เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 196 ใครวางแผนใคร
ทั่วป๋าฉินซินจัดเตรียมของว่างไม่กี่อย่าง รวมทั้งน้ำชาหนึ่งกาอยู่ที่ศาลาระหว่างทางที่ต้องผ่านจากประตูใหญ่กลับเรือนทางตะวันออก น้ำชาและของว่างล้วนใส่ยาเสน่ห์ลงไปพอประมาณ…อินหงหลันกล่าวว่านี่เป็นเพียงสิ่งที่เขาทำมาเล่นๆ เท่านั้น ไม่ได้คิดชื่ออะไรขึ้นมา นางลองใช้กับตัวเอง หลังจากใช้แล้วผู้ชายที่เห็นเป็นคนแรกก็จะเปลี่ยนเป็นลูกผู้พี่ที่นางมีความรู้สึกลึกซึ้งด้วย และผู้หญิงคนแรกที่นางเห็นก็เปลี่ยนเป็นมารดาของนางอย่างไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็จะพูดเจื้อยแจ้วกับพวกเขาไม่หยุด ถามอู๋เลี่ยนเยี่ยนแล้ว ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าหากใส่ยาปลุกกำหนัดน้อยหน่อยก็จะให้ผลดีมากกว่า แต่ว่าในนี้นางไม่ได้ใส่ยาปลุกกำหนัด ยาปลุกกำหนัดค่อยใส่ยามที่พาลูกผู้พี่กลับไปที่ห้อง ยามนี้ทั้งหมดล้วนจัดเตรียมพร้อมแล้ว รอเพียงให้ลูกผู้พี่ปรากฏตัวเท่านั้น…
“ลุงจิ่น จัดการคนพร้อมหรือยัง?” ซั่งกวนเจวี๋ยถามอย่างเรียบนิ่ง ใช้ลูกไม้เดิมๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า พวกนางเห็นตัวเองเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาหรืออย่างไร? ทั่วป๋าฉินซิน ครั้งนี้ข้าจะทำให้เจ้าร้องไห้จนร้องไม่ออกเลยเชียว!
“จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว” ซั่งกวนจิ่นเหงื่อเย็นผุดพราย “คุณชายใหญ่ ข้าว่าเรื่องนี้ต้องระวังแล้วระวังอีก หากเด็กคนนั้นเป็น…คนของตระกูลทั่วป๋า จะต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน!”
ในยามที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเรียกอู๋เลี่ยนเยี่ยนเข้าไป ทั้งหาเหตุผลมาเชิญตัวอินหงหลัน ในใจของซั่งกวนเจวี๋ยก็เดาคำตอบได้รางๆ อยู่แล้ว รู้ว่าพวกเขาคิดจะเลียนแบบ ใช้อุบายนั้นของอู๋เลี่ยนเยี่ยนมาบีบให้ตนเองรับผิดชอบ เขาไปหาอินหงหลันโดยตรง ต้องการให้เขามอบยานั้นให้พวกนาง เขาต้องการให้พวกนางได้รับผลในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป
“ไม่มีความจำเป็นต้องครุ่นคิด!” ซั่งกวนเจวี๋ยกล่าวอย่างเยือกเย็น “ทั่วป๋าฉินซินมุ่งหวังอยากจะจับ ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ ขึ้นเตียง แล้วข้าจะต้องทำลายความฝันของนางไปไย ทำให้นางสมหวังเสียดีกว่า ให้นางสามารถขึ้นเตียงกับ ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ ได้ก็พอแล้ว ให้คนผู้นั้นระวังให้ข้าหน่อย หากเรื่องสำเร็จแล้ว ก็ทำลายหน้ากากให้ข้าทันที”
“เข้าใจแล้ว” ซั่งกวนจิ่นเผยสีหน้าขมขื่น เขารู้สึกว่าเรื่องนี้เกินงามเป็นอย่างมาก แต่ว่า…จัดการไปด้วย คิดไปด้วยก็แล้วกัน!
