เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 14
บทที่ 14 คุณยังนับว่าเป็นผู้ชายอยู่หรือ
แค่สองคำนี้ ทำให้โม่หว่านหว่านที่กำลังมาส์กหน้าดูละครอยู่รีบลุกขึ้นทันที แม้แต่หน้าก็ยังไม่ทันได้ล้าง ลอกที่มาส์กหน้า หยิบเสื้อคลุมแล้วก็วิ่งออกไป
ตอนที่โม่หว่านหว่านมาถึงโรงพยาบาล ซูย้าวได้เข้าไปในห้องคลอดแล้วหนึ่งชั่วโมง
คณบดีจางก็ออกมาพูดว่า “คนท้องได้รับการกระทบกระทั่งอย่างแรง ทำให้คลอดก่อนกำหนด ตำแหน่งเด็กผิดปกติ ตกอยู่ในภาวะคลอดยาก”
เจี่ยงเวินอี๋อึ้ง “อะไรนะ?”
ซัวฉ่ายลี่ที่อยู่ด้านข้างกลับทำหน้าเหมือนดั่งที่คิดไว้ พูดอย่างเรียบเฉยเพียงคำเดียวว่า “งั้นหมอก็จะอยากที่จะถามต่อว่าเก็บผู้ใหญ่หรือเก็บเด็กใช่ไหม”
คณบดีจางมองดูซัวฉ่ายลี่ สายตาสบตากัน ทั้งสองต่างก็รู้แก่ใจกันดีแล้ว
โม่หว่านหว่านมองดูท่าทีของทั้งสองคน แล้วก็เข้าใจขึ้นมาทันที
“หากจำเป็น…” เจี่ยงเวินอี๋คิดไปคิดมา แล้วก็ตัดสินใจ “เก็บเด็ก”
โม่หว่านหว่านตกใจ เกือบด่าคนด้วยคำหยาบ
ล้วนเป็นคนอะไรกัน เห็นได้ชัดว่ากำลังรังแกซูย้าว
เธอรับไม่ได้ และก็ทนรับไม่ได้
แต่ด้วยแรงกำลังของตัวเอง ไม่สามารถที่จะช่วยซูย้าวไว้ได้ ทำไงดี? ทำไงดี….
เดินไปมาอยู่อย่างร้อนใจ แล้วก็มองเห็นร่างสูงใหญ่เดินมาแต่ไกล โม่หว่านหว่านเหมือนดั่งเห็นเส้นทางแสงสว่าง
“หลินโม่ป่าย”
โม่หว่านหว่านก้าวเท้ายาวๆเข้าไปหา เรียกโม่หว่านหว่านไว้ “ช่วยซูย้าว ขอร้อง”
หลินโม่ป่ายเป็นศัลยแพทย์ทรวงอกของที่นี่ เพิ่งทำการผ่าตัดเสร็จ ไม่รู้เรื่องของซูย้าวเลย แต่เมื่อได้ยินชื่อของเธอแล้ว ดวงตาก็เครียดขึ้นมาทันที
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เขาถาม
โม่หว่านหว่านกระซิบข้างหูของเขา เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังด้วยเสียงเบา แล้วก็จับมือหลินโม่ป่ายไว้แน่น “ขอร้องเถอะคุณ หากคุณไม่ช่วย ซูย้าวก็จะตกอยู่ในอันตราย”
“ผมรู้แล้ว”
หลินโม่ป่ายพูดคำเดียว รีบก้าวเท้าเดินเข้าไปยังในห้องคลอด
แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปถึงห้องคลอด ก็ถูกพยาบาลผลักออกมา “คุณหมอหลิน นี่เป็นห้องคลอด ท่านก็ไม่ใช่หมอสูติ ท่านจะเข้ามาทำไม?”
