เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 88 ศึกรับอนุภรรยา (10)
“ท่านป้า เรื่องนี้ต้องโทษข้า!” หวังเหมยเสียนยืนขึ้นอย่างจนใจด้วยสายตาอาฆาตแค้นของฮูหยินชุย คุกเข่าลงต่อหน้าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อโดยไม่คาดคิดพลางกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นความคิดของหลานสะใภ้ตั้งแต่ต้นจนจบ อยากจะขอให้ท่านป้าฟังหลานสะใภ้อธิบายเรื่องราวทั้งหมด ยังไม่สายเกินไปที่จะแค้นเคือง!”
หัวใจของหวังเหมยเสียนเต็มไปด้วยความขมขื่น เมื่อเรื่องนี้เดินมาถึงจุดนี้ เยี่ยนมี่เอ๋อร์คือคนที่ถูกเล่นงาน ส่วนหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเป็นคนที่ถูกลากมาติดร่างแห ทำไมนางจะไม่ใช่คนบริสุทธิ์หรือ?
หลังจากที่ชุยอวี่เฟยถูกส่งออกจากตระกูลซั่งกวนตามคำสั่งของชุยฮ่าวเหว่ย นางก็ถูกชุยฮ่าวเหว่ยดุด่าอย่างรุนแรง บอกว่านางไม่ดูแลน้องสามีให้ดี ปล่อยให้นางปากไม่มีหูรูดก้าวร้าวสะใภ้ใหญ่ตระกูลซั่งกวนและหลิงหลง นางน้ำท่วมปากและยอมรับ หลังจากที่ชุยอวี่เฟยกลับไปถึงเรือนก็ร้องไห้ไม่หยุดหย่อน ฮูหยินชุยก็เรียกนางไปตำหนิอีกครั้ง บอกว่านางไม่ได้ปกป้องน้องสามี ไม่ได้ทำหน้าที่ของพี่สะใภ้ นางไม่ใช่คนตีสองหน้าจึงยอมรับ หลี่ฉยงอวี่ไม่รู้ว่าคิดอย่างไรถึงร่วมมือกับชุยอวี่เฟย ทำให้ชุยอวี่เฟยละทิ้งความเพ้อฝันที่จะเป็นภรรยารอง เปลี่ยนเป็นตำแหน่งอนุภรรยาแทน ทั้งยังข่มขู่ด้วยการอดอาหาร ฮูหยินชุยเองก็เห็นดีเห็นงามในตอนแรก แต่ขอให้นางเริ่มพูดกับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเอง นางกับหลี่ฉยงอวี่ทั้งคู่จะคอยผสมโรงอยู่ข้างๆ จึงต้องยอมรับชะตากรรม ส่วนตอนนี้ เมื่อพบว่าทุกอย่างไม่อาจทำได้ นายท่านชุยก็ปรามาส ชุยฮ่าวเหว่ยไม่เหลียวแล เห็นได้ชัดว่าจะให้ฮูหยินชุยมาขอโทษ แต่นางกลับเป็นฝ่ายเถียงเสียเอง…
หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมองหวังเหมยเสียนด้วยความโกรธแค้น แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ที่แท้ข้าทำให้คนดูแคลนขนาดนี้เลย แม้แต่เด็กรุ่นหลังก็วางแผนทำร้าย เจ้าลุกขึ้นมาแล้วค่อยพูดกันเถอะ! อย่าคุกเข่านานจะเหนื่อยเปล่า แบกความเกลียดชังไว้ในใจ เมื่อไหร่จะวางแผนอีกครั้ง ข้าคนเดียวไม่ได้มีกำลังป้องกันอยู่ตลอด ทนไม่ได้ที่จะให้คนอื่นกังวลเรื่องนี้!”
