เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 263 คุณหนูสุรา
“คุณชายใหญ่ มีคุณหนูคนหนึ่งกล่าวว่าเป็นสหายเก่าของท่าน มาขอพบท่านอยู่ด้านนอกขอรับ!” ผู้ที่เข้ามารายงานซั่งกวนเจวี๋ยคือบ่าวที่เฝ้าประตูของเรือนพำนัก ใบหน้าของเขายังตกตะลึงทั้งยังแปลกประหลาดอย่างพูดไม่ถูกอยู่บ้าง
“สหายเก่าของข้า?” ซั่งกวนเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขามีสหายเก่าอะไรมาหาถึงหน้าบ้านด้วยหรือ?
“เอ่อ…” บ่าวเฝ้าประตูเหลือบมองซั่งกวนเจวี๋ยไปที “บ่าวเห็นว่านางแต่งกายเหมือนคุณหนูโม่ที่จากไปเมื่อสามวันก่อนอย่างไม่ผิดเพี้ยน ส่วนสูงก็ไล่เลี่ยกัน แถมยังสวมหน้ากากผีเสื้อที่ประณีตงดงามอันนั้นด้วยขอรับ แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วกลับไม่เหมือนกับคุณหนูโม่!”
ย่อมไม่ใช่มี่เอ๋อร์! ซั่งกวนเจวี๋ยมั่นใจว่ามี่เอ๋อร์ในยามนี้คงกลับไปแล้ว มี่เอ๋อร์และอินหงหลัน พวกเขากลับลี่โจวไปแล้ว เมื่อวานอินหงหลันให้คนส่งจดหมายมาหนึ่งฉบับ กล่าวเป็นนัยว่ามี่เอ๋อร์นั้นอยู่ที่อารามสัตตบุษย์แล้ว หากเขากลับไปก็ไปรับนางกลับบ้านได้ ส่วนพวกเขาสองสามีภรรยาจะล่วงหน้าไปที่โยวโจว ปรึกษาหารือเรื่องเตรียมฝังศพให้อวี๋ฮวนกับมู่หรงฉวีกุยก่อน…ที่แนบมาด้วยยังมีจดหมายจากซั่งกวนจิ่น กล่าวว่ามู่หรงปั๋วอวี่ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงมาเป็นแขกที่ตระกูลซั่งกวน พักอยู่ที่เรือนใต้ไม่ยอมไปไหน ซั่งกวนเจวี๋ยและซั่งกวนฮ่าวต่างก็พากันขมวดคิ้ว รู้สึกว่าคนผู้นี้นับวันก็ยิ่งไม่ได้เรื่องขึ้นเรื่อยๆ แล้วคนผู้นี้เล่า เป็นใครกันอีก? สวมหน้ากากผีเสื้อเหมือนกัน ทั้งยังอ้างว่าตัวเองเป็นสหายเก่า? แปลกประหลาดเสียจริง!
“ข้าจะไปดู!” ซั่งกวนเจวี๋ยอยากจะรู้อย่างมากว่าคนผู้นี้มาเพื่อจุดประสงค์อันใดกันแน่ จึงบอกเป็นนัยให้บ่าวเฝ้าประตูนำทางไปทันที เมื่อถึงหน้าประตู ผู้ที่ปรากฏในครรลองสายตากลับเป็นหญิงสาวแรกรุ่นคนหนึ่งที่แต่งกายเป็นคุณหนูสุรา
“ในที่สุดเจ้าก็มา!” หญิงสาวคนนั้นเมื่อเห็นซั่งกวนเจวี๋ยก็แฝงความไม่พอใจอยู่บ้าง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ประตูของตระกูลใหญ่ช่างเข้ายากเสียจริง ข้าพูดไปแล้วว่าข้าและเจ้าเป็นสหายกันก็ยังชักช้าโอ้เอ้อยู่เป็นค่อนวัน หรือกังวลว่าข้าจะอ้างชื่อเจ้ามาหยิบยืมเงินทองกัน?”
