เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 215 ความขัดแย้งภายใน
“เจ้าจะบอกว่าในยามนี้พวกเขารอให้ข้าเกิดโทสะ จากนั้นก็จะใช้เหตุผลนี้ส่งข้ากลับไปวัดประจำตระกูลอย่างนั้นหรือ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยคาดไม่ถึงว่าอนุภรรยาหนิงจะทราบข่าวนี้มาจากทางพิงถิง ทั้งยิ่งนึกไม่ถึงว่าในตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นจะมีตำแหน่งเช่นนี้ในตระกูลซั่งกวน
“พิงถิงกลับไม่ได้พูดเช่นนั้น นางกล่าวว่ามักจะได้ยินพวกนางพูดว่าบ้านหลังนี้อย่างไรเงียบสงบเสียหน่อยก็ย่อมดีกว่า กล่าวว่าวันที่ไม่มีพวกเรานั้นสงบสุขยิ่งนัก” พิงถิงกลับไม่กล้าพูดเช่นนั้นออกมาอย่างโจ่งแจ้งจนเกินไป หากจู่ๆ ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเกิดบ้าคลั่งไปเอะอะโวยวายต่อหน้าซั่งกวนฮ่าวก็ย่อมไม่ดีแล้ว เพียงแต่คำพูดนี้ก็เผยให้เห็นว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อนั้นรอคอยให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเปิดฉากสร้างความวุ่นวาย และอีกนัยหนึ่งก็กล่าวว่าในยามนี้ตระกูลซั่งกวนล้วนแต่ให้ความสำคัญกับเด็กที่ยังไม่เกิดมากที่สุด เพื่อให้ลูกได้ถือกำเนิดในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเงียบสงบ ไม่ว่าอะไรพวกซั่งกวนฮ่าวก็ทำทั้งนั้น ทำให้อนุภรรยา
หนิงหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ครั้งนี้ไม่ใช่นางอยากจะสร้างปัญหาให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์แล้ว แต่กังวลว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะนำปัญหามาให้นางมากกว่า
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเข่นเขี้ยวพ่นคำพูดออกมา “ฮ่าวเอ๋อร์ลูกเนรคุณคนนี้ หากเหล่าผู้อาวุโสจะจัดการพวกเราจริงๆ เขาจะขอความเมตตาต่อเหล่าผู้อาวุโสเพื่อข้าไม่ได้เชียวหรือ ครั้งก่อนไฉนจึงได้บังเอิญขนาดนั้น พวกเขาเพิ่งจะออกจากประตู ซั่งกวนอี้ซั่งกวนเอ่อร์ เจ้าพวกโง่สองคนนั้นก็มาถึงหน้าประตูทันที เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกเขาที่ร่วมมือกันทำเรื่องนี้ ลูกไม่รักดีคนนั้นไม่อยู่ที่บ้าน ข้าก็ทำได้เพียงถูกส่งออกไปเท่านั้น! หนิงซิน พิงถิงเด็กคนนี้ ความคิดความอ่านก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ข้าว่าในยามนี้นางคงไม่กล้าไปมาหาสู่อะไรกับพวกเราแล้ว ให้คนจับจุดอ่อนของนาง อาศัยนางนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว อวี่ไข่ล่ะ? เหตุใดยังไม่เข้ามาน้อมทักทายอีก?”
“ข้าถามไปแล้ว นายท่านได้เตรียมแยกเรือนให้อวี่ไข่ออกไปอยู่ ช่วงนี้พวกเขาทั้งสองล้วนอยู่ที่บ้าน ที่ดินที่นาทั้งกิจการร้านค้าของตัวเอง อยากจะให้ตัวเองได้คุ้นชินกับทรัพย์สินกิจการโดยเร็วที่สุด” อนุภรรยาหนิงก็รู้เรื่องพวกนี้จากปากพิงถิงเช่น กัน เห็นทั่วป๋าซู่เยวี่ยมีสีหน้าไม่ยินดีเท่าไร ก็กล่าวทันที “ข้าได้กำชับให้สาวใช้ที่ดูแลในเรือนของเขาแล้ว พอเขากลับมาก็จะเข้ามาน้อมทักทายท่านทันที!”