“หลานสะใภ้ทำผิด ควรยอมรับผิดและขอโทษต่อท่านป้า จะกล้าเจ็บแค้นได้อย่างไร!” หวังเหมยเสียนพูดอย่างเจ็บ ปวดรวดร้าว ยิ่งไม่กล้าลุกขึ้นมาด้วยซ้ำ นางไม่คาดคิดว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะตรงเข้าตอกกลับอย่างไร้มารยาทขนาดนี้ ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย และนึกไม่ถึงว่าฮูหยินชุยจะโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก เห็นได้ชัดว่ามีความสุขมากที่ตนยอมรับเรื่องนี้เสียเอง
“พี่สะใภ้ชุยลุกขึ้นเถอะ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองสีหน้าของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าท่าทางของนางในยามนี้ เหมือนจิงอิ๋งกับหลิงหลงมาก เป็นท่าทีทั้งไม่มีเหตุผลและไม่ยอมให้อภัย พวกนางก็ไม่รู้ว่าบางครั้งต่อให้แค้นอีกฝ่ายจนเข้ากระดูกดำ ก็ยังต้องรักษาหน้าไว้บ้าง จะทำให้คนอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ได้หรือ?
หวังเหมยเสียนมองฮูหยินชุยที่เต็มไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไหนเลยจะกล้าลุกขึ้น เยี่ยนมี่เอ๋อร์เห็นเหตุการณ์ดี จึงเดินเข้าไปเองโดยไม่รอให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเอ่ยพูด เพื่อช่วยพยุงหวังเหมยเสียนพร้อมกับจื่อหลัวทางซ้ายและขวา แล้วพูดว่า “ที่พื้นเย็น คุกเข่านานไม่ได้ ถ้าล้มฟุบลงไปล่ะก็ คนที่ไม่สบายใจจะเป็นตัวข้าเองเสียมากกว่า!”
หวงฝู่เยวี่ยเอ้อแค่นเสียง ‘หึ’ เยือกเย็น ไม่พูดอะไร หวังเหมยเสียนก็นั่งลงแต่โดยดี
เมื่อเห็นหวังเหมยเสียนนั่งลง สีหน้าของฮูหยินชุยก็ดูคลายลงเล็กน้อย หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่ ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าวางแผนอะไรมาก่อน แต่พวกเจ้าได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา และข้าก็ตกลง ถ้าอย่างนั้นก็ทำไปตามนี้เถอะ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน ข้าจะไม่ถามให้มากความเดี๋ยวจะมีคนมาหาว่าข้าเป็นลิงหลอกเจ้า!”
หวังเหมยเสียนหน้าถอดสีซีดเผือด เมื่อรู้ว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะไม่ยอมเลิกราเรื่องนี้ด้วยดี และไม่ว่าไปตามเนื้อผ้า จึงอ้างคำโต้แย้งของเยี่ยนมี่เอ๋อร์เมื่อคืนมากล่าวว่า “แม้คุณหนูจากทั้งสองตระกูลแต่งกันเองก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หลิงหลงเป็นลูกสาวคนโต แต่งงานกับน้องชายสามีมาเป็นภรรยาหลัก ส่วนอวี่เฟยเป็นลูกสาวที่เกิดจากอนุภรรยา ถ้าแต่งงานกับน้องเจวี๋ยในฐานะอนุภรรยา จะมองอย่างไรก็คงไม่เหมาะสม ก่อนหน้านี้แค่คิดจะเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันเท่านั้นเอง ไม่คาดคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้หลิงหลงตกอยู่ในสถานะน่าอับอาย เนื่องจากหลานสะใภ้คิดไม่รอบคอบ ท่านแม่จึงสับสนเพราะน้องอวี่เฟยร้องไห้คร่ำครวญ หลานทำให้เข้าใจผิดเองที่ขอให้ท่านป้าแต่งอวี่เฟยเข้ามาเป็นอนุภรรยา เมื่อคืนหลานกับท่านแม่คิดทบทวนเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจ จึงมาเพื่ออธิบายและขอโทษท่านป้า”
