เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 18 ความหลังของจิงอิ๋ง (1)
“คุณหนู เหตุใดท่านยังไม่รู้ว่ามันร้ายแรงแค่ไหนที่ตามพ่อบ้านใหญ่ไปที่อู๋โจวโดยไม่บอกไม่กล่าว!” ซั่งกวนจิงอิ๋งกับแม่นมเฝิงนั่งลงบนรถม้า รถม้าก็ขับไปยังเมืองลี่โจวอย่างช้าๆ สีหน้าของแม่นมเฝิงก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยเช่นกัน ไม่ได้เคร่งเครียดมากนัก แต่กังวลมากขึ้นแล้วกล่าวว่า “เพราะเหตุนี้ฮูหยินใหญ่จึงโกรธมาก เดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ ท่านต้องระมัดระวังหน่อยเมื่อกลับถึงเรือน”
“เดือดดาล?” บนใบหน้าของจิงอิ๋งที่เอาแต่ยิ้มอย่างเดียวมาตลอดได้เผยให้เห็นการเยาะเย้ยถากถาง พลางกล่าวว่า “หายากนะ นึกไม่ถึงว่าฮูหยินใหญ่จะโกรธเพราะเรื่องของข้า นี่หมายความว่านางจำได้แล้วว่าข้าก็เป็นคุณหนูของตระกูลซั่งกวนเช่นกันใช่ไหม?”
“คุณหนู!” น้ำเสียงของแม่นมเฝิงดูจริงจังเล็กน้อย แต่กลับรักเอ็นดูมากกว่า ยกเว้นนางแล้วใครจะรู้ว่านิสัยของซั่งกวนจิงอิ๋งเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากได้รับบาดเจ็บครั้งนั้น? ยกเว้นนางแล้วใครจะห่วงใยจิตใจของซั่งกวนจิงอิ๋งอย่างแท้จริง?
“ไม่ใช่งั้นเหรอ?” จิงอิ๋งเลิกคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นว่า “นอกจากจะโกรธอยู่ในใจแล้ว ตอนที่คิดจะหาที่ระบายอารมณ์นั้น ฮูหยินใหญ่นึกถึงข้าตั้งแต่เมื่อไร?”
“คุณหนู บ่าวรู้ถึงความขมขื่นในใจของท่าน” แม่นมเฝิงพูดอย่างทุกข์ใจ “แต่นิสัยของท่านก็ต้องเปลี่ยนไปเช่นกัน จะซ่อนความคิดตลอดเวลาไม่ได้ คิดอะไรออกก็จะแสดงบนใบหน้า ต่อไปจะอมทุกข์”
“ข้าไม่ได้ขมขื่น” จิงอิ๋งพูดอย่างดื้อดึง “ข้าเป็นคุณหนูรองของตระกูลซั่งกวน ถ้าข้ายังรู้สึกขมขื่น แล้วคนอื่นๆ ไม่ต้องขมขื่นจนตายเหรอ”
แม่นมเฝิงลอบถอนหายใจแล้วเปลี่ยนเรื่องเอ่ยขึ้นว่า “คุณชายใหญ่รู้ว่าท่านไปอู๋โจว เขาโมโหมาก บอกว่าคราวนี้จะ ต้องลงโทษท่านอย่างหนักสักครั้ง ท่านต้องเอาตัวรอดให้ได้”
“พี่ใหญ่แค่พูดเท่านั้นเอง เขาจัดการข้าไม่ลงหรอก” สีหน้าของจิงอิ๋งผ่อนคลาย ซั่งกวนเจวี๋ยเอาใจนางเสมอมา นางรู้ดี ดังนั้นจึงใช้สิทธิ์ในการลงโทษที่นางแอบออกจากบ้านมาอยู่ในมือ เพื่อไม่ให้ตัวนางถูกฮูหยินใหญ่ลงโทษก็เท่านั้น
“มันก็ไม่แน่” แม่นมเฝิงกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ได้ยินโม่เซียงบอกว่า คราวนี้คุณชายใหญ่โกรธจริงๆ ได้ส่งคนไปเชิญอาจารย์เฉาที่มีชื่อเสียงผู้นั้น ขอให้อาจารย์เฉามาสอนคุณหนูรองที่จวนเป็นอย่างดี แน่นอนว่าจะต้องให้คุณหนูรองเปลี่ยน เป็นบุตรสาวของตระกูลสูงศักดิ์ที่มีความรู้ ไม่ใช่เหมือนลิงป่าอีกต่อไป”