น้ำเสียงคล้ายคลึงกับ ‘คุณหนูสุรา’ ถึงแปดส่วน หากไม่ใช่ว่าซั่งกวนเจวี๋ยได้คลางแคลงใจไปแล้ว ก็อาจจะถูกหลอกไปแล้วเช่นกัน ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน? เหตุใดจึงแต่งกายเช่นนี้?
“อะไรกัน? หรือเจ้าจำข้าไม่ได้แล้ว?” ในใจของหญิงสาวกระวนกระวายเล็กน้อย การแต่งกายเช่นนี้ของนางได้หลอกลวงคุณชายใหญ่ตระกูลฉีผู้นั้นสำเร็จมาแล้ว ไม่ควรจะเกิดปัญหาสิ!
“ย่อมไม่ใช่ เพียงแต่แปลกใจเท่านั้น!” ซั่งกวนเจวี๋ยมั่นใจกว่าสิบส่วน หญิงสาวตรงหน้าย่อมเป็นตัวปลอม เพียงแต่นางสวมรอยคุณหนูสุราไปเพื่ออะไร?
“ที่จริงข้าก็ไม่อยากมา เพียงแต่เข้ามาดูงานประลองยุทธ์เท่านั้น แต่จู่ๆ ก็นึกถึงเจ้าขึ้นมา ดังนั้นจึงเข้ามาหา!” หญิงสาวค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย ดูท่าคุณชายใหญ่ตระกูลซั่งกวนผู้นี้ก็ไม่ได้ฉลาดมากมายถึงเพียงนั้น ถูกการแปลงกายของนางตบตาเช่นกัน
“ข้ายังคิดว่าหลังจากเจ้าและลุงอินออกไปแล้ว ก็จะไม่ย้อนกลับมาแล้วเสียอีก!” ซั่งกวนเจวี๋ยตัดสินใจที่จะมอบโอกาสระบายโทสะให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อ หากเป็นมี่เอ๋อร์เขาทนไม่ได้ แต่แขกที่มีจุดประสงค์ไม่ชัดเจนทั้งปลอมเป็นคุณหนูสุราเบื้องหน้านี้กลับดูเหมือนจะเป็นกระโถนระบายอารมณ์ชั้นดี ดังนั้นเขาจึงตักเตือนหญิงสาวตรงหน้าเป็นนัย หากนางฉลาดพอและใจกล้าก็ควรจะถือโอกาสพายเรือตามน้ำจึงจะถูก
“หา?” หญิงสาวชะงักไป ไม่ใช่กล่าวว่าคุณหนูสุราผู้นั้นไม่อาจปรากฏกายได้หรอกหรือ? เหตุใดจึงมีความสัมพันธ์กับลุงอินอะไรนั่น เช่นนั้นตัวเองจะถูกคนสกุลอินผู้นั้นเปิดเผยฐานะหรือไม่? อิน? คงจะไม่ใช่หมอเทวดา อินหงหลันหรอกกระมัง นั่นเป็นบุคคลที่เล่าขานกันว่าสังหารคนได้อย่างเลือดเย็นเชียวนะ!
“แน่นอนว่านั่นก็เป็นเพียงความคิดของข้าเท่านั้น! แม้ว่าอาจารย์ของเจ้าและลุงอินจะเคยรู้จักกันมาก่อน แต่เจ้าและลุงอินกลับเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ไม่ได้ออกไปด้วยกันก็เป็นเรื่องปกติ!” ซั่งกวนเจวี๋ยดึงคำถามของตัวเองกลับมา มองดวงอาทิตย์ที่แผดเผาอยู่ด้านบน ก่อนจะกล่าวยิ้มๆ “อากาศยังคงร้อนมาก ไม่ทราบว่าคุณหนูสุราจะยินดีให้เกียรติ พักผ่อนในเรือนพำนักของตระกูลซั่งกวนสักพักหรือไม่?”