“หลิงหลงน่าอับอายขนาดไหน?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้องงงวยแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เพราะขัดแย้งกับหลิงหลงหรอกหรือ จะยกเลิกสัญญาหมั้นหมายของหลิงหลงกับฮ่าวหรัน เพื่อชดเชยให้ตระกูลซั่งกวน จึงเสนอให้แต่งอวี่เฟยเข้ามาใช่หรือไม่?” จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างเศร้าๆ พูดว่า “แม้ข้าจะรู้ว่าตั้งแต่ทั้งสองหมั้นหมายกัน หลิงหลงถือว่าฮ่าวหรันเป็นที่พักพิงในอนาคต ก็รอแต่งงานกับฮ่าวหรันด้วยใจจริง แต่บางอย่างก็ไม่เป็นไปตามแผน จิตใจมนุษย์เปลี่ยนไป ช่วยอะไรไม่ได้เลย ส่วนหลิงหลงข้าจะปลอบใจนางให้ดีเอง แทนที่จะปล่อยให้ตระกูลชุยอดรนทนไม่ไหวทำตามสัญญาหมั้นหมาย แล้วปล่อยให้ทั้งคู่ขัดแย้งกันหลังแต่งงาน ก็จะทะเลาะกันวันเว้นวันเพราะสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เช่นนี้ มิสู้ยกเลิกสัญญาแต่งงานจะดีกว่า เจ็บในระยะสั้นดีกว่าเจ็บในระยะยาว ข้าเชื่อว่าหลิงหลงจะผ่านมันไปได้!”
นี่…นี่… ดวงตาทั้งสองข้างของหวังเหมยเสียนเปลี่ยนเป็นสีดำมืด ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมหวงฝู่เยวี่ยเอ้อถึงยอมตายก็จะต้องรับชุยอวี่เฟยแต่งเข้ามาให้ได้ นั่นคือชุยอวี่เฟยจะเสียใจจนถอนหมั้นให้กับการแต่งงานของพวกนาง เป็นการชดเชยให้ตระกูลซั่งกวน แต่…นางจึงขอความช่วยเหลือโดยมองฮูหยินชุยแวบหนึ่ง หากเรื่องนี้ถูกนำไปใช้จริง ฮูหยินชุยจะพลอยโดนหางเลขไปด้วย จะถูกนายท่านชุยเอ็ดว่าหรือแม้กระทั่งลงโทษ ส่วนนางก็จะยิ่งทุกข์มากขึ้น ถึงขั้นอาจจะตกต่ำลงด้วยซ้ำ ทุกคนในตระกูลจะไม่ให้อภัยตัวเอง
“ท่านแม่ไม่ต้องกังวลกับหลิงหลง!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดได้เหมาะกับเวลาเพราะว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่ดูเหมือนจะเศร้าระทมจนหายใจไม่ออกก็ค่อยๆ ลูบหน้าอกให้นางเพื่อจะได้หายใจสะดวก ขณะที่ทั้งสองประสานสายตากัน ก็เห็นรอยยิ้มและความเปรมปรีดิ์ในดวงตาของอีกฝ่าย เยี่ยนมี่เอ๋อร์ฝืนยิ้มพลางกล่าวว่า “หลิงหลงไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว นางจะคิดได้เอง!”
“น้องสะใภ้ เหตุการณ์นี้เป็นอุบัติเหตุอย่างแท้จริง!” ฮูหยินชุยกล่าวอย่างกังวลว่า “ล้วนเป็นความผิดของข้า ข้ารู้สึกกระวนกระวายใจที่อวี่เฟยร้องไห้และสร้างปัญหา จึงคิดจะให้นางแต่งเข้ามาเป็นอนุภรรยาเพื่อให้นางสมปรารถนา ฮ่าวหรันไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยเลย เรื่องนี้ไม่มีทางพัวพันกับการแต่งงานของพวกเขาได้หรอก! ฮ่าวหรันมีใจเดียวให้หลิงหลง ไม่มีสองใจเด็ดขาด จะเป็นเพราะข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ แล้วทำให้เด็กๆ เสียใจไม่ได้!”