“อีกอย่าง รายงานมี่เอ๋อร์เสียหน่อย บอกว่าวันนี้ข้ามีธุระ จะกลับไปเย็นอยู่บ้าง” ซั่งกวนเจวี๋ยกล่าวเสียงเย็น คาดว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยย่อมส่งคนสนิทไปผลุบๆ โผล่ๆ ที่หน้าประตูเรือนมีคู่แน่ หากตัวเองไปปรากฏกาย ก็ย่อมทำให้พวกนางรู้ตัว อย่างไรระวังเสียหน่อยจะดีกว่า
“เช่นนั้นเจ้า…” ซั่งกวนจิ่นอยากถามเขามากว่า อยากจะหลบอยู่มุมมืดดูเรื่องสนุก ทั้งดูว่าทั่วป๋าฉินซินจะดึงของที่ย้อมแมวนั้นเข้ามาในห้องอย่างไรหรือไม่
“ข้าจะพักที่นี่สักประเดี๋ยว รอฟ้ามืดหน่อยแล้วค่อยกลับไป!” ซั่งกวนเจวี๋ยไม่มีใจจะดูละคร เขารู้สึกขยะแขยงเต็มที…ชายหนุ่มที่สวมใบหน้าของเขาทั้งหญิงสาวที่ชวนคลื่นเหียนคนนั้นต้องมาจูบตนเอง แค่คิดอย่างเดียวก็ขยะแขยงพอแล้ว
แต่ว่าเขาไม่อยากดูละครไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่อยากดูด้วย ในพุ่มไม้ไม่ไกลจากทั่วป๋าฉินซิน มีร่างของคนสี่คนเบียดกันดูเรื่องสนุกอยู่ พวกเขาพยายามซ่อนเร้นตัวเอง
“สะใภ้ใหญ่ ท่านแน่ใจหรือว่าจะไม่ไปขัดขวางเจ้าคะ?” เซียงเสวี่ยรออยู่ค่อนวันก็ไม่พบเงาคน กล่าวถามขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย
“ลุงจิ่นเตรียมยาถอนให้เจวี๋ยแล้ว เขาเตรียมการณ์แล้ว ไม่อาจหลงกลอย่างแน่นอน ข้ารอดูความสนุกที่นี่ไม่ดีรึ ไยจะต้องวิ่งออกไปขัดขวางด้วย?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กลอกตาใส่นาง นางอยากเห็นเป็นอย่างมากว่าเจวี๋ยจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับทั่วป๋าฉินซินอย่างไร แต่แค่คิดก็รู้แล้ว เขาย่อมไม่อนุญาตให้นางเข้ามาดูละครอย่างแน่นอน…เกิดลูกเสียนิสัยขึ้นมาจะทำอย่างไร!
“มาแล้ว! มาแล้ว!” ในยามที่เซียงเสวี่ยคิดจะโต้แย้ง อินหงหลันก็พูดเสียงต่ำขึ้นมา ทั้งสองคนรีบเงียบเสียงลงทันที พุ่งความสนใจทั้งหมดเข้าไป
“ไม่ถูก เหตุใดเยี่ยนเซียง โม่เซียงถึงไม่ได้ตามคุณชายใหญ่มาด้วย อีกทั้งท่าทางที่คุณชายใหญ่เดินก็แปลกๆ อยู่บ้าง!” เซียงเสวี่ยคุ้นชินกับวิชาเปลี่ยนหน้า พริบตาเดียวก็มองออกแล้วว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
“ย่อมไม่ใช่เจวี๋ย แต่เป็นอีกคนที่สวมใบหน้าเป็นเขาแทน” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองอย่างละเอียด แม้จะอยู่ไกล กลับยังคงพบเจอจุดที่ผิดปกติ เพียงแต่เรื่องราวคล้ายกับยิ่งสนุกขึ้นมาเรื่อยๆ ตัวเองจะสอดเข้าไปเกี่ยวดีหรือไม่?
