เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 155
บทที่ 155 ใครบอกว่าผมทิ้งเธอ
ณ ภัตตาคารอาหารจีนระดับสูง ลี่เฉินซีกับซูย้าวได้ที่นั่งริมหน้าต่าง เพิ่งนั่งลงได้ไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา
เป็นสายจากหวางอี้ โทรมาเพราะเรื่องที่บริษัท
เขาคุยโทรศัพท์ไปพร้อมๆกับบอกให้พนักงานเอาเมนูให้ซูย้าวสั่งอาหาร
ซูย้าวเปิดดูเมนูช้าๆ เธอไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เลยไม่ค่อยรีบ
เมื่อเขาคุยโทรศัพท์เสร็จ เธอถึงได้ใช้ภาษามือบอกไปว่า “ฉันรู้ว่าคุณยุ่ง ฉันเองก็ไม่ค่อยหิว ให้ฉันกลับไปก่อนไหม”
ลี่เฉินซีมองมาที่เธอ สายตาทอแววลุ่มลึก “ดูไม่ออกเลยนะเนี่ยว่าคุณจะรู้เรื่องรู้ราวกับเขาด้วย”
“………”
เธอรู้ทุกเรื่องมาตลอดนั่นแหละ!
พนักงานยังยืนรออยู่ข้างๆ เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “สั่งเถอะ! คุณไม่หิวแต่ผมหิว!”
เมื่อเขาพูดมาแบบนี้ ซูย้าวจึงเริ่มสั่งอาหาร ตอนแรกว่าจะให้เขาสั่งเอง แต่โทรศัพท์ของเขากลับดังขึ้นมาอีกครั้ง จนต้องปลีกตัวออกไปรับ
ในตอนที่เขาเดินกลับมาจากคุยโทรศัพท์ อาหารก็มาเสิร์ฟครบแล้ว
เมื่อเขาเห็นบางเมนูบนโต๊ะ ก็นั่งลงพร้อมกับขมวดคิ้ว ผ่านไปนานถึงได้เอ่ยขึ้นมาว่า “ของโปรดคุณหมดเลยเหรอ?”
เธอย้อนถามด้วยภาษามือ “ทำไม?”
เขาส่ายหน้า “ไม่มีอะไร กินเถอะ!”
เมื่อได้ยินเขาพูดมาอย่างนี้ เธอถึงได้หยิบตะเกียบขึ้นมา ทว่าดวงตาลึกล้ำของลี่เฉินซีเอาแต่ไล่มองผู้หญิงตรงหน้าขึ้นๆลงๆ เธอผอมมาก อีกนิดเดียวก็เหลือแค่กระดูกแล้ว แถมยังกินแต่อะไรจืดชืดอีก แม้แต่เนื้อสักชิ้นยังหาไม่เจอ……….
เพิ่งกินเข้าไปได้ไม่ทันไร โทรศัพท์ของเขาก็ส่งเสียงขึ้นมาอีกหน
ลี่เฉินซีจึงออกไปรับโทรศัพท์ เลยเหลือแค่ซูย้าวนั่งกินข้าวอยู่บนโต๊ะคนเดียวเงียบๆ
ไม่ทันได้รู้ตัว พนักงานก็นำไวน์แดงมาเสิร์ฟ จากนั้นก็รินใส่แก้วที่วางอยู่ข้างๆให้เธอ ซูย้าวรีบส่ายหน้า ใช้ภาษามืออธิบายว่าไม่ได้สั่งไวน์มา น่าจะเสิร์ฟผิดโต๊ะ
พนักงานไม่เข้าใจภาษามือ จึงเกิดอาการรนขึ้นมาชั่วขณะ บวกกับมือถือขวดไม่มั่นคง ขวดไวน์จึงตกลงสู่พื้นจนเกิดเสียงดัง “เพล้ง” จากนั้นไวน์แดงจำนวนมากจึงสาดกระเซ็นมาโดนตัวของซูย้าว
เธอลุกขึ้นอย่างตกใจ แต่เพราะติดตรงที่ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้คำพูดแม้แต่ประโยคเดียวจึงไม่หลุดออกมาจากปากของเธอ
ในขณะที่พนักงานเช็ดทำความสะอาดให้เธอพร้อมกับกล่าวขอโทษ รอบข้างก็เริ่มมีเสียงพูดคุยถกเถียงกันขึ้นมา——
“เป็นใบ้จริงๆด้วย! น่าสงสาร พูดก็ไม่ได้!”
“ก็ไม่แปลกใจที่ประธานลี่จะไม่ชอบ ถ้าเป็นฉัน ฉันก็จะเลือกหานฉ่ายหลิงนะ! ใครจะอยากได้คนใบ้กันล่ะ?”