“อาจารย์เฉา? ใช่อาจารย์เฉาคนเดียวกับที่เคยมาสอนพี่ชิงหวั่นหรือไม่?” จิงอิ๋งตกตะลึง นางไม่คาดคิดว่าจะได้ยินข่าวเช่นนี้
แม่นมเฝิงพยักหน้า อาจารย์เฉาที่นางเอ่ยถึงมีชื่อเสียงมากในหมู่ตระกูลสูงศักดิ์ คุณหนูรองชิงหวั่นของตระกูลมู่หรง คุณหนูใหญ่ฉินเสาของตระกูลทั่วป๋า และคุณหนูใหญ่อวี่ซิงของตระกูลชุยต่างเชิญนางไปสอน คุณหนูทั้งสามคนนี้ล้วนเป็นสตรีที่มีพรสวรรค์ทำให้ชายหนุ่มที่เป็นอัจฉริยะสนใจหมายปอง ตอนนี้นางกำลังสอนคุณหนูเก้าของตระกูลหวงฝู่
“พี่ใหญ่วางแผนเรื่องนี้มานานแล้วสินะ” ซั่งกวนจิงอิ๋งไม่ใช่คนโง่เสียทีเดียว นางรู้ดีว่าชื่อเสียงของตัวเองในหมู่คุณหนูของตระกูลเสียชื่อเสียงแค่ไหน นี่คือการ ‘กอบกู้ชื่อเสียง’ ให้นางสินะ!
แม่นมเฝิงสำลัก นางรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่อาจารย์เฉาผู้หยิ่งผยองไม่เคยตอบรับคำเชิญของซั่งกวนเจวี๋ยซึ่งหน้า นางก็ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องราวนี้ ซั่งกวนเจวี๋ยเป็นคนวางแผนเรื่องนี้ ซั่งกวนฮ่าวกับภรรยาก็เห็นด้วยเช่นกัน แต่เน้นย้ำหลายครั้งว่า ไม่ควรเปิดเผยเรื่องนี้จนกว่าจะเสร็จสิ้น เพื่อไม่ให้ข่าวลือที่ไม่เป็นผลดีกับคุณหนูรองแพร่ออกไป สิ่งสำคัญกว่าคือ ไม่ควรให้ฮูหยินใหญ่รู้เรื่องนี้ ถ้านางรู้เข้า จะต้องให้ซั่งกวนพิงถิงที่เกิดกับอนุภรรยาหนิงได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันเป็นแน่…ในหมู่วงศ์ตระกูลแล้ว อาจารย์เฉาจะสอนคุณหนูเพียงคนเดียว ซั่งกวนหลิงหลงก็ไม่สนใจจะแข่งขันกับซั่งกวนจิงอิ๋ง แต่ซั่งกวนพิงถิงจะพยายามทำทุกวิถีทางแน่นอนเพื่อทำให้อาจารย์เฉาเปลี่ยนมาสอนนาง
“ไฉนอาจารย์เฉาถึงตอบรับเรื่องนี้? พี่ใหญ่ให้สัญญาอะไรกับอาจารย์เฉาที่ลำพองใจผู้นั้นกัน?” จิงอิ๋งถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เอ่อ…บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ” แม่นมเฝิงพูดไม่ออก ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็ดีใจมาก ซั่งกวนจิงอิ๋งเป็นคนที่นางเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ แม้นางจะแต่งงานมาแล้ว แต่ก็ไม่มีลูก สามีก็ด่วนจากไปเร็วเช่นกัน สำหรับคนอย่างนาง การแต่งงานใหม่เป็นทาง เลือกหนึ่ง แต่ไม่ว่าการแต่งงานจะดีแค่ไหนก็ไม่ดีเท่ากับการเป็นแม่นมของตระกูลซั่งกวน โชคดีที่เมื่อนางตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ซั่งกวนฮ่าวเลือกให้นางเป็นแม่นมเลี้ยงดูคุณหนูรอง ซึ่งถือเป็นการให้เกียรติรักษาหน้านาง