“ที่แท้ไม่ใช่การแต่งงานของหลิงหลงกับฮ่าวหรันที่เปลี่ยนไป ถึงแต่งอวี่เฟยเข้ามา!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพลันนึกขึ้นได้จึงพูดว่า “แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ทำไมถึงต้องให้อวี่เฟยมาเป็นอนุภรรยาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจด้วยเล่า? ฐานะของนางเป็นภรรยารองของเจวี๋ยเอ๋อร์ได้สบายมาก มี่เอ๋อร์ ทำไมข้าถึงคิดไม่ออกไปได้อย่างไรนะ?”
“ท่านแม่!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าเยียบเย็นว่า “ข้าคิดว่าท่านป้าชุยและคนอื่นๆ คิดว่าการรับอนุภรรยาเข้ามามันง่ายจึงเกลี้ยกล่อมให้ข้าเห็นด้วย แต่การแต่งภรรยารองเป็นเรื่องยากมาก!”
นั่นคือความจริง แต่…ฮูหยินชุยกับหวังเหมยเสียนไม่กล้าพูดต่อ ใครจะรู้ว่าพวกนางจะมีกับดักอะไรหลังจากที่พวกนางพูดคุยต่อ!
“สำหรับการน้อยเนื้อต่ำใจ…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองฮูหยินชุยอย่างเย็นชา จากนั้นมองไปที่หวังเหมยเสียนแล้วพูดว่า “หลิงหลงจะแต่งเข้าตระกูลชุย ถ้าน้องอวี่เฟยรู้สึกน้อยใจอะไรล่ะก็ ยังมีหลิงหลงที่จะนั่งร่วมทุกข์ไปกับนางด้วย! แต่ถ้าคิดเพื่อประโยชน์ของหลิงหลง เราต้องสารภาพกับน้องอวี่เฟย นับประสาอะไรกับความคับแค้นใจ จะไม่พูดประโยคที่ทิ่มแทงใจแม้แต่คำเดียว ในขณะที่น้องอวี่เฟยไม่พอใจกับการเป็นอนุภรรยา ข้าจะหลีกทางให้นางแม้ต้องตายก็ยอม!”
พวกนางก็คิดเช่นนี้ แต่ไม่ได้เพ้อฝันว่าอวี่เฟยจะเป็นภรรยาห้องหลัก อันเนื่องจากชาติกำเนิด!
“นั่นก็หมายความว่าหลิงหลงกลายเป็นตัวประกันเพื่อรับประกันชีวิตของอวี่เฟย!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อโกรธมาก
“ไม่มีอะไร!” ฮูหยินชุยกล่าวอย่างกังวลว่า “ข้าไม่คิดว่ามันจะเหมาะสม จึงตั้งใจมาหาเจ้าเพื่ออธิบายเรื่องนี้! น้องสะใภ้เอ๋ย เรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว หลิงหลงก็เป็นคนที่ข้าเห็นมาจนเติบใหญ่ จะปล่อยให้หลิงหลงต้องทนทุกข์ทรมานได้อย่างไรเรื่องนี้เกิดจากความสับสนชั่วขณะ ถึงทำให้เข้าใจผิด โชคดีที่ไม่ได้ผิดพลาดใหญ่โต เจ้าก็เป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง ไม่ต้องสนใจเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้หรอก”
“ข้า…หึ!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเบือนหน้าอย่างไม่แยแส ไม่สนใจนาง นางไม่โกรธอีกต่อไป ปล่อยให้มี่เอ๋อร์ดูแลส่วนที่เหลือ แล้วรอจนกว่านางจะหายโกรธค่อยว่ากันใหม่
“ท่านแม่ ท่านป้าชุยพูดอย่างนี้แล้ว นางทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ท่านอย่าโกรธเลย!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์อธิบายว่า “อย่าให้เพราะความผิดพลาดชั่วขณะมาทำร้ายมิตรภาพอันช้านานของพวกท่านได้ นับประสาอะไรจะให้เรื่องนี้มาทำร้ายหลิงหลง เราควรจะถือว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น”