“ผม…”
ทันใดนั้นหลินโม่ป่ายถูกถามจนพูดไม่ออก
ในขณะเดียวกัน พยาบาลก็พูดขึ้นอีกว่า “นอกเสียจากเป็นสามีของคนท้อง ไม่อย่างนั้นไม่มีใครสามารถเข้าไปข้างในได้”
พูดเสร็จแล้วก็ปิดประตูหลินโม่ป่ายยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก ถึงแม้จะร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ซูหยวนก็พูดอยู่ด้านข้างว่า “พี่โม่ป่าย ถึงแม้คุณจะเป็นคู่หมั้นเดิมของน้องสาว แต่ในห้องคลอดแบบนี้ คุณก็ไม่ควรที่จะบุกเข้าไปนะ”
“ใช่ โม่ป่าย คุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับซูย้าวแต่แรกแล้ว อย่าคิดที่จะเข้ามาวุ่นวายเรื่องภายในครอบครัวของพวกเราเลย ดีไหม” ซัวฉ่ายลี่ก็พูดเสริมขึ้น
หลินโม่ป่ายอึดอัดใจมาก สีหน้าเคร่งเครียด
โม่หว่านหว่านเข้าไปลากเขาออกมา พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “หลินโม่ป่าย เมื่อกี้คณบดีจางพูดว่าซูย้าวคลอดยาก ฉันมีสำเนาบันทึกของเธอในระหว่างการตรวจร่างกายแต่ละครั้ง คุณเป็นหมอ คุณไปช่วยดูหน่อย”
เธอมีความรู้สึกว่าซัวฉ่ายลี่กับคณบดีจางต้องร่วมมือ สมคบกัน
เอาสำเนาทั้งหมดให้กับหลินโม่ป่ายแล้ว โม่หว่านหว่านก็พูดสั่งอีกว่า “ก่อนที่ฉันยังไม่กลับมา คุณห้ามไปจากที่นี่เด็ดขาด รอฉันโทรมา”
พูดเสร็จ โม่หว่านหว่านก็รีบวิ่งลงไปจากตึกอย่างรวดเร็วที่สุด
เป็นไปเหมือนอย่างที่โม่หว่านหว่านคาดเดา ภายในห้องฉุกเฉินตึกด้านล่าง เจอลี่เฉินซีอยู่ที่นั่น
หานฉ่ายหลิงได้รับการรักษาอย่างครบถ้วนแล้ว ตามร่างกายมีบาดแผลอยู่หลายที่ บนหัวก็ติดพาสเตอร์ติดแผลไว้ นอนอยู่บนเตียงยังอ่อนแรง สีหน้าซีดเซียว
ลี่เฉินซีเป็นห่วงเป็นใยอยู่ด้านข้างเตียง จับมือของเธอไว้ ช่างเป็นภาพที่สวยงาม กลับถูกขัดจังหวะด้วยการเตะประตูเสียงดัง
โม่หว่านหว่านเตะเปิดประตูออกด้วยความโกรธอย่างที่สุด บุกเข้าไปด้วยท่าทีที่น่ากลัว
“ลี่เฉินซี นี่มันเวลาไหนแล้ว คุณยังอยู่ที่นี่”
ดุด่าว่ากล่าว โม่หว่านหว่านโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่สนใจอะไรมากมายแล้ว “เมียของคุณกำลังคลอดลูกอยู่ข้างบน คุณเป็นห่วงเป็นใหญ่ผู้หญิงคนอื่นอยู่ที่นี่ทำไม?”
“……”
“คุณรู้ไหม ซัวฉ่ายลี่กับซูหยวนร่วมมือกับหมอคิดจะเอาชีวิตของเมียคุณ แล้วค่อยให้ซูหยวนแต่งงานกับคุณ เป็นแม่เลี้ยงของลูกคุณ”
“ลี่เฉินซี เธอเป็นเมียของคุณนะ ลูกในท้องของซูย้าว เป็นของเธอคนเดียวหรือ? หากคุณไม่แตะต้องเธอ เธอจะท้องไหม?”
โม่หว่านหว่านโกรธอย่างที่สุดแล้วจริงๆ ทุกคำทุกประโยคเหมือนดังกระสุนปืน เหมือนเป็นการทิ้งระเบิดอย่างกะทันหัน
สีหน้าของลี่เฉินซีเงียบแล้วเงียบอีก ในหัวปรากฏภาพตอนที่เขาอุ้มหานฉ่ายหลิงออกมา ซูย้าว ก็ล้มอยู่บนพื้น อีกอย่าง ตอนนั้นเหมือนเขาก็ผลักเธอไปหนึ่งที…..
ทันใดนั้น ไม่รอให้โม่หว่านหว่านพูดอีก ผู้ชายรีบลุกขึ้นยืน ร่างกายสูงใหญ่พุ่งออกไปจากห้องผู้ป่วยเหมือนดั่งพายุ
หานฉ่ายหลิงมองดูโม่หว่านหว่าน พยายามลุกขึ้นนั่ง “คุณซูเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันไม่บอกคุณหรอก”
โม่หว่านหว่านกำลังร้อนใจ มีเวลาที่จะมันนั่งอธิบายได้ที่ไหน ทิ้งไว้เพียงคำเดียว แล้วก็รีบวิ่งออกไป
ตอนที่คุณหมอออกมาอีกครั้ง ในมือถือหนังสือยินยอมอะไรสักอย่าง “คนท้องคลอดยากมีเลือดตกมาก ตกลงจะเก็บผู้ใหญ่หรือเก็บเด็ก? ต้องมีญาติเซ็นชื่อยินยอมด้วย”
เจี่ยงเวินอี๋กัดฟัน “เก็บเด็ก”
“ใครพูด?”
