เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 132
บทที่ 132 ร่าน
ซูย้าวพาเด็กน้อยไปตามหาแม่ แต่กลัวว่าเด็กน้อยจะร้องไห้งอแง จึงได้หยุดที่ตู้ขายของอัตโนมัติเพื่อซื้อขนมให้กับเด็กน้อย
ระเบียงทางเดินขนาดใหญ่ เธอเงยหน้ามองไปไกลๆ เห็นซูหยวน คิ้วก็ขมวดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
เดิมทีอยากจะเดินอ้อมเพื่อหลบไป แต่ซูหยวนกลับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แล้วก็เดินตามมา
“อย่างน้อยๆก็เป็นพี่น้องกัน พอเห็นฉันอย่างกับหนูที่เจอแมวอย่างนั้นแหละ จะหลบทำไมนักหนา”
ซูหยวนเป็นคนชอบบังคับกดขี่ ไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจ น้ำเสียงที่แหลมดังมาแต่ไกล ได้ก้องเข้ามาในใบหู
ทันทีที่เสียงเธอพูดขึ้น ซูย้าวกับเด็กน้อยก็หยุดเดินทันที
“อุ๊ย ช่างเป็นแม่พันธุ์ที่ดีจริงๆนะ! ตัวเองคลอดออกมาหนึ่ง แล้วนี่ไปมาจากไหนอีกหนึ่ง” ซูหยวนพูดอย่างไม่ไว้หน้า ขุดคำพูดถากถางขึ้นมาทิ่มแทงจิตใจ
ซูย้าวขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ ดวงตาสวยคมดุขึ้น เหนื่อยหน่ายกับกระทำของพี่สาวคนนี้ ภาพแห่งความทรงจำด้านที่ดีได้ถูกลบออกไปหมด
“ดูเธอซิ ปัญญาเฝ้าคุมผัวก็ไม่มี ในช่วงที่พี่เฉินซีนอนพักอยู่โรงพยาบาล เธอในฐานะเมียของเขา ไม่คอยดูแลอยู่ข้างๆ กลับปล่อยให้คนแซ่หานมาเสนอหน้าแทน! ถ้าหากฉันเป็นผู้ชายนะ ผู้หญิงแบบเธอ ให้ฟรีฉันก็ไม่เอา!”
ซูหยวนที่อดกลั้นความโกรธจากห้องผู้ป่วย ไม่มีที่ให้ระบาย เมื่อเห็นซูย้าวก็ปลดปล่อยความโกรธทั้งหมดออกมาในคราวเดียว
“วันๆเอาแต่โอ๋อยู่กับเด็ก แล้วไปเอาเด็กนี่มาจากไหนอีก ซูย้าว นี่เธอจะทำขายหน้าไปถึงไหน ผู้ชายของตัวเองยังคุมไม่อยู่ เธอล้มเหลวจนทำให้ผู้คนรู้สึกสงสารเธอเลยนะ!”
ซูหยวนเบะปาก ทำเสียง‘ โถๆ ’ใส่อย่างเหยียดหยาม สายตาเย็นชา เต็มไปด้วยการดูถูก
คำพูดที่เย็นชายังคงก้องดังอยู่ในหู แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูย้าวยืนอยู่นิ่งกับเด็กน้อยโดยที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ เพียงแต่จ้องเธอตาเขม็งไม่กะพริบ
สายตาคู่นั้นคล้ายกับแมวน้อยที่กำลังโมโห รูม่านตาประกายลุกโชนด้วยเปลวไฟ ถ้าซูหยวนยังพูดพร่ำเพรื่อต่อไปอีก เธอก็จะตอบโต้ขึ้นทันที
ตั้งแต่เล็กจนโต ซูหยวนเกลียดสายตานี้ของเธอที่สุด ราวกับว่าเป็นฝ่ายถูกข่มเหงรังแก!
“นี่จะสื่อแววตาอะไร ถึงอย่างไรฉันก็เป็นพี่สาวของเธอ จะให้ความเคารพต่อพี่สาวหน่อยไม่ได้เลยหรือไง”
ซูหยวนเดินมาข้างหน้าด้วยความโกรธ กำลังที่จะง้างมือขึ้นเพื่อสั่งสอนซูย้าว ก็มีเสียงใสนุ่มนวลของหญิงสาวคนหนึ่งขัดขึ้น
“คุณน้า นิสัยไม่ดี!” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นจ้องแล้วพูดกับซูหยวน
เธอตกใจชะงัก “นี่เธอ…..เธอพูดว่าอะไร”
ไม่น่าเชื่อว่าเด็กน้อยที่อายุเพียงไม่กี่ขวบ จะสามารถพูดคำแบบนี้ออกมาได้ อีกทั้งพูดกับคนแปลกหน้าด้วย
เมื่อเทียบกับอาการตกใจของซูหยวน ซูย้าวรู้สึกว่าเด็กน้อยคนนี้ช่างฉลาดนัก ก้มลงไปลูบหัวของเธอแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“เธอรังแกพี่สาวคนนี้ เธอเป็นคนไม่ดี!” เด็กน้อยทวงความยุติธรรมให้กับซูย้าว
สักพัก เด็กน้อยก็ดึงซูย้าวมาพูดด้วย “พี่สาว พวกเราไปกันเถอะ ไม่ต้องไปสนใจเธอ!”