“ฮ่าวเอ๋อร์เตรียมเรือนแบบไหนให้พวกเขากัน? ที่ดินและร้านค้าคือที่ใด เจ้าได้ถามชัดเจนหรือไม่?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยคาดไม่ถึงว่าในยามที่ตัวเองไม่อยู่ก็ได้แบ่งสิ่งของพวกนี้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ แผนที่ตัวเองคิดจะแย่งชิงทรัพย์สินสิ่งของให้อวี่ไข่มากหน่อยก็สลายหายไปกับตาแล้ว ช่างน่าโมโหเสียจริง!
“เรื่องนี้มีเพียงนายท่านและอวี่ไข่ที่รู้ชัดเจนมากที่สุด พวกคนรับใช้ล้วนรู้กันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พิงถิงก็ไม่รู้อะไรมากเช่นกัน เพียงแต่กล่าวว่าปลายเดือนที่แล้ว นายท่านเรียกอวี่ไข่และอวี่ฮ่าวไปที่ห้องหนังสือ หลังจากนั้นก็พูดว่าแบ่งทรัพย์สินให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว ให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะจัดการ อย่าได้เอาแต่นั่งกินนอนกิน!” อนุภรรยาหนิงมองสีหน้าของทั่วป๋าซู่เยวี่ย ในใจก็เป็นกังวลเช่นกัน หากอวี่ไข่ได้ทรัพย์สินน้อยเกินไปจะทำอย่างไร? ตัวเองทำได้เพียงพึ่งพาลูกชายคนนี้ในยามแก่เฒ่าเท่านั้น
“เหตุใดอวี่ไข่จึงได้โง่ถึงขนาดนี้ เขาจะรอให้ข้ากลับมาตัดสินใจให้เขาไม่ได้เลยหรือ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยด่ากราดออกมาอย่างโมโห อนุภรรยาหนิงก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร ให้ท่านกลับมาตัดสินใจอย่างนั้นหรือ ในยามที่อยู่วัดประจำตระกูลไม่ใช่คิดว่าจะกลับมาไม่ได้แล้วหรอกหรือ?
“ฮูหยินใหญ่ ท่านดื่มชาคลายโทสะเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!” แม่นมหนิงยกชาให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างระมัดระวัง ในยามที่รอนางรับก็กล่าวยิ้มๆ “อวี่ไข่ไม่ใช่คนประเภทที่มองข้ามหัวผู้หลักผู้ใหญ่หรอกเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร เขาก็ย่อมถามความประสงค์ของท่านก่อน ให้ท่านช่วยตัดสินใจ แต่ว่านายท่านได้กล่าวออกมาแล้ว หากเขาไม่เลือก นั่นย่อมเป็นการไม่เคารพผู้อาวุโส ไม่มีท่านอยู่ข้างกาย เขาไหนเลยจะกล้าไม่เชื่อฟังคำพูดของนายท่านได้ล่ะเจ้าคะ? ก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งของนายท่านเท่านั้น ในบ้านหลังนี้ ท่านก็คือบุคคลสำคัญของพวกเราทั้งหมด หากไม่มีท่าน นั่นก็เหมือนกับลูกที่ไม่มีแม่ ข้าคิดว่าหาก อวี่ไข่รู้ว่าท่านกลับมา คงจะรีบกลับมาให้ท่านช่วยตัดสินใจเป็นแน่!”
คำพูดของแม่นมหนิงทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยคลายความโกรธได้อยู่บ้าง พยักหน้ากล่าว “นั่นก็ถูก อวี่ไข่ เด็กคนนี้เรื่องอื่นไม่ว่า แต่ความกตัญญูนั้นมีเป็นอันดับแรก ข้อนี้ข้าเชื่อมั่น!”
แม่นมหนิงส่งสายตาให้อนุภรรยาหนิงก่อนกล่าว “นายท่านจัดการแบ่งทรัพย์สินให้คุณชายอวี่ไข่เหมาะสมหรือไม่ ยัง คงต้องการให้ท่านดูอยู่บ้าง…แต่บ่าวคิดว่า นายท่านย่อมคำนึงถึงเรื่องการแต่งงานของคุณหนูลูกผู้น้องและอวี่ไข่ แม้ว่าจะไม่หรูหรามากแต่ก็ไม่อาจดูธรรมดาแน่ ท่านก็พักผ่อนให้สบายใจสักพักเถิดเจ้าค่ะ รออวี่ไข่กลับมา ค่อยๆ ถามเขาก็พอแล้ว!”
