เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 121
บทที่ 121 มอบของขวัญชิ้นนึงให้คุณ
6โมงเย็น ในโรงแรมโฟร์ซีซั่น
หน้าประตูและลานโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย จะมีงานเลี้ยงรูปแบบใหม่ที่แปลกตาจัดขึ้นที่นี่ บังเอิญกับหานฉ่ายหลิงที่เพิ่งจะหลุดพ้นจากคดีความขาดแย้งทางเศรษฐกิจพอดี แถมเจ้าภาพยังเป็นบริษัทลี่ซื่อ เรื่องความสัมพันธ์อื้อฉาวที่เกี่ยวกับทั้งสองคนเต็มไปทั่วบ้านทั่วเมือง พวกสื่อต่างๆและผู้สื่อข่าวไม่ปล่อยโอกาสดีที่หายากแบบนี้ให้หลุดมือไปแน่นอน
โรลศ์รอยซ์สีดำได้ขับเข้าช่องจอดอย่างมั่นคง หวางยี่ลงจากรถเป็นคนแรก ประตูรถด้านหลังเปิดออก ลี่เฉินซีก้าวลงจากรถในชุดสูทสีดำ
ทุกคนสงบลงและสายตาทั้งหมดจับจ้องไปที่เบาะนั่งด้านหลังของโรลส์รอยซ์อยากรู้ว่าผู้หญิงที่เขาพามาด้วยคือใคร
ถ้าเป็นหานฉ่ายหลิง นั้นข่าวลือถ่านไฟเก่าคลุกระหว่างทั้งสองคนก็แน่ชัดในทันที พาดหัวข่าวของพรุ่งนี้ก็มีให้ลงอีกแล้ว!
ภายใต้สายตาที่จับจ้องและเฝ้ารอของทุกคน ลี่เฉินซีเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกด้าน มือที่เรียวยาวยื่นเข้าไป คนข้างในที่สวมชุดเดรสสีน้ำนมและส้นสูงที่สง่างามลงมาแตะที่พื้น ตามด้วยท่าทางที่ก้มลงมาจากรถ ชายกระโปรงที่เพี้ยวไหว ตามสายลม ดูมีเสนห์และหลากหลาย
ทำเอาทุกคนถึงกับตะลึงไม่น่าเชื่อ ผู้หญิงที่ประธานลี่พามาด้วย กลับกลายเป็นซูย้าว……ภรรยาตัวจริง?!
ถูกต้อง หลังจากที่หานฉ่ายหลิงหลุดจากคดีได้สองวัน ซูย้าวก็ได้กลับมามีอิสระแล้ว
ทางด้านบ้านใหญ่บอดี้การ์ดที่เห็นได้เกือบทุกที่ ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว ประตูใหญ่และหน้าต่างที่ถูกปิดไว้มาตลอดก็ถูกเปิดกว้าง แม้แต่หัวจิ่งก็ไม่คอยควบคุมติดตามการเดินทางของเธอ ตอนนั้นซูย้าวยังรู้สึกแปลกใจ แต่ไม่นาน ก็รู้เรื่องงานเลี้ยงในคืนนี้
ลี่เฉินซีเป็นคนฉลาด ทำตัวถ่อมตนและมีการศึกษาสูง เขาเดากลยุทธ์ของสื่อได้ตั้งแต่แรกแล้ว แล้วจะยอมปล่อยให้ตัวเองตกเป็นขี้ปากของคนอื่นได้ยังไง
แฟลชกล้องที่ล้นหลาม ไฟส่องสว่างที่พร่างพราว ทำให้ซูย้าวตาลายไปหมด
ลี่เฉินซีอดไม่ได้ดึงเธอมาไว้ในอ้อมกอด แล้วกระซิบที่ข้างหูของเธอ“หลังจากคืนนี้ ผมจะพาคุณไปเจอแม่กับเจิ้งเอ๋อ ”
เธอที่กำลังหวาดกลัวถึงสุดขีด แต่เขากลับจูบลงที่ริมฝีปากของเธออย่างลึกซึ้งโดยไม่ผิดพลาดเลยแม้แต่นิด
ต่างจากปกติที่แกล้งแสดงละคร จู่โจมเธอเหมือนจะกลืนเธอลงท้องไปทั้งคนอย่างไรอย่างนั้น
ช่างรุนแรงและช่างเจาะจงอย่างมาก
ราวกับลืมไปเลยว่ารอบๆยังมีนักข่าวคอยถ่ายภาพและอัดวิดีโออยู่ ยังคงกอดเธอไว้อย่างเช่นไม่มีคน แววตาที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวล ทำเอาเธอมึนงงจนแยกแยะไม่ออก
นักข่าวก็ถูกฉากนี้ทำเอามึนงงไปตามๆกัน ก่อนหน้านี้ แทบจะแน่ใจความสัมพันธ์ระหว่างลี่เฉินซีกับหานฉ่ายหลิงได้แล้วว่าถ่านไฟเก่าคลุก ชีวิตสมรสตกราง คำเหล่านี้ใช้บนตัวของพวกเขาได้อย่างไม่มีผิด แต่ไม่คิดเลยว่า แค่พริบตาเดียว กลับโปรโมทความสัมพันธ์ระหว่างประธานลี่กับภรรยาที่……รักใคร่กลมกลืนซะงั้น?!