ซูย้าวพยักหน้า จูงมือที่นุ่มนิ่มของเด็กน้อยแล้วกำลังจะหันหลังไป ซูหยวนที่ยืนอึ้งอยู่กับที่ ก็ได้สติขึ้น จึงรีบเข้าไปขัดขวางไว้——
“เอาเด็กคนนี้มาจากไหน อายุแค่นี้ไม่รู้จักเรียนรู้ในสิ่งที่ดี พูดบ้าบอ ซูย้าวนี่เธอตั้งใจใช่ไหม ไปท้องกับใครถึงคลอดเด็กเวรเช่นนี้ออกมา”
ซูหยวนพูดจาก้าวร้าว อีกทั้งยังโกรธจนขึ้นหน้า เหมือนกับว่าไม่ยอมจบง่ายๆ
“เด็กเวรอะไรกัน”
เสียงของชายคนหนึ่งที่ดังมาจากด้านหลังได้ขัดจังหวะคำพูดของซูหยวนขึ้น
ทั้งสองคนต่างอึ้งตกใจ ที่เห็นโอวหยางเช่อเดินมาจากด้านหลัง ในมือถือถุงเล็กๆใบหนึ่ง ด้านในมียาจีนที่่เตรียมไว้ให้กับซูย้าว
สายตาของเขาเหลือบเห็นเด็กน้อยพอดี และเด็กน้อยก็เห็นเขาเช่นกัน ทำให้ซูย้าวถึงกับอึ้งหนักมากขึ้น เมื่อเห็นเด็กน้อยกระโดดเข้าไปหาโอวหยางเช่อ แล้วพูดขึ้นว่า “คุณลุง!”
โอวหยางเช่อก็อุ้มเธอขึ้นอย่างเป็นกันเอง “โยวโยว ทำไมหนูถึงมาอยู่ตรงนี้จ๊ะ แล้วแม่ของหนู่ล่ะ”
“แม่ไม่เห็นแล้วค่ะ! หนูเดินหลง!” หนูน้อยโยวโยวพูดขึ้น
โอวหยางเช่อบี้จมูกน้อยๆของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงหยอกเล่นว่า “ต้องเป็นเพราะหนูซนแน่ๆเลย เดี๋ยวช่วยหนูหาคุณแม่ดีไหม”
“ดีค่ะ!” โยวโยวพยักหน้า
โอวหยางเช่อมอบหมายให้นางพยาบาลดูแลเด็กน้อยชั่วคราว ก่อนที่หนูน้อยโยวโยวจะจากไป ยังมีการดึงมือของซูย้าวขึ้น เมื่อเธอนั่งลงยองๆ เด็กน้อยก็ได้ก้าวเท้าเข้าไปหอมที่แก้มของเธอ “พี่สาว พี่ช่างดีจังเลย!”
ซูย้าวตะลึง แต่ว่าในใจนั้นรู้สึกอบอุ่น
เมื่อเด็กน้อยจากไปแล้ว ใบหน้าที่อบอุ่นของโอวหยางเช่อเมื่อสักครู่ ได้กวาดสายตามามองซูหยวนอย่างเย็นชา “ซูหยวน อยู่ดีไม่ว่าดี มาบอกหลานของผมเป็นเด็กเวรทำไม โยวโยวไปทำอะไรให้คุณมิทราบ”
“เอ่อ…..”
ซูหยวนแก้ตัวด้วยเหตุผลต่างๆนานา เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเด็กน้อยคนนี้เป็นหลานของโอวหยางเช่อ!
“คุณเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โรคที่ทำร้ายคนด้วยคำพูด เมื่อไหร่จะแก้ไขได้สักที!” โอวหยางเช่อขมวดคิ้ว
พวกเขาต่างรู้จักกันมานาน รู้จักกันตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์นี้ จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก
ซูหยวนไม่พอใจที่ถูกตำหนิติสอน ยิ่งโมโหเพราะรู้สึกอาย แต่ไม่รู้ว่าจะโต้ตอบกลับไปอย่างไรดี จึงกัดริมฝีปากล่างด้วยความโกรธและอัดอั้น
โอวหยางเช่อทำเพิกเฉยไม่สนใจเธอ แล้วหันหลังไปยื่นยาจีนที่อยู่ในมือให้กับซูย้าว “นี่ครับ ยาจีน ได้ตุ๋นไว้เสร็จแล้ว เอากลับไปใส่ไว้ที่ตู้เย็น ทานวันละสองครั้ง ก่อนทานจะต้องอุ่นก่อนนะครับ”
ซูย้าวก้มลงมองดูยาในถุง แต่ละถุงถูกมัดไว้อย่างดี เป็นระเบียบและที่สำคัญคือสะดวกสบาย
ดูเหมือนกับยาจีนของหลินโม่ป่ายมอบให้เธอเมื่อครั้งก่อน
“ทานอย่างต่อเนื่องนะครับ เมื่อยาใกล้จะหมดแล้วก็ส่งข้อความมาให้ผม ผมจัดเตรียมเสร็จแล้วก็จะส่งไปให้คุณ!” โอวหยางเช่อกล่าว
กำชับแบบเรียบๆ แต่ใบหูของซูหยวนฟังแล้วกลับตีความหมายเป็นอย่างอื่น
เธออดไม่ได้ที่จะยกปากขึ้น แล้วพูดเสียดสีอย่างเย็นชา “โอ้โห ดูไม่ออกเลย ซูย้าววาสนาดีจัง! ยั่วยวนหลินโม่ป่ายคนเดียวไม่พอ ตอนนี้ยังจะมายั่วยวนพี่เช่ออีก
ชะงักไปสักพัก เธอจึงจ้องไปทางโอหยางเช่อด้วยความสงสัย “สายตาของผู้ชายอย่างพวกคุณนี่ต่ำขนาดไหนกัน! ถึงเห็นมันอยู่ในสายตาได้! โถๆๆ…..”
คำพูดนี้ทำให้โอวหยางเช่อโกรธมาก
“ซูหยวน แม้ว่าเมื่อก่อนเธอจะค่อนข้างร้าย แต่ก็ไม่ได้น่ารังเกียจเหมือนเช่นตอนนี้! นี่เธอ…..เก่งขึ้นนะ!”
“พี่เช่อ พี่…..”
ซูหยวนอั้นจนหน้าแดง หางตามองแรงจ้องไปทางซูย้าว พูดเชิดใส่ “เหมือนกับแม่เธอไม่มีผิด ร่าน ชอบยั่วยวนผู้ชาย !”
“ซูหยวน!”
โอวหยางเช่อพูดเสียงต่ำขู่ด้วยสายตาเยือกเย็น “เธออย่าลามปามไปมากกว่านี้!”
“พี่เช่อ ซูย้าวแต่งงานแล้วนะ ข้างกายยังมีหลินโม่ป่ายอีกคนที่หลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้น นี่พี่ก็เป็นไปกับเขาด้วยหรอ!” ซูหยวนโกรธมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายถึงต้องไปรายล้อมอยู่แต่ซูย้าว กะอีแค่คนใบ้คนหนึ่ง มีอะไรดีนักหนา!
เธอที่กำลังโมโห ต่อมความโกรธของโอวหยางเช่อก็ถูกเธอกระตุ้นระเบิดออกมา ในเวลานี้ มีตำรวจหลายนายจากหน่วยสืบสวนได้เดินออกมาจากลิฟต์
“ขอโทษนะครับ คุณคือคุณซูหยวนใช่ไหมครับ” ตำรวจนายหนึ่งถามขึ้น
ซูหยวนงุนงง แต่ก็ตอบกลับไป “ค่ะ ฉันเอง ทำไมเหรอคะ”
“ขอเชิญตัวคุณไปกับพวกเราหน่อยครับ พอดีมีคดีอาญาที่ต้องขอความร่วมมือจากคุณ” ตำรวจกล่าว
ซูหยวนมึนงง “คดีอาญา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”
“อย่างนั้นคุณรู้จักกับจางฝูฉายไหมครับ” ตำรวจถามขึ้นอีก
เธอพยักหน้า ประธานจางใครจะไม่รู้จัก ก่อนหน้านั้นเธอยังให้ประธานจางทำมิดีมิร้ายต่อซูย้าวเลย แต่คว้าน้ำเหลว หนำซ้ำตัวเองต้องยังต้องมาพลาดท่าให้อีก
“จางฝูฉายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีจ้างวานฆ่า ตอนนี้ถูกจับกุมแล้ว และเขาก็ได้เปิดเผยข้อมูลของผู้สมรู้ร่วมคิด นั่นก็คือคุณซูหยวนครับ ขอเชิญตัวคุณไปให้ปากคำหน่อยครับ!”
ขณะที่ตำรวจพูดอยู่นั้น ก็ได้มีการขยิบตาให้กับตำรวจที่อยู่ด้านหลัง ทันใดนั้นตำรวจหญิงสองคนก็ก้าวไปข้างหน้าและสวมกุญแจมือใส่มือซูหยวน
จ้องดูกุญแจมือที่อยู่ในมือ ซูหยวนถึงกับมึน “ฉัน…..ฉันไม่รู้เรื่องไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้น! ฉันถูกใส่ร้าย! คุณคิดว่าเขาจะไม่สามารถเจอเหรอ”