จะไปดีหรือไม่? หญิงสาวลังเลอยู่บ้าง หากถูกคนของตระกูลซั่งกวนจับได้ว่าตนสวมรอย ตัวเองย่อมต้องรับผลกรรม ถึงกระทั่งไม่ตายดีก็เป็นไปได้ แต่ว่า…มองประตูบ้านที่แม้จะเป็นเรือนพำนักก็เผยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมา นึกไปถึงพี่สาวคนนั้นที่มีบ่าวใช้มากมายดุจมวลเมฆ ทั้งเปล่งประกายดูมีสง่าราศี ไม่สนแล้ว หากไม่เสี่ยงก็ย่อมไม่อาจร่ำรวยได้ นางตัดสินใจแล้วว่าจะสู้!
มองเห็นท่าทีที่คล้ายกับใจสั่นคลอนของหญิงสาว ซั่งกวนเจวี๋ยก็เผยยิ้มในใจ เชิญหญิงสาวเข้าไปในเรือนอย่างมีไมตรี ระหว่างทางก็พยายามเผยข้อมูลของคุณหนูสุราออกมาอย่างระมัดระวังและคลุมเครือ ทั้งยังทำเป็นฉลาดวิเคราะห์สาเหตุที่นางจากไป…ย่อมเป็นเพราะว่าต้องการล่อมู่หรงปั๋วอวี่ที่ตามติดราวกับเงาออกไป ดังนั้นจึงหาเหตุผลออกมาบังหน้า และ ‘คุณหนูสุรา’ ตัวปลอมคนนี้ เมื่อได้ฟังก็ยิ่งใจเบิกบาน ฐานะของคุณหนูสุราผู้นี้มีไว้เพื่อตัวเองจริงๆ ช่างสมบูรณ์แบบอะไรเยี่ยงนี้
บิดาและมารดาล่วงลับไปทั้งคู่ เป็นอาจารย์ที่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ และยามนี้อาจารย์ก็จากไปแล้ว คนที่เหลือก็มีเพียงอินหงหลัน สหายในยามที่อาจารย์มีชีวิตอยู่ และคนที่มีชื่อเสียงอย่างพวกซั่งกวนฮ่าว และในคนพวกนั้น ผู้ที่เคยพบ ‘นาง’ ก็มีเพียงสองสามีภรรยาซั่งกวนฮ่าวและสองสามีภรรยาอินหงหลันเท่านั้น ทั้งเพิ่งจะทำความรู้จักก็แยกจากกัน หากต้องการจะผ่านด่านก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด
แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยถอดหน้ากากมาก่อน ใครก็ล้วนไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากเป็นใบหน้าเช่นไร แต่ก็คิดว่า ไม่ว่านางจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ล้วนเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คน (จุดนี้นางก็รู้มาบ้างเช่นกัน) คุณชายหลายตระกูลต่างก็มีความรู้สึกดีต่อนาง รวมถึงซั่งกวนเจวี๋ยที่อยู่ตรงหน้า…นี่นางก็เพิ่งรู้มา อีกทั้งได้พิสูจน์มาจากคุณชายใหญ่ตระกูลฉีทางนั้น หลังจากแต่งกายเป็นเป็นคุณหนูสุรา นางก็สร้างโอกาสไปพบเจอกับฉีอวี่ฮ่าวอย่างบังเอิญ เขาก็เหมือนกับซั่งกวนเจวี๋ย ไม่ได้สงสัยอะไรก็ปักใจเชื่อตัวเอง คนผู้นั้นยังแสดงท่าทีชมชอบนางอย่างชัดเจน แต่ก็กล่าวอย่างอ้อมค้อมว่าตัวเองได้แต่งภรรยาที่มีชาติตระกูลดีแล้ว ไม่อาจให้ตำแหน่งภรรยาเอกได้ ทั้งเป็นเรื่องยากที่จะแต่งนางเป็นภรรยา แม้จะไม่ได้พูดว่ายินดีจะรับนางเป็นอนุ ทั้งเลี้ยงดูเอาใจไปชั่วชีวิต แต่ความหมายก็ไม่ได้ต่างไปจากนั้นนัก
แน่นอนว่า นางหวั่นไหว แต่ก็ยังคงปฏิเสธอย่างไม่ลังเล ใช้เหตุผลที่เหมาะสมมากล่าวปฏิเสธ…พวกเราเป็นเพื่อนกัน ทั้งเป็นได้แค่เพื่อน ไม่มีความรักฉันชู้สาว เห็นท่าทีผิดหวังเล็กน้อยของฉีอวี่ฮ่าว แต่กลับไม่มีแววตาแปลกใจ ในใจนางก็รู้สึกพอใจอย่างบอกไม่ถูก หากไม่ใช่เพราะนางมีเป้าหมายที่สูงกว่านี้ นางย่อมลดตัวให้กับฉีอวี่ฮ่าวแน่ สำหรับนาง สามารถเป็นอนุภรรยาของลูกภรรยาเอกคนโตตระกูลฉีได้ นั่นนับเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมแล้ว
