เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 126
บทที่ 126 ฉันไม่อยากไปจากเขาอีกแล้ว
ขณะที่ลู่ส้าวหลิงขับรถเพื่อพาซูย้าวไปโรงพยาบาลอยู่นั้น ลี่เฉินซีก็ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัด
ชิ้นส่วนมากมายกระเด็นจากแรงระเบิด เขาและหานฉ่ายหลิงอยู่ใกล้จุดระเบิดมากที่สุด ส่งผลให้ขณะที่ลี่เฉินซีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนั้น ร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด โดยยังไม่ทราบบาดแผลที่แน่ชัด
ในทางตรงกันข้าม หานฉ่ายหลิงกลับมีเพียงแผลฟกช้ำ ส่วนคนอื่นๆปลอดภัยดี เพียงแค่เสียขวัญเท่านั้น
เมื่อพันแผลในห้องฉุกเฉินเสร็จแล้ว หานฉ่ายหลิงก็รีบขึ้นมาอย่างร้อนรน ที่หน้าห้องผ่าตัดในเวลานี้ เต็มไปด้วยกลุ่มคนรายล้อม
ตำรวจผู้ดำเนินคดีและเหล่าผู้นำ อีกทั้งรองผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทลี่ซื่อ รวมไปถึงเจี่ยงเวินอี๋ที่มาหลังจากได้ยินข่าว เช่นเดียวกับซูย้าวและลู่ส้าวหลิง
“เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ได้ยังไงกัน” เจี่ยงเวินอี๋ที่รักลูกชายมาก ระบายความคับแค้นใจทั้งหมดที่มีต่อนายตำรวจผู้ดำเนินคดี
ตำรวจต่างก็วางหน้าไม่ถูก เพราะพวกเขาไม่สามารถอยู่กับประชาชนได้ตลอดเวลา เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยของพวกเขา!
แต่เรื่องราวก็เกิดขึ้นแล้ว เจี่ยงเวินอี๋เอ่ยตราหน้า “ไม่ว่าจะจ่ายเงินมากแค่ไหนก็ตาม ต้องหาตัวคนร้ายมาให้ได้!”
บริษัทลี่ซื่อที่เปิดมานานหลายปี ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!
คุณชายลี่ผู้ยิ่งใหญ่ถูกคนลอบสังหาร อีกทั้งยังเกือบเสียชีวิต การที่เรื่องแบบนี้แพร่ออกไป มันไม่ใช่เรื่องตลก!
ผู้คนที่ห้อมล้อมเจี่ยงเวินอี๋ ต่างพากันก้มหน้าโค้งคำนับ พลางเอ่ยคำปลอบโยน หลังจากที่ตำรวจผู้ดำเนินคดีเห็นหานฉ่ายหลิง ก็รีบเข้าไปหาเพื่อบันทึกคำให้การของเธอ
หานฉ่ายหลิงเล่าคำให้การของคดีนี้ แม้กระทั่งเนื้อหาในบทสนทนาของทั้งสองคนก็สามารถแจงได้อย่างละเอียด แต่ไม่ว่าจะในแง่มุมไหนก็ตาม ต่างก็ไม่พบเบาะแสอื่นๆ
“มันจะเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงที่ฉันสงสัยเมื่อก่อนหน้านี้ไหมนะ” จู่ๆเธอก็คิดอะไรได้บางอย่าง
ด้านฝั่งตำรวจเองก็ได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน หัวหน้าหลี่ผู้ดำเนินคดีได้กล่าวขึ้น “ทางเราได้ส่งคนไปตรวจสอบสมาชิกพรรคของหลินโย่ควนแล้วครับ ก่อนที่จะถูกจับ นอกจากคนที่ชื่อหวงฉางฮุย ที่ยังจับตัวไม่ได้แล้ว คนอื่นๆถูกจับได้หมด ซึ่งความน่าจะเป็นในการก่อเหตุนั้นมีน้อยมาก ”
“ถึงจะต่ำแต่ก็ต้องตรวจ ถ้าเกิดไม่ใช่พวกเขาขึ้นมา แล้วคนตระกูลหลินล่ะ มีความเป็นไปได้ที่จะจ้างวานฆ่านี่!” หานฉ่ายหลิงเอ่ย
ตำรวจพยักหน้า “เราจะพิจารณาและตรวจสอบความเป็นไปได้ทั้งหมด ไม่ต้องห่วงนะครับคุณหาน”
เมื่อเสร็จสิ้นการให้ปากคำ ตำรวจได้ให้คนสองคนเฝ้าดูแลความปลอดภัยภายนอก ส่วนคนอื่นๆก็ไปกันเรียบร้อยแล้ว
หลี่เฉินซีที่กำลังรับการผ่าตัด คุณหมอเปิดประตูออกมา ถอดหน้ากากอนามันลงเผยให้เห็นสีหน้าที่เคร่งขรึม ทำให้คนอื่นๆต่างพากันสูดลมหายใจ
คุณหมอฝ่าผู้คน จนในที่สุดก็ไปถึงเจี่ยงเวินอี๋และซูย้าว เขาก้าวไปด้านหน้า “นายหญิง นายผู้หญิงส้าวครับ ทั้งสองท่านโปรดเตรียมใจไว้นะครับ เมื่อครู่ ผลของการทำCT Scan ออกมาแล้ว มีชิ้นส่วนฝังอยู่ใกล้กับไตของประธานลี่ และกำลังจะได้รับการผ่าตัดช่องท้อง ในเวลาเดียวกัน มีกระโดดสี่โครงหักถึงสี่ซี่…”