ซั่งกวนจิงอิ๋งมีสติปัญญาไม่ด้อยไปกว่าซั่งกวนหลิงหลง แต่นางไม่มีความอดทนเท่าซั่งกวนหลิงหลง นอกจากนี้เมื่อนางเกิดนั้น มันเป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่ฮูหยินต้องสู้รบปรบมือกับอนุภรรยาหลายคนและฮูหยินใหญ่ จึงไม่เคยสนใจการเติบโตของคุณหนูรองเลย ดีที่ซั่งกวนฮ่าวกับซั่งกวนเจวี๋ยห่วงใยนางมาก แต่บุรุษทั้งสองคนถึงอย่างไรก็ไม่ละเอียดอ่อนเท่าสตรี จึงบ่มเพาะนิสัยที่มีชีวิตชีวาและไม่คิดอะไรมากให้ซั่งกวนจิงอิ๋ง
นิสัยแบบนี้ทำให้ซั่งกวนฮ่าวกับซั่งกวนเจวี๋ยชอบนางและรักนางมากขึ้น จึงไม่ได้ตั้งใจแก้ไขปรับปรุง อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุเมื่อปีกลาย ไม่เพียงทำให้ซั่งกวนจิงอิ๋งผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังทำให้พวกเขาเข้าใจว่านิสัยเช่นนี้ของนางจะทำให้นางได้รับอันตรายอะไรบ้าง
สาเหตุของเหตุการณ์นั้นเป็นเพียงจุดเสี้ยวของเวลาที่ไม่สะดุดตาทำให้เกิดขึ้น
หลังจาก ‘งานประลองยุทธ์’ เมื่อปีที่แล้ว ซั่งกวนเจวี๋ยกับสหายสนิทสองสามคนจากตระกูลชนชั้นสูงไม่พอใจด้วยเหตุผลบางประการ พวกเขารวมกลุ่มกลับไปที่ลี่โจว มาดื่มสุราและสนุกสนานในเรือนสดับวายุพร้อมกับ ‘จอมยุทธ์หญิง’ ที่เพิ่งรู้จักกันสองสามคนใน ‘งานประลองยุทธ์’ ด้วย นอกจากหงหลัวซาหรือสือหย่าฉี เทพธิดาหยกอวี้เมิ่งเหยาและหวงเซียวเซียง สามคนนี้แล้ว ยังมี ‘เทพธิดาผีเสื้อหยก’ ลั่วหลิง ‘ผ้าแดงสิบจั้ง’ หวังอี๋และคนอื่นๆ จอมยุทธ์หญิงเหล่านี้ล้วนถูกดึงดูดด้วยบุคลิกของลูกหลานตระกูลใหญ่ไม่กี่คน จากนั้นก็ติดตามมาโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น เรื่องราวจึงเกิดขึ้นกับตัวของ ‘เทพธิดาผีเสื้อหยก’ ลั่วหลิง ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในยุทธภพคนนั้น
ลั่วหลิงชอบพอกับชุยฮ่าวหรันของตระกูลชุยนั้นเป็นเรื่องที่รู้กันดีในยุทธภพอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับหนุ่มสาวในยุทธภพ ในขณะที่หวงเซียวเซียงไม่เคยพบกับซั่งกวนเจวี๋ยมาก่อน ก็ชื่นชอบเขาไปแล้วเพราะข่าวลือที่โจษจันกันในยุทธภพ จากนั้นก็ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ จึงตามมาที่ลี่โจวโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้นเป็นเพราะหนุ่มสาวในยุทธภพเป็นคนรักอิสระไม่คำนึงถึงข้อหยุมหยิม แต่เสียตรงที่ชุยฮ่าวหรันเป็นคู่หมั้นของซั่งกวนหลิงหลง ทั้งสองยังถือว่าเป็นคู่รักในวัยเด็ก ครั้นหลิงหลงอายุสิบสองปี ก็ได้รับความยินยอมจากบิดามารดาทั้งสองฝ่ายแล้ว การแต่งงานที่ตระกูลทั้งสองฝ่ายตกลงกันก็ถือเป็นเรื่องราวที่ดีด้วยเช่นกัน…การเกี่ยวดองในระหว่างตระกูลเป็นเรื่องปกติ แต่ส่วนใหญ่จะหมั้นกันหลังเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีบางกรณีที่จะหมั้นกันตอนเป็นเด็กแบบนี้
ชุยฮ่าวหรันมีความสามารถพิเศษ สิ่งที่เขารักและถนัดที่สุดคือการคำนวณ ส่วนซั่งกวนหลิงหลงเป็นคนฉลาดเฉียบแหลม นางก็ชอบการคิดคำนวณด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนมีงานอดิเรกและความสนใจเหมือนกันและมีหลายเรื่องที่เหมือนกัน นับว่าเข้ากันได้อย่างลงตัว
แต่ไม่รู้ว่าใครแพร่งพรายเรื่องที่ชุยฮ่าวหรันมาที่เรือนสดับวายุกับซั่งกวนหลิงหลง และยังพูดบิดเบือนเพิ่มเชื้อเพลิงความหึงหวงเรื่องของลั่วหลิงกับชุยฮ่าวหรัน ซั่งกวนหลิงหลงจึงควันออกหูอยู่ในตอนนั้น…ชุยฮ่าวหรันไม่เพียงไม่ทักทายนางเมื่อมาถึงลี่โจว แต่ยังคงจีบหญิงสาวในเรือนของตระกูลซั่งกวนอีกด้วย? ทำได้หรือ! ซั่งกวนหลิงหลงพาม่านชิงกับม่านจิ้งสาวใช้ใหญ่ประจำตัวบุกไปที่เรือนสดับวายุ ซั่งกวนจิงอิ๋งที่ได้ข่าวก็นึกสนุกตามมาดูด้วย
ในช่วงเวลาสำคัญของละครฉากตื่นเต้นในขณะที่กำลังเล่นบท ‘จับชู้’ มู่หรงปั๋วอวี่ที่มีนิสัยเก็บกดได้ดับไฟโมโหของซั่งกวนหลิงหลงอย่างชาญฉลาด และยังทำให้ซั่งกวนหลิงหลงต้องยอมรับว่านี่เป็นเพียง ‘เรื่องทำนองชู้สาว’ ที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก ซั่งกวนหลิงหลงที่มาอย่างดุเดือด จึงต้องกลับไปอย่างหน้าม่อยคอตก
มู่หรงปั๋วอวี่เป็นบุตรชายคนโตของภรรยารองในตระกูลมู่หรง แม้เขาจะยอดเยี่ยมมาก แต่ประการแรกเพราะเขาค่อน ข้างเก็บกด ไม่ชอบเปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะ ประการที่สองความสามารถไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก จึงมักชิงดีชิงเด่นกับมู่หรงปั๋วเย่บุตรชายคนโตของภรรยาเอก เขาไม่ค่อยเก่งกาจ ไม่มีชื่อเสียงโดดเด่นในหลายๆ ตระกูล แม้ซั่งกวนหลิงหลงกับซั่งกวนจิงอิ๋งจะเคยพบเขาหลายครั้ง แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนถ่อมตัว จึงไม่มีความประทับใจมากนัก