“ลุงอิน ข้ามีเรื่องจะเสนอ…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ใตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยังคงเรียกอีกสามคนเข้ามา กระซิบกระซาบกันพักใหญ่ ก่อนทั้งสามจะยกมือมาปิดปากอย่างกลั้นหัวเราะไม่ไหว นี่เหมือนจะยิ่งสนุกขึ้นไปอีก
——————————-
ทั่วป๋าฉินซินไม่รู้ว่าตนเองได้ถูกซั่งกวนเจวี๋ยวางแผนซ้อน ยิ่งไม่รู้ว่ามีคนอีกสี่คนอยู่ไม่ไกลทั้งคิดจะวางแผนกับตนอยู่ นางเข้าไปต้อนรับ ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ อย่างดีใจ ร้องเรียกอย่างน่าสงสาร “ลูกผู้พี่…”
‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ สั่นสะท้านไปเล็กน้อย ในใจยังคงไม่มั่นใจ เขาไม่ได้เผยท่าทีโมโหหรือดีใจอันใด ครางตอบเสียงเย็นในลำคอออกไป หยุดฝีเท้า ก่อนจะชำเลืองมองทั่วป๋าฉินซินที่เสียเวลากับการแต่งตัวเป็นอย่างมากอย่างเรียบเย็น
ลูกผู้พี่ ข้ารู้ว่าในใจท่านย่อมชิงชังข้าเป็นอย่างมาก…” ซั่งกวนเจวี๋ยไม่ได้สะบัดชายเสื้อออกไป สำหรับทั่วป๋าฉินซินแล้วนับเป็นการเริ่มต้นที่ดี นางไม่สนใจท่าทีเยือกเย็นของซั่งกวนเจวี๋ยแม้แต่น้อย กล่าวอย่างเสียใจ “พรุ่งนี้ท่านพ่ออาจจะมาถึงลี่โจวแล้ว เขามาเพื่อพาข้ากลับไป เขาบอกว่าการกระทำของข้าสร้างความเสื่อมเสียให้กับตระกูลทั่วป๋า ต้องการพาข้ากลับไปแล้วสั่งสอนให้ดีๆ…ลูกผู้พี่ ข้าว่าหลังจากนี้ข้าคงไม่มีโอกาสได้เกาะแกะท่านอีกต่อไปแล้ว เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตเป็นครั้งสุดท้าย พวกเรานั่งตรงนี้สักพัก พูดคุยสนทนากัน ท่านว่าดีหรือไม่?”
ไม่ดี! ข้าไม่ใช่ลูกผู้พี่ของเจ้าเสียหน่อย! ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ กู่ร้องอยู่ในใจ เขารู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายจริงๆ ก็เพราะว่ารูปร่างและเงาด้านหลังของตนใกล้เคียงกับคุณชายใหญ่ที่สุดจึงถูกดึงมาร่วมภารกิจที่น่ากระอักกระอ่วนเช่นนี้ หากเรื่องสำเร็จ แปดเก้าส่วนเขาต้องถูกบีบให้แต่งงานกับ ‘นางมาร’ ที่อยู่ตรงหน้าเป็นแน่ เขาไม่อยากจะใฝ่สูงเกินตัวสักนิด ใครก็ได้ช่วยเขาที!
แต่เขาไม่อาจร้องเรียกได้ ทั้งไม่อาจมากความ ทำได้เพียงคราง ‘อืม’ อย่างเรียบนิ่ง ทั่วป๋าฉินซินไม่ใส่ใจความเย็นชาของเขาแม้แต่น้อย หากเขาไม่ใช้ท่าทีเย็นชาเช่นนี้จึงจะแปลก นางเป็นฝ่ายดึง ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ ไปนั่งในศาลา ก่อนจะรินชาหนึ่งถ้วยให้เขาอย่างเอาใจใส่ กล่าวยิ้มๆ “นี่คือชาเหมาเฟิงที่ท่านพี่ชื่นชอบมาโดยตลอด ข้าตระเตรียมให้ท่านพี่ด้วยตัวเอง…อาจจะเย็นไปบ้างแล้ว แต่อย่างไรขอท่านพี่ลองชิมความตั้งใจของข้าเสียหน่อยเถิด ยังมีของว่างนี้ ข้าก็ทำเองเช่นกัน แม้ว่ารสชาติจะธรรมดา แต่ว่า…”
‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ รับถ้วยมาอย่างจนใจ ดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะรับของว่างที่ทั่วป๋าฉินซินส่งมา กินลงไปทีละคำ แทบจะสัมผัสถึงรสชาติในนั้นไม่ออก เขาในยามนี้ยอมไม่ใช้ยาถอน เช่นนั้นแล้ว อย่างน้อยก็ยังจะสามารถมองผู้หญิงที่น่ารังเกียจนี้เป็นเทพธิดานางฟ้าได้…ในใจได้แต่ร่ำไห้…ใครช่วยเขาได้บ้าง…
“ลูกผู้พี่?” ทั่วป๋าฉินซินหยั่งเชิงเรียก กลับพบว่า ท่าทีของ ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ ที่อยู่ตรงข้ามค่อยๆ อ่อนโยนขึ้นมา ก็ยิ้มอย่างดีใจ กล่าวอย่างโปรยเสน่ห์ “ลูกผู้พี่ ข้ารู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง ท่านส่งข้ากลับไปหน่อยได้หรือไม่?”