และจากทางฉีอวี่ฮ่าว นางก็ได้หยั่งเชิงทราบข่าวมาเล็กน้อย เป็นข่าวเล็กน้อยที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง ดังนั้นนางจึงรีบตามมาที่ไหลหยางอย่างไม่สนใจอันใด คิดอยากจะมาพบรักกับซั่งกวนเจวี๋ย มู่หรงปั๋วอวี่หรือหวงฝู่หลินยวนที่นี่ พวกเขาล้วนแต่เป็นชายหนุ่มที่หญิงสาวจำนวนมากต่างใฝ่ฝัน!
คำพูดของซั่งกวนเจวี๋ยเริ่มแรกคล้ายกับสาดน้ำเย็นมาใส่นาง กังวลใจมากว่าตัวเองจะถูกจับได้ แต่ประโยคภายหลังกลับทำให้นางพบโอกาสไปต่อได้มากมาย ทำให้นางเข้าใจว่าการที่นางจะถูกมองออกมีความเป็นไปได้น้อยลงเรื่อยๆ…ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ว่าหยิ่งยโสหรือเป็นคนโง่คนหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะพูดกับซั่งกวนเจวี๋ยอย่างส่วนตัวว่าหลังจากนี้ไปตัวเองจะเร้นกาย ไม่ปรากฏตัวออกมาอยู่เบื้องหน้าผู้คนอีก แม้แต่เรื่องการฝังศพของอาจารย์ ตัวเองก็ยังฝากฝังให้คนอื่นทำ หากนางไม่ปรากฏตัวออกมา ตัวเองก็สามารถสวมรอยเป็นนางได้ชั่วชีวิต ได้รับการเสวยสุขทั้งหมดที่นางสามารถจะได้รับ อย่างเช่นได้กลายเป็นอนุภรรยาของคุณชายสูงศักดิ์ผู้นี้ ผู้ที่ใครๆ เอาแต่วาดฝันทว่าไม่อาจเข้าใกล้ตรงหน้านี้ หรืออย่างเช่น ทำให้คุณชายมู่หรงปั๋วอวี่ที่หลงใหลถึงขั้นรู้กันไปทั่วนั้นมาแต่งกับตัวเองเป็นภรรยารองอย่างไม่สนใจอันใด จากนั้นก็ถูกเอาอกเอาใจตลอดชีวิต ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง
ยามที่พา ‘คุณหนูสุรา’ เข้ามาที่ห้องรับแขก ซั่งกวนเจวี๋ยก็ได้เล่าเรื่องที่เป็นความลับอยู่บ้างของ ‘คุณหนูสุรา’ ให้หญิงสาวตรงหน้าฟัง เห็นหญิงสาวเผยแววตาที่ราวกับครุ่นคิดอะไรอยู่ ทั้งเหมือนคาดหวังว่ากำลังจะได้อะไรมานั้น เขาก็รู้ว่า ในใจของหญิงสาวคนนี้ย่อมมีแผนแล้ว และสิ่งที่ตัวเองต้องทำก็เพียงแค่กล่าวผสมโรงเท่านั้น นางก็จะใช้ฐานะของ ‘คุณหนูสุรา’ รั้งตัวไว้ไม่ไปไหน กระทั่งอาจจะตามพวกตนกลับลี่โจว หากหวงฝู่เยวี่ยเอ้อสามารถระบายโทสะทั้งหมดมาที่หญิงสาวตัวปลอมผู้นี้ ความแค้นในใจที่มีต่ออวี๋ฮวนก็จะลดน้อยลงอย่างถึงที่สุดกระมัง? ซั่งกวนเจวี๋ยคิดเช่นนี้ คล้อยหลังก็ตัดสินใจจะปรึกษาเรื่องแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้กับซั่งกวนฮ่าว
“คุณหนูสุราพักผ่อนก่อนเถิด!” ซั่งกวนเจวี๋ยมองหญิงสาวที่พอเห็นภายในห้องตกแต่งด้วยของสวยงามหรูหรา แววตาก็เป็นประกายขึ้นมา ในใจนั้นรู้สึกดูแคลนเป็นอย่างยิ่ง มี่เอ๋อร์ของเขาไม่ว่าจะยามใดก็ไม่อาจจะเผยกิริยาไม่งามที่ดูไม่มีความรู้เช่นนี้ได้หรอก ความฉลาดของหญิงสาวผู้นี้ทำได้เพียงกล่าวว่าธรรมดาเท่านั้น!