“ก็ดี แม่นมอี้ เจ้าพยุงข้าเข้าไปพักผ่อนหน่อยเถิด!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้า หลายวันมานี้ถามว่าเตียงนอนที่วัดประจำตระกูลเป็นอย่างไรกัน ก็คงต้องตอบว่าแข็งจนแทบนอนไม่ได้ ทั้งไม่มีกลิ่นหอมที่นางเคยชิน นางไม่เคยได้นอนข้ามคืนอย่างดีๆ สักครั้ง กลับมาแล้ว ก็ควรนอนให้สบายๆ เสียหน่อย
มองทั่วป๋าซู่เยวี่ยจากไป อนุภรรยาหนิงก็ไม่แน่ใจอยู่บ้างว่านางมีจุดประสงค์อันใด ช้อนตามองแม่นมหนิง กลับเห็นนางส่งสายตาเป็นนัยให้ จากนั้นก็พานางมาพูดคุยที่ห้องของตัวเอง
“ช่วงนี้ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ทางด้านพิงถิงก็ไปมาหาสู่กันให้น้อยหน่อยจะดีที่สุด!” อนุภรรยาหนิงขมวดคิ้ว “ฮูหยินใหญ่คิดว่าพิงถิงคงจะคอยประจบประแจงฮูหยินและสะใภ้ใหญ่ ดังนั้นจึงให้ฮูหยินรับเป็นลูกในนาม ได้ส่งคนไปสืบข่าวความเคลื่อนไหวของพิงถิงช่วงเวลาที่พวกเราไม่อยู่บ้านแล้ว”
“หา?” อนุภรรยาหนิงตกใจ แม้จะกล่าวว่านางก็สงสัยพิงถิงอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรตัวเองก็เป็นผู้ให้กำเนิด หากทั่วป๋าซู่เยวี่ยจะลงมือ ก็เป็นไปได้ว่า…นี่จะทำอย่างไรดี?
“เจ้านั้นไม่ต้องกังวลความปลอดภัยของพิงถิง อย่างไรฮูหยินใหญ่ก็เพิ่งกลับมาจากวัดปะจำตระกูล ในใจย่อมกลัวนายท่านจะดึงผู้อาวุโสออกมาอีกครั้ง แต่ทางที่ดีเจ้าบอกกล่าวกับพิงถิงเสียหน่อย อย่าได้เข้ามาเที่ยวเล่นตามใจที่เรือนหลัง นิสัยของฮูหยินใหญ่เจ้าก็รู้ดี จู่ๆ อารมณ์ไม่ดี สั่งให้คนโบยชุดใหญ่ก็เป็นเรื่องปกติ!” ในช่วงเวลาที่อยู่ในวัดประจำตระกูล แม่นมหนิงนั้นแก่ตัวทรุดโทรมลงมาก ชีวิตประจำวันที่ยากจะผ่านพ้นไปเป็นวันๆ นั้นคือเรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ทั่วป๋าซู่เยวี่ย ที่อยู่ในอารมณ์ไม่ดี อะไรนิดอะไรหน่อยก็ระบายโทสะผ่านคนรอบกาย
“อื้ม!” อนุภรรยาหนิงพยักหน้า
“เจ้าส่งคนไปรอที่หน้าประตู อวี่ไข่กลับมาก็ให้เขาเข้ามาพบฮูหยินใหญ่ทันที” แม่นมหนิงกล่าวกำชับ “แม่นมอี้นั้นภักดีต่อตระกูลทั่วป๋ามาโดยตลอด ช่วงนี้นางพูดสาดเทเสียหายเรื่องของอวี่ไข่ต่อหน้าฮูหยินใหญ่ไม่น้อย อย่างไรข้าต้องกลับเข้าไปรับใช้เร็วหน่อย ไม่อาจให้นางทำเรื่องให้เลวร้ายไปกว่าเดิม!”