“ได้สิ” ชายหนุ่มผู้น่าสงสารไม่อาจรอให้ผู้ใดมาช่วยได้ ทำได้เพียงหยัดกายขึ้นอย่างยอมรับชะตากรรม พยายามฝืนความต้องการที่จะโกยแนบเอาไว้ ยื่นมือขวาออกไปให้ทั่วป๋าฉินซินอย่างสนิทสนม ทั่วป๋าฉินซินขอบตาแดงก่ำ แม้จะรู้ว่าเป็นเพราะ ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ ตกหลุมพราง จิตใจไม่รู้กับเนื้อกับตัวจึงได้ดีกับตนเช่นนี้ แต่ก็ยังคงอดซาบซึ้งขึ้นมาไม่ได้…นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกผู้พี่ยื่นมือให้นาง!
“ลูกผู้พี่…” พยายามอดกลั้นความต้องการไม่ให้ถลาเข้าไปในอ้อมอกของ ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ ทั่วป๋าฉินซินจับมือของเขา เดินไปทางเรือนใต้อย่างแช่มช้าท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย และเวลานี้ อีกด้านหนึ่งของตระกูลซั่งกวน ซั่งกวนอวี่ไข่กำลังตามชิงหยา สาวใช้คนสนิทของทั่วป๋าฉินซินไปถึงเรือนใต้ ที่พำนักของทั่วป๋าฉินซินอย่างเงียบเชียบ
“คุณชายอวี่ไข่ ที่นี่เจ้าค่ะ!” ชิงหยาเปิดประตูห้อง ซั่งกวนอวี่ไข่มาด้วยท่าทีประหลาดใจอยู่บ้าง ไม่เข้าใจว่าทั่วป๋าฉินซินที่ไม่สนใจกฎเกณฑ์ ใจกล้าเหิมเกริมมาโดยตลอดถูกอะไรทำให้ตกใจกันแน่ กระทั่งแผนการของวันนี้ล้วนจำต้องล้มเลิก แต่ไม่ทันรอให้เขาได้กระจ่าง จู่ๆ เบื้องหน้าก็ดำมืดไปหมด ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
“พาเด็กนี่ย้ายไปที่ข้างเตียง จากนั้นก็กรอกยาให้เขา” แม้ปากของอินหงหลันจะพูดไปเช่นนั้น แต่ก็ยังคงทำใจให้หญิงสาวทั้งสองเป็นฝ่ายลงมือไม่ได้ ตัวเองลงมือย้ายซั่งกวนอวี่ไข่ จัดให้อยู่ท่านั่งข้างเตียงเสร็จแล้ว ก็กรอกยาน้ำที่เตรียมไว้ดีแล้วลงไปอย่างสบายๆ จากนั้นแทงเข็มเข้าและถอนออกจากร่างของซั่งกวนอวี่ไข่ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนี้ อีกสักพักก็จะฟื้นขึ้นมา หลังจากฟื้นแล้วเจอหญิงสาวคนใดก็จะพุ่งเข้าไปแสดงความรักทันที พวกเราควรถอยออกไปกันได้แล้ว!”
“ข้ายังต้องรอคุณหนูอีก” ‘ชิงหยา’ หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “ข้ายังต้องวางยาให้ทั่วป๋าฉินซินอีก พวกเจ้าไปก่อนเถิด!”