“มี่เอ๋อร์เป็นคนที่รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่นเสียด้วย” เมื่อเห็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์เริ่มพูดดีๆ กับนาง ฮูหยินชุยก็เออออห่อหมกทันที แล้วกล่าวชมอย่างรวดเร็ว เห็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์อยู่ในสายตามากขึ้นเช่นกัน
“แน่นอน!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพูดตรงๆ แล้วเล่าอย่างภาคภูมิใจว่า “ลูกสะใภ้ที่เอาใจใส่อย่างมี่เอ๋อร์หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ไม่ต้องพูดอื่นใด ก็เรื่องนี้เลย เมื่อข้าพูดเรื่องนี้กับมี่เอ๋อร์เมื่อวาน มี่เอ๋อร์ก็พิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ร้องไห้หรือสร้างความเดือดร้อน ถ้าเป็นคนอื่น ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนเป็นคืนที่น่าเศร้า แต่วันนี้แม้จะช้าไปหน่อย ก็ยังไม่ลืมมาน้อมทักทาย จริงสิ มี่เอ๋อร์ เหตุใดวันนี้ถึงมาสายขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะโกรธข้าหรอกหรือ?”
บ้องตื้น! ถามออกมาได้นะ? หวังเหมยเสียนก้มหัวลงคิดอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“ไม่มีแน่นอน!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยิ้มส่ายหัวพลางกล่าวว่า “หลิงหลงกับจิงอิ๋งก่อเรื่องเมื่อเช้านี้ มี่เอ๋อร์มาสายเพราะเกลี้ยกล่อมพวกนาง ไม่ได้โกรธท่านแม่แต่อย่างใด”
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกนางเล่า?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อถามอย่างรู้ทัน ลูกสาวทั้งสองก่อปัญหาตั้งแต่เช้าตรู่ทั้งที่เมื่อวานก็ยังดีอยู่ นางส่งสาวใช้ที่ไว้ใจได้ไปสืบข่าวที่เรือนทางใต้เมื่อรุ่งสาง เพื่อรอดูว่าทั้งสองคนสร้างปัญหาอย่างไร แล้วกลับมารายงาน เป็นน่าเสียดายที่คนรายงานเพิ่งกลับมา ยังไม่ทันมีเวลาพูดคุยอะไร ฮูหยินชุยก็พาหวังเหมยเสียนมาก่อนแล้ว
ไม่เชื่อว่านางจะไม่รู้! เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองเห็นความคาดหวังและยินดีในความเคราะห์ร้ายของผู้อื่นในดวงตาของหวงฝู่
เยวี่ยเอ้อ และอดถอนหายใจไม่ได้ ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าทำไมจิงอิ๋งถึงชอบดูความตื่นเต้นและก่อปัญหามาก ที่แท้เป็นไปตามสายเลือดนี่เอง
นางจึงเล่าเรื่องหลิงหลงกับจิงอิ๋งสั้นๆ เมื่อเห็นฮูหยินชุยและหวังเหมยเสียนมีสีหน้าดำคล้ำและแดงก่ำ เยี่ยนมี่เอ๋อร์
จึงกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “พี่สะใภ้ชุย ข้าเข้าใจความคิดของเจ้าเป็นอย่างดี และรู้ถึงความลำบากใจที่เจ้าทำเช่นนั้น แต่ว่า…
แม้จะไม่คิดถึงคนอื่นเมื่อทำเช่นนี้ เจ้าก็ควรคำนึงถึงมิตรภาพระหว่างตระกูลชุยกับตระกูลซั่งกวนสักหน่อย!”