ฝั่งตรงข้ามยังพูดไม่ทันจบ เจี่ยงเวินอี๋โครงเครงเหมือนจะเป็นลม โชคดีที่ด้านข้างมีผู้ช่วยและหวางอี้ ที่ประคองเธอไว้ได้ทัน
“คุณหญิง!” เลขาตะโกนเรียกเสียงทุ้มต่ำ สื่อความหมายให้เจี่ยงเวินอี๋สงบสติอารมณ์
แต่สำหรับเรื่องความเป็นความตายของลูกชายตัวเองแล้ว มีแม่เพียงไม่กี่คนที่จะสามารถควบคุมสติได้
เจี่ยงเวินอี๋ก้าวไปข้างหน้า พลางคว้ามือคุณหมอไว้อย่างกระวนกระวาย “คณบดีหลิน ฉันขอล่ะ! ไม่ว่ายังไง ต้องช่วยเฉินซีให้ได้นะคะ!”
“คุณหญิง คุณวางใจเถอะ แม้ว่าการผ่าตัดในครั้งนี้จะมีความเสี่ยงถึงชีวิต แต่พวกเราก็จะพยายามกันอย่างเต็มที่ คุณผู้หญิงได้โปรดไว้ใจเราด้วยเถอะนะครับ!”
หมอแค่อธิบายสภาพทั่วไปก่อน และบอกให้ครอบครัวของผู้ป่วยทราบ จากนั้นขอความเห็นชอบจากสมาชิกในครอบครัวแล้วจึงเริ่มดำเนินการผ่าตัด
แพทย์ในห้องผ่าตัดได้รับการช่วยเหลือกันอย่างขะมักเขม้น ทุกการเคลื่อนไหวส่งผลกระทบจิตใจของผู้คนที่อยู่ด้านนอก
เจี่ยงเวินอี๋ที่ถูกหวางอี้พาไปนั่งที่เก้าอี้นั้น สีหน้าเป็นกังวลพลางถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีใครสังเกตเห็นซูย้าว นับตั้งแต่ตอนที่ฉันรู้ว่าลี่เฉินซีมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ ใบหน้าของเธอก็ซีดเซียว แม้แต่ขาทั้งสอง ต่างก็รู้สึกราวกับกำลังเหยียบอยู่บนฝ้ายอย่างไรอย่างนั้น ความคิดทั้งหมดเป็นไปตามจิตวิญญาณ ราวกับวิญญาณได้หลุดลอยออกไป
เธอหวังว่าคนที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์นั่นควรจะเป็นตัวเธอเอง ไม่ใช่เขา
แต่ในตอนนี้ เธอผู้ไม่เคยเชื่อในสิ่งใดมาก่อน ทำได้เพียงแค่เอาความหวังทั้งหมด ฝากไว้ที่พระเจ้าเท่านั้น
อมิตตาพุทธ ขอใช้ความโชคดีทั้งหมดในชีวิตนี้ แลกมาซึ่งความปลอดภัยของเขา …
เธอคิดเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจ
“คุณป้าคะ เพราะหนูไม่ดีเอง เพราะเฉินซีต้องช่วยหนู เขาถึงได้เป็นเช่นนี้!” น้ำตาของหานฉ่ายหลิงพรั่งพรู เธอนั่งตำหนิตัวเองอยู่ข้างเจี่ยงเวินอี๋
“จะโทษเธอทั้งหมดก็ไม่ได้!” เจี่ยงเวินอี๋เอ่ยขึ้น “ลูกของป้า ป้ารู้ดี เขาไม่มีทางหนีไปโดยไม่คิดถึงคนรอบข้างหรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…”
เจี่ยงเวินอี๋หยุดไปชั่วขณะ พลางเงยหน้ามองไปทางหานฉ่ายหลิง เธอถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เมื่อคนๆนั้นเป็นหนู!เขาไม่มีทางยอมให้หนูเกิดอุบัติเหตุเด็ดขาด…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานฉ่ายหลิงก็ร้องไห้ออกมากขึ้นพลางส่ายหน้า “หนูขอเป็นคนที่ประสบอุบัติเหตุแทนที่จะเป็นเขา! คุณป้า หนูขอโทษ ขอโทษจริงๆนะคะ ทุกอย่างคือความผิดของหนู…”
“มันไม่ใช่ความผิดของหนู แต่เป็นของคนร้าย วางใจเถอะ รอให้เฉินซีอาการดีขึ้นก่อน แล้วป้าจะจัดการกับทุกอย่างของบริษัทลี่ซื่อ และลากคอคนร้ายตัวจริงมารับโทษให้ได้!” เจี่ยงเวินอี๋กัดฟันพูด สายตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ทันใดนั้น เธอกำชับให้เลขาหลี่และหวางอี้ตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมด กู้ซากรถที่ระเบิด พยายามกู้เครื่องบันทึกภายในรถ ตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยทั้งหมดทั้งภายในและภายนอกโรงแรมอย่างละเอียด
“พวกเธอต้องร่วมมือกับตำรวจเพื่อตามหาคนร้ายให้เจอโดยเร็วที่สุด!”