“ก็ดี!” หญิงสาว ไม่สิ คุณหนูสุราพยักหน้าอย่างหยิ่งผยอง ไม่ได้รอให้นางได้พูดอะไรอีก ซั่งกวนเจวี๋ยก็ให้พวกสาวใช้เข้าไปปรนนิบัติรับใช้ ก่อนตัวเองจะกล่าวลาอย่างเกรงใจ แน่นอนว่ายามที่เขาออกมาก็ไม่ลืมให้คนจับตาดูหญิงสาวคนนั้นไว้…ไม่ว่าจุดประสงค์ของนางคืออะไรล้วนไม่อาจผ่อนปรน หากให้นางฉวยโอกาสทำอะไร คืนนี้ตระกูลซั่งกวนย่อมต้องเสียหน้าเป็นแน่
หลังจากออกจากห้องรับแขก ซั่งกวนเจวี๋ยก็ไปที่พักของสองสามีภรรยาซั่งกวนฮ่าวทันที รออยู่ค่อนวัน จึงค่อยพบกับซั่งกวนฮ่าวที่กลับมาหลังจากพาหวงฝู่เยวี่ยเอ้อไปเที่ยวเล่น ตั้งแต่พวกอินหงหลันจากไป ซั่งกวนฮ่าวก็ทุ่มสุดความสามารถเพื่อปลอบใจหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ ทั้งถือโอกาสยามที่นางไม่ได้โกรธมากมายและยังคงประคองสติได้อยู่ จัดการแก้ไขเรื่องราวในปีนั้น ทำให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่แม้ว่าจะโมโหเรื่องไม่กี่วันนั้น แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิดถึงขนาดนั้นแล้ว ท่าทีจึงสงบลงมามาก แต่ปฏิกิริยาต่ออวี๋ฮวนและคุณหนูสุรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ซั่งกวนเจวี๋ยและซั่งกวนฮ่าวล้วนกระจ่างใจดี ท่าทีสงบของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น หากคุณหนูสุราไม่ปรากฏออกมาชั่วชีวิต ทั้งไม่มีเรื่องที่ฝังศพอวี๋ฮวน หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็อาจจะรักษาสภาวะเช่นนี้ได้อยู่ แต่สองเรื่องนั้นล้วนมีความเป็นไปได้ว่าจะทำให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพลิกกลับตาลปัตรและระเบิดโทสะออกมา
“จิ้งเอ๋อร์กลับมา?” ซั่งกวนฮ่าวขมวดคิ้ว เขารู้สึกถึงความแปลกประหลาดของเรื่องนี้ขึ้นมาโดยทันที อวี๋ฮวนเป็นคนที่หยิ่งยโสถึงเพียงนั้น ไฉนศิษย์ของนางพูดถึงขนาดนั้นแล้ว ทั้งหลังจากเป็นฝ่ายเลือกจากไปก่อนกลับยังย้อนกลับมาอีกครั้ง? นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจเป็นไปได้!