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าก็จะไปเดี๋ยวนี้!” อนุภรรยาหนิงพยักหน้า ในใจเคียดแค้นแม่นมอี้เป็นอย่างมาก แต่ก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรนางได้ มีเพียงแต่ต้องระมัดระวังจับตาดูให้มากหน่อยเท่านั้น แม่นมหนิงเห็นอนุภรรยาหนิงจากไป ก็ไล่ตามไปที่ห้องนอนของทั่วป๋าซู่เยวี่ยทันที เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงแม่นมอี้กล่าวปลอบประโลมอยู่ด้านใน “คุณหนูก็เป็นเช่นนี้ เติบโตขึ้นแล้วความคิดก็โตตามไปด้วย ยามนี้คงคิดอยากให้ฮูหยิน สะใภ้ใหญ่ หาคู่ครองดีๆ ให้สักคน ไหนเลยจะจำได้ว่าท่านเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่มาได้อย่างไร ท่านก็คิดให้ดีเถิดนะเจ้าคะ”
นังสมควรตายคนนี้นี่! แม่นมหนิงรู้ดี นางย่อมพูดใส่ร้ายพิงถิงอยู่ด้านใน
“ตั้งแต่เล็กพิงถิงก็เป็นเด็กที่มีไหวพริบ จะคิดเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติ” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกล่าวอย่างเรียบเย็น หากพูดว่าไม่โกรธก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่มาคิดๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นตัวเองที่เตือนให้พิงถิงผูกสัมพันธ์กับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อก่อน จึงไม่มีเหตุผลที่จะตั้งคำถามหรือถามถึงจุดยืน
“แล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ข้านั้นสงสัยว่า คนอาจจะลอบไปมาหาสู่กับสะใภ้ใหญ่ตั้งนานแล้วก็เป็นได้” แม่นมอี้เปิดกล่องให้กับทั่วป๋าซู่เยวี่ย “ฮูหยินใหญ่น่าจะจำได้ เวลานั้นคุณหนูพิงถิงคัดค้านไม่ให้ท่านฆ่าผู้หญิงที่สมควรตายคนนั้น หากยามนั้นไม่มีคำพูดของนาง หลุมศพของผู้หญิงคนนั้นก็คงจะมีหญ้าขึ้นเต็มไปหมดแล้วเจ้าค่ะ ไหนเลยจะมีเรื่องราวมากมายในภายหลังถึงเพียงนี้! แม้นางจะเป็นที่โปรดปรานมากเพียงใดก็เป็นเพียงคนตาย ใครจะมาคิดวางแผนให้คนตายมากมายขนาดนั้น? ท่านว่าใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกัดฟันไม่พูดอันใด นางก็เคยเสียใจอยู่เช่นกัน คิดว่าหากตัวเองไม่กังวลนั่นกังวลนี่มากไป เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็คงจะตายไปแล้ว ไม่อาจเกิดเรื่องลอบโจมตีที่เรือนสดับวายุ ทั้งไม่อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันติดต่อกันภายหลังเช่นนี้ ไม่แน่ว่าฉินซินก็อาจจะได้เป็นคู่หมั้นกับเจวี๋ยเอ๋อร์แล้วเช่นกัน แต่ว่าหากจะเอาเรื่องทั้งหมดไปไว้ที่พิงถิงคนเดียวก็คงจะเกินไปอยู่บ้าง ในยามนั้นนางก็คิดเพื่อตัวเอง
“แน่นอนว่า ยามนี้จะพูดอะไรก็สายไปแล้วเจ้าค่ะ!” แม่นมอี้ก็เป็นคนที่รู้ความคิดความอ่านของทั่วป๋าซู่เยวี่ยดี ถอนหายใจกล่าว “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฮูหยินใหญ่ ท่านไม่อาจจะเอาดีทั้งสองทางได้เลย ตระกูลซั่งกวนโกรธที่ท่านมากเรื่อง คิดว่าไม่ว่าจะอะไรนางก็ล้วนทำเพื่อตระกูลทั่วป๋า สร้างเรื่องจนครอบครัวไม่สงบสุข ครั้งนี้ผู้อาวุโสส่งท่านไปวัดประจำตระกูลก็ไม่ใช่เพราะเหตุนี้หรอกหรือ? ตระกูลทั่วป๋าเล่า ก็จะพูดว่าท่านไม่ได้เรื่อง ไม่ได้คิดเพื่อตระกูลทั่วป๋าเลย”
“ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกล่าวอย่างเย็นเยียบ นางรู้ว่าแม่นมอี้กำลังพูดเพื่อทั่วป๋าฉินซิน แต่ทุกถ้อยคำล้วนพูดแทงใจนาง หากพูดว่าไม่สนใจก็คงเป็นไปไม่ได้
“เจ้าค่ะ!” สิ่งที่แม่นมอี้ต้องการทำก็แค่ค่อยๆ พูดให้ร้ายพิงถิงเท่านั้น ทั่วป๋าซู่เยวี่ยยังไม่ได้ทราบข่าวอะไร แต่นางกลับรู้ว่าพิงถิงนั้นได้มีตัวตนต่อหน้าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อแล้ว คำพูดของนาง ฮูหยินยังคงรับฟังอยู่บ้าง พวกคนใช้ก็มักเห็นนางเข้าออกเรือนมีคู่ ทั้งยังออกไปเดินเล่นกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์บ่อยๆ หากไม่มีลับลมคมในอะไรกันก็นับว่าแปลกแล้ว
แม่นมหนิงรีบถอยออกมาอย่างว่องไว จากนั้นก็แสร้งค่อยๆ เดินมาอย่างไม่รู้เรื่องอันใด ในยามที่ถึงหน้าห้อง เมื่อพบกับแม่นมอี้ที่แววตามีความสุขอยู่บ้าง ก็เผยใบหน้าประดับรอยยิ้ม กล่าวถาม “ฮูหยินใหญ่หลับไปแล้วหรือ?”