“ถึงจะเป็นใบ้ แต่ก็หน้าตาดีมากเลยนะ! ดูหุ่นสิ ไหนจะผิวอีก ขาวชะมัด!”
สายตาที่ถูกส่งมาจากคนรอบข้างแทบจะเป็นไปในทางเดียวกันหนักไปกว่านั้นก็คือ มีคนเดินเข้ามาถามว่า “คุณคือคุณซูย้าวเข้าใช่ไหม?”
เธอหลุบตาลงอย่างเงอะงะ ไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปยังไง
“อย่าเครียดสิ! ผมก็แค่อยากมาบอกว่าคุณซูย้าวหน้าตาสวยมาก ปกติแล้วบำรุงผิวยังไงเหรอ? ผิวคุณมัน…….” ขณะที่พูด ชายหนุ่มก็จับข้อมือของซูย้าวโดยตรง
เธออยากหลบไปจากตรงนี้ แต่กลับถูกผู้ชายตรงหน้าจับไว้แน่นกว่าเดิม “อย่าเพิ่งไปสิ! ผมไม่ได้มีเจตนาอื่นนะ!”
ชายหนุ่มเอียงตัวแล้วนั่งลงตรงหน้าเธอ ยึดครองที่นั่งของลี่เฉินซีเอาไว้ จากนั้นก็มองมาที่เธอแล้วพูดว่า “ถึงคุณซูย้าวจะเป็นใบ้ เทียบคุณหานไม่ได้ แล้วก็ไม่คู่ควรกับประธานลี่ แต่ไม่เป็นไรนะครับ! มาคู่กับคนอื่นก็ได้!”
“ลองพิจารณาดูไหมครับ? มีลูกแล้วก็ไม่เป็นอะไร ผมชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว อร่อยดี!”
ชายหนุ่มดื่มมาพอสมควร ดังนั้นจึงไม่รู้จักแยกแยะการกระทำและคำพูด เขายื้อยุดข้อมือของซูย้าวไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
คำพูดที่พูดออกมาจากปากยิ่งสถุลลงเรื่อง ซูย้าวไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป เธอดิ้นขัดขืนด้วยความโกรธเจือปนไปด้วยความรู้สึกขายหน้า เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธการ แต่ชายตรงหน้ากลับออกแรงมากกว่าเดิม “อยู่นิ่งๆสิ! เอาคนใบ้อย่างเธอมันจะไปต่างอะไรกับเอาปลาตาย ไม่แปลกใจเลยที่ประธานลี่ทิ้งเธอไป!”
“ใครบอกว่าผมทิ้งเธอ?”
เสียงเรียบนิ่งของชายหนุ่ม ดังสะท้อนเข้ามาในหูของผู้ชายคนนั้น
เมื่อซูย้าวเงยหน้าไปเห็นลี่เฉินซีก็ยิ่งดิ้นขัดขืนแรงขึ้น
ผู้ชายคนนั้นเองก็ชะงักไปเหมือนกัน หลงลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองทำอะไรลงไป ได้แค่นั่งอยู่ที่เดิมแล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า “คุณ……คุณคือประธานลี่?”
ลี่เฉินซีเดินเข้ามา นัยน์ตาอึมครึมเหลือบมองมือของผู้ชายคนนั้นที่ยังจับข้อมือของซูย้าวเอาไว้ จากนั้นก็เอ่ยเสียงเย็นขึ้นมาว่า “ปล่อยมือซะ!”
รังสีน่าเกรงขาม ชวนให้หวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มคนนั้นพลันไหวสะท้าน จึงรีบปล่อยมือโดยอัตโนมัติ
กว่าซูย้าวจะดิ้นหลุดออกมา เธอจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ทว่าสีหน้าเย็นยะเยือกของลี่เฉินซียังคงไม่เปลี่ยนไป สายตาจ้องผู้ชายคนนั้นอย่างถมึงทึง จากนั้นก็ถามย้ำคำที่เพิ่งถามออกไปก่อนหน้าว่า “ใครบอกว่าผมทิ้งเธอ?”
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าต้องตอบยังไง จึงก้มหน้าลงอย่างอึดอัด
“พูดให้มันดีๆ เธอคือภรรยาของผมไม่ว่าเธอจะพูดได้หรือพูดไม่ได้ หรือต่อให้เธอจะพิการ เธอก็ยังเป็นผู้หญิงของผม ไม่สมควรมีคำพูดเดียดฉันท์ใดๆทั้งสิ้น!”