เสียงทุ้มต่ำและเย็นชาของลี่เฉินซีดังขึ้น น่ากลัวไปทั้งตัว ท่าทีกดดัน เยือกเย็นไปทั้งตัว
โม่หว่านหว่านตามมาอยู่ด้านหลังเขา เหมือนดั่งผู้ติดตามตัวน้อย
เจี่ยงเวินอี๋เห็นเขาแล้วก็อึ้ง “เฉินซี เด็กสำคัญที่สุด ส่วนซูย้าว…ตระกูลลี่ของเราจะปฏิบัติต่อเธออย่างดี”
“ปฏิบัติอย่างดียังไง?” เขาถามกลับ แล้วก็แย่งหนังสือยินยอมในมือหมอมา
“ขอเพียงเด็กปลอดภัย สามารถช่วยชีวิตได้ก็ช่วย หากไม่ได้แล้วจริงๆ งั้นก็จะจัดงานศพให้อย่างยิ่งใหญ่ ไม่ว่ายังไง ก็เป็นแม่ของหลานของฉัน” เจี่ยงเวินอี๋พูด
โม่หว่านหว่านโกรธจัด พูดตอบกลับทันทีว่า “ช่างสมกับที่เป็นแม่สามีจริงๆ หากซูย้าวเป็นลูกสาวของคุณ คุณจะยังทำแบบนี้ได้ลงคอไหม?”
“ถึงแม้แม่แท้ๆของซูย้าวจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่พวกคุณก็ไม่ควรที่จะรังแกคนอื่นแบบนี้”
โม่หว่านหว่านโกรธแล้วจริงๆ พูดเถียงเจี่ยงเวินอี๋ด้วยความโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟ
“เจ้าเด็กนี่ พูดอะไรแบบนี้”
เจี่ยงเวินอี๋โมโหยิ่งกว่าเดิม โม่หว่านหว่านรีบหลบไปอยู่ด้านหลังลี่เฉินซี อย่างขอหลบภัย
ลี่เฉินซีขี้เกียจสนใจเธอ แต่ดวงตาเย็นชากวาดมองไป เจี่ยงเวินอี๋ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
หลินโม่ป่ายเฝ้าอยู่ด้านข้างตลอด มองดูภาพนี้ ด้วยคิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลา “ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือซูย้าว ไม่ใช่เด็ก”
“ใช่ พูดได้ถูกต้องที่สุด” โม่หว่านหว่านก็พูดเสริมขึ้น
สายตาคมเฉียบของลี่เฉินซีมองดูหลินโม่ป่าย เรื่องที่เขาเคยเป็นคู่หมั้นของซูย้าว เขาก็รู้ดี
คิดไม่ถึงว่าในเวลาแบบนี้หลินโม่ป่ายก็มาด้วย
“หึ” ลี่เฉินซีหัวเราะ เสียงต่ำและเย็นชาก็พูดออกมาว่า “ซูย้าวเป็นภรรยาของผม ลูกในท้องก็เป็นลูกของผม ไม่ว่าจะเก็บผู้ใหญ่หรือเก็บเด็ก ล้วนเป็นผมตัดสินใจ”
“ในเมื่อคุณยังรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของคุณ ก็ปกป้องเธอให้ดี ลี่เฉินซี แม้แต่ผู้หญิงของตัวเองยังปกป้องได้ไม่ดี คุณก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว”
เดิมหลินโม่ป่ายก็โกรธอยู่แล้ว ตอนนี้เพื่อซูย้าว จึงใช้วิธีพูดเหน็บแนม
ลี่เฉินซีเม้นริมฝีปาก ดวงตาเฉียบคมมองผ่านใบหน้าของหลินโม่ป่าย พูดกับคุณหมอว่า “ไปจัดการ ผมจะเข้าห้องคลอด”
“นี่…” สายตาของหมอสั่นไหว เห็นได้ชัดว่าขาดความมั่นใจ
“ทำไม? หรือจะให้ผมเรียกผู้อำนวยการโรงพยาบาลมา?” สีหน้าลี่เฉินซีเคร่งเครียด ขมับเต้นกระตุก
มีคนคิดที่จะทำให้ผู้หญิงของเขาตาย? หึ ช่างกล้ามากไปแล้วจริงๆ
ไม่ว่าซูย้าวจะเป็นคนยังไง และก็ไม่สนว่าเธอจะพิการเป็นใบ้หรือเปล่า ก่อนอื่น เธอก็เป็นภรรยาของเขา
กล้าแตะต้องคนของเขา ไม่อยากมีชีวิตแล้วจริงๆใช่ไหม
สักพัก ลี่เฉินซีเปลี่ยนใส่ชุดปลอดเชื้อ ก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องคลอด
ซูย้าวแทบจะหมดแรงแล้ว นอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนล้า ขาทั้งคู่วางอยู่ที่สูง มีผ้าสีน้ำเงินคลุมตัวไว้ คณบดีจางกับพยาบาลผู้ช่วยยืนสั่งอยู่ด้านข้าง ให้เธอหายใจเข้าลึกๆแล้วก็ออกแรง
เหงื่อไหลท่วมร่างกายเธอเปียกไปทั้งตัว หายใจอยู่อย่างอ่อนแรง