หวางอี้และเลขาหลี่พยักหน้า “ครับ นายหญิง!”
การผ่าตัดใช้เวลานานกว่าสี่ชั่วโมง ตั้งแต่กลางคืนถึงรุ่งสาง การรอคอยที่เนิ่นนาน ซูย้าวรับรู้ได้ถึงทุกนาที ทุกวินาทีที่เวลาเดินผ่านไป แต่ในช่วงเวลาที่ยาวนานนี้ หัวใจของตัวเองนั้นกลับถูกความเศร้าโศกกัดกร่อนไปเรื่อยๆ
ในหัวของเธอว่างเปล่า ไม่กล้าจินตนาการว่าระหว่างที่เกิดอุบัติเหตุนั้น เขาต้องพบเจอกับความเจ็บปวดมากแค่ไหน…
ในที่สุด ไฟสีแดงก็ดับ คุณหมอผลักประตูออกมา
“การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีครับ ประธานลี่ไม่เป็นอะไรแล้วครับ แต่ยังไม่นับว่าพ้นขีดอันตราย ยังต้องเฝ้าดูอาการในห้อง ICU อยู่ครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ราวกับว่าทุกคนได้ผ่านหนทางแห่งหายนะมาแล้ว จนในที่สุดก็ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ช่วงเวลาต่อมา มีทั้งคนที่ต้องรับการดูแลและคนที่ต้องเฝ้าไข้ โดยผู้ช่วยลี่ได้พาเจี่ยงเวินอี๋ส่งกลับเพื่อพักผ่อนชั่วคราว ส่วนซูย้าวยังคงอยู่ที่โรงพยาบาล
หานฉ่ายหลิงยืนกรานที่จะไม่ออกไปและยืนยันที่จะอยู่เคียงข้างลี่เฉินซี
หลังจากได้ผ่านช่วงเวลาความเป็นความตายเมื่อครู่นี้ สำหรับเธอในตอนนี้ เธอไม่สนคำพูดหรือสายตาใดอีกต่อไป สิ่งเดียวที่เธอสนคือชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับอยู่ในห้อง ICU เท่านั้น
ทุกคนต่างแยกย้ายกันไป ที่ทางเดินยาว เหลือเพียงหานฉ่ายหลิงและซูย้าวสองคน กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทางเดิน โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
เวลาผ่านไปนานเนิ่น หานฉ่ายหลิงลังเลอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะทำลายความเงียบและพูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง “เพื่อช่วยฉัน เฉินซีถึงได้เป็นแบบนี้… ”
ซูย้าวที่ได้ฟัง ก็ค่อยๆลดศีรษะลงต่ำ
“ตอนนั้น ฉันคิดว่าตัวเองกำลังจะตายแล้วจริงๆ รถพังยับเยิน จะตกหน้าผาเมื่อไหร่ก็ได้ ทุกๆที่มีกลิ่นน้ำมันเบนซินและไฟ เหมือนจะระเบิดในไม่ช้า ไม่ว่าจะฝังอยู่ที่ก้นทะเล หรือถูกระเบิดตายทั้งเป็น ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางรอด แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมา!”
“เขามาช่วยฉันโดยไม่ได้คิดถึงตัวเองเลย ซูย้าว ก่อนหน้านี้ฉันชอบเขา ความรู้สึกที่มีให้เขามานานหลายปีฉันไม่เคยลืม หลังจากที่เกิดเรื่อง ฉันก็ยิ่งรักเขา ขอโทษนะ ฉัน…ไม่อยากจากเขาไปอีกแล้ว!”
หานฉ่ายหลิงก้มหน้า ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองซูย้าว เธอใช้ช่วงเวลาในโอกาสนี้ พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด
เพราะหานฉ่ายหลิงรู้ดีว่า หากพลาดโอกาสในตอนนี้ไป บางทีคำพูดเหล่านี้ อาจได้แต่หลบซ่อนอยู่ในใจของเธอไปตลอดกาลโดยไม่มีโอกาสได้พูดมันออกไป