พูดจบ ผู้ชายคนนั้นก็รู้ตัวในทันทีว่าเล่นผิดคน จึงรีบเอ่ยขอโทษอย่างร้อนรน ผู้จัดการร้านและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามมาที่ห้อง จากนั้นก็นำตัวผู้ชายคนนั้นออกไป
“ประธานลี่ คุณผู้หญิงลี่ ขอโทษด้วยนะครับ! ผมจัดการดูแลสะเพร่าเอง มันคือความผิดของผม!” ผู้จัดการโค้งคำนับกล่าวขอโทษ
ลี่เฉินซีกลับไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้น จับมือของซูย้าว แล้วก้าวเดินออกไปจากร้านทันที
จนขึ้นมานั่งบนรถ ผู้จัดการร้านก็ยังตามออกมาขอโทษ
เมื่อเห็นรถของพวกเขาแล่นออกไป ผู้จัดการก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา ไม่รู้หรือไงว่าไม่ควรไปยุ่งกับลีเฉินซี? ครั้งนี้จบเห่แล้วจริงๆ!
ตอนแรกซูย้าวนึกว่าเขาจะขับกลับบ้านตระกูลลี่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะขับอ้อมรอบๆเมือง แล้วขับมาจอดที่ร้านอาหารทะเล
“เมื่อกี้ยังกินไม่เสร็จเลย ชดเชยให้สักมื้อก็แล้วกัน!” เขาพูดพร้อมกับดึงมือเธอลงจากรถ
อาจเพราะกำลังหัวร้อนอยู่ ดังนั้นไม่ว่าโทรศัพท์จะส่งเสียงขนาดไหน เขาก็ไม่ชายตามองเลย รำคาญเข้าหน่อย ก็กดปิดเสียง
คราวนี้ลี่เฉินซีเป็นคนสั่งอาหารเอง เขาสั่งอาหารทะเลที่ขึ้นป้ายแนะนำมาทั้งหมด
จนอาหารกองพูนอยู่บนโต๊ะ
เมื่อซูย้าวเห็นอาหารทะเลตรงหน้า ก็อึ้งไปชั่วขณะ เธอกำลังคำนวณว่าสองคนจะกินหมดไหม?
รู้สึกสิ้นเปลืองสิ้นดี
แต่เหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอและเขาได้ออกมากินข้าวด้วยกันโดยไร้ซึ่งเหตุผลและข้ออ้าง เหมือนเป็นเดทของพวกเขาครั้งแรก
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าขาวใสก็แดงระเรื่อ
เธอเหม่อลอยอยู่ชั่วครู่ ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าลี่เฉินซีใส่ถุงมือแกะกุ้งจนเต็มจาน แล้วนำมาวางไว้ตรงหน้าเธอ พร้อมกับราดน้ำจิ้มให้เธอ เพื่อให้เธอกินก่อน เขาถึงได้กลับไปแกะกุ้งต่อ
การกระทำเล็กๆน้อยๆ ค่อยๆละลายความน้ำแข็งในใจของเธอ
“ทำไมไม่กิน?”
เขาแกะอยู่ตั้งนาน เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าเธอยังไม่กินเข้าไปสักคำ
ซูย้าวมองกุ้งที่วางอยู่ตรงหน้า ทุกตัวล้วนแล้วแต่ถูกเขาแกะเองกับมือ ความใส่ใจเล็กๆน้อยๆ ทำให้เธอรู้สึก…..ดีใจ
อืม มันคือความรู้สึกนี้แหละ
แต่ลี่เฉินซีกลับมองมาที่เธอแล้วพูดว่า “ไม่อร่อยเหรอ?”
เขาหยิบกุ้งขึ้นมาจิ้มน้ำจิ้มแล้วกินเข้าไปคำหนึ่ง “รสชาติก็โอเคนี่!”
เมื่อเห็นท่าทางไม่ค่อยแน่ใจของเขา ซูย้าวก็หลุดยิ้มออกมา จากนั้นก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบกิน
ซูย้าวยิ้มออกมาแล้วดูดีมาก รอยยิ้มบางๆที่หวานละมุนและอบอุ่น มันทั้งอ่อนโยน ทั้งชวนหลงใหล
เหมือนครั้งแรกในความทรงจำ
แค่เขาเห็นเธอยิ้ม ก็ยิ้มแล้ว
ในตอนนี้เอง หน้าจอโทรศัพท์ที่เขาวางไว้บนโต๊ะพลันสว่างวาบ จากนั้นก็ปรากฏชื่อของหานฉ่ายหลิงขึ้นมา
บริเวณด้านนอก ในรถคันสีดำที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม หญิงสาวจ้องมองภาพเหตุการณ์บนโต๊ะริมหน้าต่าง นิ้วมือเรียวยาวค่อยๆกำเข้าหากันช้าๆ
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก แต่กลับได้รับสัญญาณรอสาย รอบแล้วรอบเล่า…..