“ฮูหยินใหญ่นั้นเหนื่อย เอนกายสักพักก็หลับไปแล้ว!” แม่นมอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ชีวิตที่วัดประจำตระกูลนั้นลำบากแสนเข็ญ ชั่วชีวิตนี้ของฮูหยินใหญ่คุ้นชินกับความสบายมาตลอด เคยได้รับโทษอย่างนี้ที่ไหนกัน พอกลับมาก็จิตใจสงบ ทั้งนอนได้อย่างสบายแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดี!” แม่นมหนิงกล่าวยิ้มๆ “ข้าจะไปดูในครัว ให้พวกเขาเตรียมอาหารที่ฮูหยินใหญ่โปรดปรานที่สุดเสียหน่อย ช่วงนี้ฮูหยินใหญ่ผ่ายผอมไปไม่น้อย มองแล้วล้วนทำให้คนรู้สึกปวดใจ!”
“ก็ใช่! แต่ว่าเรื่องพวกนี้ให้พวกสาวใช้ไปทำก็พอแล้ว อย่างไรเจ้าไปหาคุณหนูพิงถิง ดูว่าช่วงนี้นางทำอะไรไปบ้างจะดีกว่า ข้าว่านางแตกต่างจากเดิมไปมาก!” แม่นมอี้พูดสองแง่สองง่าม “ต้องเตือนนางว่าใครรักและเอ็นดูนางที่สุด ทั้งใครคิดอยากให้นางมีฐานะที่ดีมาโดยตลอด คนๆ นี้ ไม่อาจจะอกตัญญูได้เชียว!”
“ใช่แล้ว!” แม่นมหนิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ไม่อาจจะเหมือนคนที่อกตัญญูบางคนได้ เอาแต่ทำให้ฮูหยินใหญ่โกรธจนเป็นลมครั้งแล้วครั้งเล่า!”
“แม่นมหนิงหมายความว่าอย่างไร?” แม่นมอี้กล่าวถามด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเล็กน้อย
“ไม่ได้หมายความว่าอะไร แค่พูดออกไปลอยๆ เท่านั้น!” แม่นมหนิงคลี่ยิ้มราบเรียบ “ข้ามปีใหม่แล้วก็ควรตระเตรียมของขวัญแต่งงานให้คุณชายอวี่ไข่ ไม่รู้ว่าบ้านที่คุณชายอวี่ไข่ได้มาหลังใหญ่หรือไม่ ถึงเวลานั้นข้าคงต้องขอเมตตาจากฮูหยินใหญ่ ให้ข้าเข้าไปดูดีๆ เสียหน่อย คุณชายอวี่ไข่เป็นคนที่กตัญญูคนหนึ่ง ปฏิบัติตัวดีต่อฮูหยินใหญ่ ทั้งดีต่อคนแก่ที่รับใช้ข้างกายของฮูหยินใหญ่เช่นกัน ถึงเวลานั้น แม่นมอี้ก็เข้าไปดูด้วยกันเถิด”
“ได้สิ!” แม่นมอี้ฝืนหัวเราะออกมา “ข้าต้องไปดูว่าเสื้อผ้าของฮูหยินใหญ่จัดเก็บเรียบร้อยแล้วหรือยัง ไม่พูดมากกับแม่นมหนิงแล้ว เจ้าไปทำเรื่องของเจ้าเถิด!”
นังแก่รนหาที่ตายนี่! แม่นมหนิงถลึงตามองแผ่นหลังนาง ย่อมต้องระวังนังกายลอบกัดคนนี้! นางกวักมือ สาวใช้อายุน้อยคนหนึ่งก็เข้ามาหาทันที แม่นมหนิงออกคำสั่งชุดใหญ่ สาวใช้คนนั้นพยักหน้า ก่อนจะไปทำตามทันที…