เดินฝ่าฝูงชนมา เขาจูงมือของเธอแล้วเดินเข้าไปในล๊อบบี้ของโรงแรม
วินาทีแรกยังสุภาพบุรุษอ่อนโยนมาก รอยยิ้มอบอุ่นทำคนใจละลาย แต่วินาทีต่อมา กลับเยือกเย็นเข้าถึงกระดูก ลามมาถึงใบหน้าที่หล่อเหลาคมเข้มของเขา กลิ่นไอเย็นชาและดุร้ายแผ่ออกมาจากตัว
ซูย้าวก้มหน้าลงอย่างเจียมตัว แล้วเอามือออกจากฝ่ามือของเขาอย่างกับจะหนีอะไร
ไม่ควรหลงตัวเองแค่เพียงเพราะฉากข้างนอกเมื่อกี้นี้ไม่ใช่หรอ?
อย่างไรซะ ยังไม่ทันจะออกจากข้างกายของเขา แขนที่เรียวยาวก็ถูกผู้ชายคว้าเอาไว้ได้ ใช้แรงบังคับเธอไว้อย่างแรงไม่ให้เธอขัดขืน
“คุณหลบอะไร?”
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ เสียงของเขาราวกับแม่เหล็กที่ดึงเธอไว้ ร่างกายของซูย้าวที่คิดจะหลบก็ชะงักในทันที
ปล่อยให้เขาล่าตัวเองเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงไปอย่างนั้น ด้วยท่าทางยังถือว่าใกล้ชิด การปรากฏตัวของทั้งสองคน กลายเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดสายตาผู้คนในงานอย่างไม่ต้องสงสัย
คนมากมายต่างก็เข้ามาพูดคุยทักทายเอาใจ ด้วยท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน รอยยิ้มปลอมๆต่องๆนานา เดินตามเขาจบรอบนึง ซูย้าวรู้สึกว่ารอยยิ้มบนหน้าของตัวเองเกือบจะแข็งทื่อไปหมดแล้ว
เพราะบริษัทลี่ซื่อเป็นเจ้าภาพ เพราะฉะนั้น ในหกลุ่มคน เธอก็เห็นเจี่ยงเวินอี๋แม่สามีอยู่ด้วย สายตาที่เธอจ้องตัวเองนั้นดูถูกและรังเกียจอย่างมาก แทบอยากจะขุดคูน้ำใต้ดิน เอาซูย้าวยัดลงไปซะเลย
อีกจุดประสงค์หลักของงานเลี้ยงนี้ คือเพื่อรับขวัญหานฉ่ายหลิง แน่นอนว่าเธอเป็นคนสำคัญของงานนี้ จะขาดได้ยังไง
หานฉ่ายหลิงมาช้าไปหน่อย
ครั้งนี้พ่อหานแหกกฏออกงานพร้อมลูกสาว เธอสวมชุดราตรีขาวดำสลับกัน ชุดที่ดีไซน์ด้วยการผ่าข้าง เผยรูปร่างที่ผอมเพรียวและกระทัดรัดได้อย่างครบถ้วน และผิวที่นุ่มละมุนเหมือนหยก หน้าตาที่สวยสะกดใจ การแต่งหน้าที่ละเอียดเนียบ กิริยาท่าทางและรอยยิ้มเผยให้เห็นบุคลิกที่ดูสง่าเหมือนผู้ดี ผู้หญิงแบบนี้ สวยจนทำให้คนไม่อาจละสายตาไปได้
เป็นถึงนางเอกคนสำคัญของงานนี้ การมาถึงของหานฉ่ายหลิง แน่นอนว่าดึงดูดคนติดตามไม่น้อย คำชื่นชมต่องๆนานานับไม่ถ้วน
เธอยิ้มแล้วตอบรับทุกๆคน นานสักพัก ภายใต้ที่มีพ่อคอยเดินอยู่เคียงข้าง ถึงเดินมาถึงฝั่งที่ลี่เฉินซียืนอยู่
รอยยิ้มของหานฉ่ายหลิงสวยมาก ดวงตาที่อ่อนโยน โค้งงอเผยถึงความใจเย็นและมีสติ “เฉินซี ขอบคุณๆมากเลยนะคะ!”
ริมฝีปากของลี่เฉินซีเพียงแค่โค้งงอยิ้มขึ้นบางๆ สีหน้าเรียบเฉยดูสุขุม ไม่ได้ตอบกลับเธอ
สายตาของหานฉ่ายหลิงย้ายมาที่ซูย้าว เดินเข้าไปจับมือของเธออย่างเป็นการเองและธรรมชาติมาก “ซูย้าว ไม่เจอกันนานเลยนะ!”