ส่วนเหตุผลที่เขาออกหน้ามาก็เพื่อปกป้องหน้าตาของสหายคนสนิทกับน้องสาวของคนสหายสนิทอีกคนหนึ่ง (แต่ซั่งกวนเจวี๋ยสงสัยว่าเขากำลังถือโอกาสคุยโต เพื่อบรรเทาความหดหู่ในใจของเขา) แต่ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะมีปฏิกิริยาลูกโซ่ใดๆ
เหตุการณ์นั้นเดิมทีก็ถือว่าจบลงเช่นนั้น…เพราะชื่อเสียงที่ไม่ดีของลั่วหลิง อันที่จริงชุยฮ่าวหรันไม่มีทางจะเกี่ยวข้องใดๆ กับนาง ต่อให้จะมี แต่ด้วยฐานะชาติตระกูลของชุยฮ่าวหรัน มากสุดลั่วหลิงก็เป็นได้แค่อนุภรรยา เป็นไปไม่ได้ที่จะข้ามผ่านซั่งกวนหลิงหลงซึ่งมีชาติตระกูลและชื่อเสียงที่ดี แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดคือ เหตุการณ์นี้ไม่เพียงทำให้ซั่งกวนหลิงหลงเกลียด มู่หรงปั๋วอวี่เข้ากระดูกดำ ทว่ายังทำให้ซั่งกวนจิงอิ๋งผู้ไร้เดียงสาเกิดหลงรักเขาด้วย
ซั่งกวนจิงอิ๋งผู้ไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลก นางไม่ได้รับการสั่งสอนที่เรียกว่าการเว้นระยะห่างระหว่างชายหญิงมาตั้งแต่ยังเด็ก นางอดคิดถึงการใกล้ชิดมู่หรงปั๋วอวี่ไม่ได้ ซั่งกวนเจวี๋ยไม่ได้จัดที่พักให้นางอยู่ในเรือนสดับวายุ เพราะเพื่อนสนิทมิตรสหาย นางจึงวิ่งไปที่เรือนสดับวายุทุกวัน แล้วคิดหาวิธีเข้าใกล้มู่หรงปั๋วอวี่
นางเป็นคนที่ไม่ปิดบังความในใจ การเทียวไปเทียวมา ใครๆ ก็รู้ถึงความคิดของนาง และสำหรับเรื่องนี้ ซั่งกวนเจวี๋ยมีความสุขที่เห็น มีคนอื่นๆ อีกหลายคน เช่น ชุยฮ่าวหรัน หวงฝู่หลินยวน ฉีอวี่ฮ่าวและอื่นๆ บางคนมีส่วนช่วยผสมโรง…พวกเขาล้วนเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะหวงฝู่หลินยวนกับฉีอวี่ฮ่าว พวกเขาเหมือนกับซั่งกวนเจวี๋ยและมู่หรงปั๋วอวี่ที่มักมีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวกับผู้หญิงแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันหลายครั้ง แม้ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะสร้างความประทับใจให้กับซั่งกวนเจวี๋ย แต่ซั่งกวนเจวี๋ยกับชุยฮ่าวหรันมีสัญญาหมั้นหมายแล้ว ส่วนคำพูดและการกระทำของผู้หญิงคนนั้นล้วนแสดงให้เห็นว่านางมาจากภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา บุคคลเช่นนี้จะไม่ถูกดูแคลนและจะกลายเป็นภรรยาผิงชีของคนอื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเป็นอนุภรรยา เป็นผลให้ซั่งกวนเจวี๋ยกับชุยฮ่าวหรันซึ่งมีสัญญาหมั้นหมายกลายเป็นคู่แข่งที่ไม่มีเงื่อนไขมากที่สุด และมู่หรงปั๋วอวี่เป็นคู่แข่งที่มีอำนาจมากที่สุด แม้จะตัดมู่หรงปั๋วอวี่ออกไปก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นจะให้ความสำคัญกับพวกเขาเป็นพิเศษ แต่มันก็มีโอกาสเช่นกัน…