“ใช่แล้ว!” ซั่งกวนเจวี๋ยผงกศีรษะทั้งเผยยิ้ม “เพียงแต่คุณหนูโม่คนนี้ไม่เหมือนกับคนเมื่อหลายวันก่อนนั้น!”
“เจ้าหมายความว่า…” ซั่งกวนฮ่าวดึงสติกลับมาทันที คนผู้นี้ย่อมเป็นตัวปลอม แต่เจวี๋ยเอ๋อร์คิดจะทำอะไรกันแน่?
“คุณหนูโม่กล่าวแล้วว่า นางจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเราอีก แต่ท่าทีของท่านแม่ยามนี้ก็ไม่มั่นคงเท่าใด หากสามารถหาที่ระบายโทสะที่อัดอั้นอยู่ในใจให้ท่านแม่ได้ ก็ย่อมเป็นผลดีต่อท่านแม่ บางทีอาจจะไม่เคืองแค้นถึงขนาดนั้นแล้ว” ซั่งกวนเจวี๋ยพูดแผนการของตนออกมาอย่างไม่ลังเล เรื่องนี้ยังคงจำเป็นต้องขออนุญาตและความร่วมมือของซั่งกวนฮ่าวจึงจะดำเนินการได้
“วันมะรืนพวกเราต้องกลับลี่โจวแล้ว” ซั่งกวนฮ่าวกลับอยากร่วมมือกับซั่งกวนเจวี๋ย แต่ตระหนักได้ว่าไม่นานต้องกลับลี่โจวแล้ว เขาจึงลังเล หากเป็นดั่งที่ซั่งกวนเจวี๋ยคาดเดา หญิงสาวผู้นี้ย่อมต้องกลับลี่โจวกับพวกเขา แต่เขาก็ไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเงาดำระหว่างสามีภรรยาและลูกชาย ก็เหมือนกับเรื่องของอวี๋ฮวนที่กลายเป็นปัญหาระหว่างเขาและหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ
“ข้ารู้ หลังจากจบเรื่องนี้ข้าจะอธิบายกับมี่เอ๋อร์ดีๆ ข้าเชื่อว่านางย่อมเข้าใจ!” ซั่งกวนเจวี๋ยกล่าวอย่างมีความมั่นใจ สิ่งที่เขากังวลคือมี่เอ๋อร์จะจัดละครฉากใหญ่เสียมากกว่า กลับไม่ใช่ปัญหาที่ซั่งกวนฮ่าวกังวล
“ผู้หญิงนั้นไม่ได้ใจกว้าง อย่างไรเจ้าครุ่นคิดดีๆ ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจทำเถิด” ซั่งกวนฮ่าวขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดว่ามี่เอ๋อร์จะทำเป็นไม่สนใจเรื่องนี้ได้ นางเพียงมีจิตใจที่สุขุมกว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อมากหน่อยเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใจกว้างกว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ
“ข้าครุ่นคิดดีแล้ว!” ซั่งกวนเจวี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากมี่เอ๋อร์รู้ว่าเรื่องนี้ทำเพื่อกำจัดความบาดหมางของท่านและท่านแม่ ทำให้เรื่องที่เพื่อนเก่าฝากฝังไว้ให้ท่านสำเร็จ ก็ย่อมจะเข้าใจ จุดนี้ข้ามีความมั่นใจ!”
“เช่นนั้น ทางแม่ของเจ้าก็ให้ข้าจัดการแล้วกัน! ข้าย่อมจะหาวิธีให้นางระบายความรู้สึกด้านลบออกมาให้หมด!” ซั่งกวนฮ่าวแทบไม่ต้องคิดก็รู้ได้ทันที หญิงสาวคนนั้นย่อมถูกเรื่องที่มู่หรงปั๋วอวี่พลิกฟ้าตามหาคนดึงดูดมา จึงคิดอยากจะหยิบยืมโอกาสนี้ ใช้ฐานะของโม่จิ้ง แต่งเข้ามาในตระกูลผู้ดี เพียงแต่ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของนางคือเจวี๋ยเอ๋อร์หรือว่ามู่หรงปั๋วอวี่กันแน่