ซูย้าวไม่ชอบทำตัวสนิทสนมกับคนอื่นมากเกินไป แต่ความเป็นมิตรของหานฉ่ายหลิงดูจริงใจมาก ทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง
เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ช่วงนี้ บริษัทของฉันเกิดเรื่อง เฉินซีคอยช่วยเหลือฉันมาตลอด ฉันรู้ว่านี่ต้องเป็นคุณงามความดีของคุณแน่นอน !”เธอพูด
ซูย้าวไม่กล้ารับส่งเดชแน่ๆ รีบส่ายหัว
กลับถูกหานฉ่ายหลิงพูดแทรก“ถ้าภรรยาเป็นคนเอาแต่ใจไม่มีเหตุผล สามีจะกล้าช่วยเหลือผู้หญิงข้างนอกได้ยังไงล่ะคะ?ซูย้าว ถ้าหากไม่ใช่คุณเข้าใจเขา ฉันก็คงไม่หลุดล้นคดีอย่างราบรื่นแบบนี้ได้หรอกนะคะ ขอบคุณๆมากเลยนะ!”
หานฉ่ายหลิงพูดซะขนาดนี้ กลับทำให้ซูย้าวรู้สึกเกรงใจ เม้มปากอย่างเก้อเขิน ไม่รู้ควรอธิบายยังไง
เวลานี้ เจี่ยงเวินอี๋จู่ๆก็เดินเข้ามา แล้วเปิดปากพูดโดยตรง“ฉ่ายหลิงจ้า พูดขอบคุณอะไรกัน เพียงแค่ความสัมพันธ์ของเธอกับเฉินซีหลายปีมานี้ เรื่องเล็กแค่นี้ ก็เป็นเรื่องที่พวกเราควรช่วยไม่ใช่หรอ!”
เจี่ยงเวินอี๋ตั้งใจเน้นย้ำ‘ความสัมพันธ์หลายปี’คำนี้ หางตาและปลายคิ้วแอบแฝงความหมายลึกซึ้ง คนที่อยู่ข้างๆมีหรอจะไม่เข้าใจ
พ่อหานเป็นคนหัวโบราณ ค่อนข้างหัวแข็ง พอฟังความหมายออก เร่งรีบเปิดปากจะอธิบายแก้ต่าง เจี่ยงเวินอี๋กลับล่าเขาไปข้างๆ แถมปากยังพูดว่า“เฉินซี คนสำคัญในวันนี้คือฉ่ายหลิงของเรา ลูกอยู่เป็นเพื่อนของเธอให้ดีๆล่ะ !”
หานฉ่ายหลิงยิ้ม ใช้สายตาส่งพ่อและเจี่ยงเวินอี๋เดินไปทางอื่น เธอถึงค่อยหันมา แล้วพูดด้วยเสียงเบา“ไม่ว่ายังไง ครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่พวกคุณช่วยฉันละก็ ฉันคงจบเห่แน่ เพราะฉะนั้น……”
ยังไม่ทันจะพูดจบ มือที่เรียวนุ่มก็ถูกลี่เฉินซีกุมเอาไว้
ท่าทางเล็กๆของเขากลับทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น
หานฉ่ายหลิงอึ้งไป“เฉิน เฉินซี นี่คุณ……”
“ก็บอกแล้วไงครับ ไม่ต้องขอบคุณอะไรผม บริษัทHSบังเอิญประสบเรื่องวิกฤตแบบนี้ จากร้ายกลายเป็นดี ต่อจากนี้ต้องดีขึ้นแน่ๆ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับ”เขาพูด
คำพูดไม่กี่คำ เหมือนถ่านไฟที่ส่งมาในฤดูหนาว ทำให้ใจของเธออุ่นขึ้นมาทันที
ต่อจากนั้น จู่ๆลี่เฉินซีก็เดินก้าวมาข้างหน้า ก้มหัวกระซิบที่ข้างหูของเธอโดยตรง น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดด้วยเสียงเบา ฝ่ามือที่เรียวยาวถูกจับจี้ที่ไหปลาร้าของเธอ“สร้อยเส้นนี้ คุณใส่มากี่ปีแล้ว?”
หานฉ่ายหลิงรู้สึกประหลาดใจมาก ทันใดนั้น ราวกับว่าเลือดในร่างกายกำลังแข็งตัว สร้อยเส้นนี้ คือของขวัญที่เขามอบให้เธอในวันเกิด ตอนที่ทั้งสองคนคบกันในปีแรก
ด้านในของจี้เพชรสลักคำว่า‘destiny’หมายความว่าการที่ทั้งสองคนได้พบกันเป็นโชคชะตาของพวกเขา
ชายหนุ่มหล่อหัวเราะดังขึ้นมา ในขณะที่ปล่อยเธอแล้วก็ได้เผชิญกับสายตายุ่งเหยิงของเธออีกครั้ง แล้วพูดอย่างเรียบเฉย“มีของขวัญชิ้นนึงจะมอบให้คุณ