ดังนั้น ในความไม่รู้ของซั่งกวนจิงอิ๋ง มู่หรงปั๋วอวี่ก็ยิ้มเจื่อนๆ อยู่หลายครั้งหลายครา พวกเขาทั้งสองคนจึงมีโอกาใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อยๆ…แม้มีผู้หญิงหลายคนในตระกูลสูงศักดิ์ที่แบกรับความคาดหวังของครอบครัว แต่ซั่งกวนจิงอิ๋งเกิดมาพร้อมกับการมองโลกในแง่ดีและไร้เดียงสา นอกจากนี้การอบรมสั่งสอนแบบพิเศษสำหรับผู้หญิงของตระกูลซั่งกวน ทำให้นางไม่เคยมีส่วนพัวพันกับเรื่องเหล่านั้น (ซั่งกวนหลิงหลงก็เช่นเดียวกัน) ดังนั้นในสายตาของมู่หรงปั๋วอวี่ ซั่งกวนจิงอิ๋งก็น่าเอ็นดูเช่นกัน แม้นางจะไม่มีไหวพริบแพรวพราวและมีเสน่ห์เท่าผู้หญิงคนนั้นก็ตาม แต่ยังเป็นผู้หญิงที่ดีที่ควรค่าแก่การปฏิบัติอย่างจริงใจ มู่หรงปั๋วอวี่จึงไม่ปฏิเสธน้ำใจของซั่งกวนจิงอิ๋ง ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะปฏิเสธอย่างไรเสียด้วยซ้ำ…
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทั้งสองคนเริ่มมีความรักกันเล็กน้อยนั้น สิ่งต่างๆ ก็เปลี่ยนไป…
อู๋เลี่ยนเยี่ยนที่เป็นอนุภรรยาอู๋ถือโอกาสให้มาอาศัยอยู่ในตระกูลซั่งกวนนั้น เป็นผู้หญิงที่มีเป้าหมายเพื่อมาต่อสู้เป็นอนุภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ย นางบอกเรื่องนี้กับซั่งกวนหลิงหลงที่กำลังเสียใจ ซั่งกวนหลิงหลงที่เดิมทีไม่ชอบน้องสาวอยู่แล้ว และไม่ค่อยได้สนิทกับมารดาและพี่ชายมากนัก ในทางกลับกัน อนุภรรยาอู๋ที่ประจบสอพลอนางและระแวดระวังมาเสมอนั้นค่อน ข้างใกล้ชิดกับนาง ตอนที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนเพิ่งเข้ามาในตระกูลซั่งกวนก็มาขอพักอยู่เป็นเพื่อนกับนาง จากนั้นก็พักอยู่ด้วยไม่จากไปไหน เมื่อซั่งกวนหลิงหลงรู้ก็โยนถ้วยลงกับพื้นทันที แล้วด่าทอใส่ซั่งกวนจิงอิ๋งว่า ‘เนรคุณ’ แล้วไปร้องไห้ระบายความในใจกับฮูหยินใหญ่ซั่งกวนที่รักนางมาตลอด หลังจากได้รับสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นการปลอบประโลมจากฮูหยินใหญ่ซั่งกวน นางจึงไปหาจิงอิ๋งด้วยความโกรธดุดัน จากนั้นก็ตำหนิอย่างรุนแรงไปครั้งหนึ่ง พูดคำว่า ‘ไร้ยางอาย’ ทำให้ซั่งกวนจิงอิ๋งซึ่งไม่เคยรู้สึกโกรธแบบนั้นมาก่อนน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา แล้วอดวิ่งไปที่เรือนสดับวายุไม่ได้ เพื่อให้พี่ใหญ่ซั่งกวนเจวี๋ยจัดการ
———————————–