หวังเหมยเสียนไม่สามารถแก้ตัวได้แล้ว จึงถอนหายใจและนิ่งเงียบ…นางรู้ว่านางตอบไม่ได้ เมื่อเริ่มเอ่ยพูด เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะตอบโต้อย่างรุนแรงแน่นอน นางก็เสียใจเช่นกัน เมื่อรู้ทั้งรู้ว่าภายนอกที่ดูเหมือนอ่อนแอของเยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทำไมถึงต้องทำเป็นออกหน้าด้วยเล่า? หรือถึงแม้เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้อย่างง่ายดายในช่วงไม่กี่วันนี้แต่กลับไม่มีท่าทีตอบโต้ ทำให้พวกนางคิดว่านางเป็นคนไม่มีอารมณ์ แต่หารู้ไม่ว่ามนุษย์ดินปั้นที่ไร้ชีวิตก็ยังโมโหเป็น นับประสาอะไรกับคนที่ยังเป็นๆ อยู่!
อย่างไรก็ตามการปฏิเสธที่จะตอบของนางไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่ตอบไปด้วย โดยเฉพาะตอนนี้หวงฝู่เยวี่ย เอ้อที่กระสับกระส่ายทนไม่ไหวอีกแล้วอยากจะทำให้นางคลุกฝุ่นจนแต้มเสียให้ได้ จึงชั่งน้ำหนักกับฮูหยินชุยซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้สึกว่านอกจากขอโทษและชมเชยแล้ว ไม่สามารถพูดอะไรได้ ไม่สมควรพูดและนิ่งเงียบอย่างชาญฉลาด หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็ตอบโต้ด้วยความยินดี แสร้งทำเป็นสับสนแล้วพูดว่า “มี่เอ๋อร์ เจ้าพูดถึงอะไรกันแน่? ทำไมข้าไม่เข้าใจเลย? เจ้าอธิบายดีๆ หน่อยสิ เหมยเสียนลำบากใจและคิดอะไรอยู่ และคิดเผื่อคนอื่นหมายความว่าอย่างไร?”
“ท่านแม่…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ร้องเสียงหลงพลางกล่าวว่า “แน่นอนว่าท่านไม่เข้าใจเรื่องเช่นนี้ ถ้าท่านพ่อมีน้องชายจากฝ่ายภรรยาเอก แล้วมีน้องสะใภ้ที่ชาติกำเนิดไม่ด้อยไปกว่าท่านหรือสูงกว่าท่าน ท่านจะเข้าใจ! ส่วนคิดเผื่อคนอื่น จะมีอะไรมากกว่านั้น! อย่างที่ท่านบอกเรื่องรับอนุภรรยาตอนที่ข้ากับสามีเพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมี่เอ๋อร์รู้ว่าท่านรักข้ามากแค่ไหน วันหลังเราจะยังสนิทเหมือนแม่ลูกกันได้ไหม? ส่วนข้าก็จะโกรธเหมือนไฟสุมขอนตลอดไปหรือไม่ล่ะ? สำหรับมิตรภาพระหว่างตระกูลชุยและตระกูลซั่งกวนนั้นไม่จำเป็นต้องอธิบายอีกกระมัง!”
หวังเหมยเสียนใบหน้าเป็นสีเทาหม่นหมอง นางรู้ว่าคำพูดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้นร้ายกาจแค่ไหน นี่ยังไม่ชัดเจนว่านางทำอะไรบางอย่างเพื่อทำลายชีวิตแต่งงานของหลิงหลงกับฮ่าวหรันอีกหรือ? ต่อให้พ่อลูกตระกูลชุยจะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นฮูหยินชุยที่ทำ แต่ตนก็มีโทษฐานที่ร่วมมือด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึง…ฮูหยินชุยเดิมทีก็เป็นคนที่ทั้งชอบก่อปัญหาและไม่ยอมรับผิด นางจะต้องโยนความผิดมาที่ตนเป็นแน่ เมื่อเห็นดวงตาของฮูหยินชุยสว่างวาบขึ้น หัวใจของหวังเหมยเสียนก็จมลงสู่ก้นบึ้ง
———————————-