคาดหวังว่าพวกเจ้าจะช่วยข้าได้หา? อนุภรรยาหนิง ไม่ทราบว่าท่านลุงไม่ไปห้องของเจ้านานแค่ไหน? หนึ่งปี? สองปี? หรือห้าหกปี? เมียบ่าวนางหนึ่งที่ไม่โปรดปราน แม้จะให้กำเนิดลูกมันก็ป่วยการเปล่า”
อนุภรรยาหนิงหลับตาปี๋ด้วยความเกรี้ยวโกรธ ไม่อยากให้ทั่วป๋าฉินซินเห็นความเจ็บปวดและเกลียดชังในดวงตาของนาง ที่ถูกทั่วป๋าฉินซินพูดกระซวกตัดขั้วหัวใจอย่างโหดเหี้ยม เลือดหลั่งอยู่ข้างใน…
“แล้วท่านล่ะ! ท่านย่าที่ข้ารักที่สุด!” ทั่วป๋าฉินซินหัวเราะเยาะพลางมองทั่วป๋าซู่เยวี่ยแล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าตอนที่ท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่กี่ปีแล้วที่ไม่ได้เข้าห้องของท่าน? ไม่สิ ตามกฎ ไม่ว่าจะอย่างไรทุกๆ วันที่หนึ่งกับวันที่สิบห้าท่านปู่ก็จะพักผ่อนในห้องของท่าน แต่ข้าเชื่อว่าต่อให้จะพักผ่อนในห้องของท่าน ท่านปู่จะไม่แตะต้องท่านแม้แต่ปลายก้อย ไม่เช่นนั้นท่านลุงถึงได้มีพี่น้องที่เป็นลูกนอกสมรสมากมาย ทำไมท่านกลับมีแค่ท่านลุงที่เป็นลูกเพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าคิดว่าถ้าหัวหน้าตระกูลไม่ต้องส่งต่อให้ลูกชายสายตรง ไม่แน่ท่านปู่อาจจะไม่แตะต้องท่านไปตลอดชีวิต”
“หุบปาก!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่เคยคิดว่าบาดแผลที่ลึกที่สุดของนางจะถูกคนของตระกูลทั่วป๋าสะกิดออกมา ลุกขึ้นยืนตัวสั่นแล้วชี้ตวาดกร้าวไปที่ทั่วป๋าฉินซิน
“ทำไม? พูดแทงใจดำสิท่า?” ทั่วป๋าฉินซินมองทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าท่านมีสามี แต่เป็นแม่ม่ายมาเกือบครึ่งชีวิตแล้ว ข้าก็โง่เหมือนกัน ที่ไปขอความช่วยเหลือจากผู้หญิงงี่เง่าที่ไม่เคยได้ใจสามีหรือลูกชายและแม้กระทั่งใจของหลานชายมาเลยตลอดชีวิตได้อย่างไร!”
“เจ้า…อ๊วก…” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพ่นเลือดสดออกมาเต็มปาก คนทั้งร่างก็ตัวสั่นไหวล้มลงทับร่างของแม่นมหนิง เป็นลมสลบไสล
“ฮูหยินใหญ่…” แม่นมหนิงร้อนใจ แม่นมอี้ก็รีบวิ่งเข้าไป อนุภรรยาหนิงไม่ได้นอนอยู่ที่พื้นอีกต่อไป เจียจือวิ่งออกไปข้างนอกด้วยใบหน้าซีดเซียว เพื่อไปตามหมอ ขณะที่ทั่วป๋าฉินซินมองคนที่ตื่นตระหนกอย่างทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แล้วพาสาวใช้ออกไปอย่างไม่สนใจไยดี…
————————