“ข้าไปจัดการเด็กสาวคนนั้นก่อน ไม่อาจให้นางฟื้นขึ้นมากะทันหันทำให้เสียเรื่องได้!” อินหงหลันหมายถึงชิงหยาตัวจริง สาวใช้ที่ทั่วป๋าฉินซินไว้ใจที่สุด
“จากนั้นพวกเราต้องรีบแยกย้ายกันไป!” ‘ชิงหยา’ พยักหน้า ทั้งสามคนหมุนกายออกจากห้อง ด้านซั่งกวนอวี่ไข่ก็ยังคงนั่งอยู่ข้างเตียงอย่างทึมทื่อ ไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมาแม้แต่น้อย
ทั่วป๋าฉินซินเดินเข้ามาในเรือนก็เห็น ‘ชิงหยา’ ที่ถลาเข้ามาหาทันที เผยรอยยิ้มหวานต้อนรับทั้งสองคนเข้าไปด้านใน จากนั้นก็ยกข้าวต้มรังนกมาสองถ้วย “นี่เป็นของที่คุณหนูของเราตั้งใจเตรียมให้คุณชายใหญ่เป็นพิเศษ ขอคุณชายใหญ่ชิมฝีมือของคุณหนูเราด้วยเจ้าค่ะ!” แน่นอนว่าถ้วยตรงหน้าทั่วป๋าฉินซินได้ใส่ยาลงไป ดังนั้น คนหนึ่งขมขื่น อีกคนหนึ่งสุขสมอุรากินข้าวต้มรังนกนั้นลงท้องลงไป…แน่นอนว่า ทั่วป๋าฉินซินกินเสร็จเร็วกว่าอยู่บ้าง
“คุณหนู ท่านเข้าไปเตรียมตัวก่อนเถิด อีกเดี๋ยวข้าจะพาคนเข้าไปส่งให้ท่านทันทีเจ้าค่ะ” ‘ชิงหยา’ กระซิบข้างหูของทั่วป๋าฉินซินเสียงเบา ทั่วป๋าฉินซินไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงเวียนหัวอยู่บ้าง (ยานั้นออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว) ก็พยักหน้า ‘ชิงหยา’ ลอบมอง ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ ที่ราวกับกินข้าวต้มถ้วยเล็กๆ นั้นอย่างไรก็ไม่หมดเสียทีไปครั้งหนึ่ง ได้แต่ลอบยิ้มในใจ พยุงทั่วป๋าฉินซินที่สติยิ่งล่องลอยไปเรื่อยๆ เข้าไปในห้องนอน และเวลานี้ซั่งกวนอวี่ไข่ที่พอจะเคลื่อนไหวได้แล้วก็ราวกับเห็นเทพธิดาที่เขาวาดฝันไว้คนนั้นเดินเข้ามาหา เขาพุ่งเข้าไปหาอย่างทุลักทุเลอยู่บ้าง รับคนผู้นั้นเข้าสู่อ้อมกอด แต่ ‘ชิงหยา’ ฉวยจังหวะออกแรงผลักเล็ก น้อย ทั้งสองคนที่กอดกันกลมก็ถูกผลักลงไปบนเตียงจนเกิดเสียงดังขึ้น นางตกใจไปเล็กน้อย ก่อนจะผลักหน้าต่าง กระโดดหลบหนีออกไปด้วยความรวดเร็วทันที…
‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ ได้ยินเสียงดัง แม้จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่กลับกระจ่างใจว่าตัวเองไม่อาจชักช้ากว่านี้ได้อีก ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกินข้าวต้มรังนกนั้นหมดรวดเดียวอย่างยอมรับชะตากรรม แม้จะแปลกใจว่าเหตุใดจึงไม่รู้สึกร้อนรุ่ม แต่ก็ยังคงใช้ท่วงท่าราวกับจะเดินขึ้นลานประหารเข้าไปในห้องนอน กลับพบว่าบนเตียงกำลังกอดรัดเกี่ยวพันกันอยู่ คนสองคนที่ได้เปลือยกายไปแล้วครึ่งหนึ่ง…
คาดไม่ถึงว่าหญิงสาวน่าขยะแขยงคนนี้ จะเล่นสนุกกับสาวใช้ของตัวเองเองก่อน! ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ คิดว่าสองคนบนเตียง คนหนึ่งคือทั่วป๋าฉินซิน ส่วนอีกคนคือสาวใช้ตัวน้อยคนนั้นของนาง แต่เมื่อมาดูอีกที ไม่ถูก นั่นเป็นผู้ชาย อีกทั้งยังคุ้นตายิ่งนัก ขยี้ตาดูอีกครั้ง ก็พบว่าเป็นผู้ชายจริงๆ ทั้งยังเป็นคุณชายอวี่ไข่ที่ทำให้คุณชายใหญ่หงุดหงิดใจคนนั้น ใช่แล้ว พวกเขาทั้งสองจึงจะนับเป็นคู่ที่เหมาะสมที่สุด!
‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ หมุนกายจะเดินออกไปราวกับยกภูเขาออกจากอกได้ คิดไปคิดมา รู้สึกว่าจำเป็นที่ต้องทิ้งสิ่งของอะไรบางอย่างไว้ด้วย เขาใช้มือจับที่ใบหน้าเบาๆ ดึงหน้ากากผิวคนแผ่นนั้นออกมา ก่อนจะทิ้งไว้ด้านล่างเตียงอย่างชำนาญ คล้อยหลังก็กระโดดออกจากหน้าต่างที่เปิดกว้างไว้ เขาควรจะไปรายงานผลภารกิจกับใครบางคนได้แล้ว…
————————