เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 157
บทที่ 157 พาคุณไปคนเดียว
“ฉันไม่ใช่คนพูดพร่ำไปทั่วนะ พวกข่าวลือระหว่างพี่เฉินซีกับหานฉ่ายหลิงน่ะ ถึงแกจะเป็นใบ้ แต่แกก็ไม่ได้หูหนวกตาบอดนี่ แค่นี้ก็ดูไม่ออกเหรอ?”
ซูหยวนนั่งอยู่ที่เดิม พร้อมกับมองเล็บของตัวเอง จากนั้นก็วางมือขาวใสไว้ข้างตัว ริมฝีปากสีแดง พ่นคำพูดออกมาอีกเป็นชุด——
“เรื่องของพวกเขาสองคนน่ะ ดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง แต่แกทำได้แค่เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน! ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นาน แกคงรักษาตำแหน่งคุณผู้หญิงเอาไว้ไม่ได้หรอก!”
คำพูดของซูหยวนเต็มไปด้วยถ้อยคำถากถาง สายตาก็เต็มไปด้วยแววดูถูก
ความรู้สึกนี้ ทำให้ซูย้าวไม่อาจทนได้อีกต่อไป เธออุ้มลูกชายแสนซนเอาไว้ในอ้อมกอด คิ้วสวยขมวดมุ่น จากนั้นก็ใช้ภามือสื่อสารว่า “มันก็ตรงกับความต้องการของแกไม่ใช่เหรอ?”
ถ้าซูย้าวจำไม่ผิด ซูหยวนอยากให้เธอกับลี่เฉินซีหย่ากันมาตลอด และอยากให้เธอถูกเฉดหัวออกจากตระกูลลี่ด้วย!
เมื่อซูย้าวพูดจี้จุด สีหน้าของซูหยวนก็เปลี่ยนเป็นอึกอัก แต่ปากกลับฝืนพูดออกมาว่า “ตรงกับความตรงการอะไร? ต่อให้เราจะทะเลาะกันยังไง ก็ยังเป็นพี่น้องกันนะ สายสัมพันธ์มันเปลี่ยนไม่ได้หรอก!”
ซูย้าวมองมาที่เธอแล้วใช้ภาษามือพูดว่า “แล้วแกคิดจะช่วยฉันยังไง?”
“เรื่องนี้แกไม่ต้องยุ่ง ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกัน!” ซูหยวนพูด
เธอจึงถามกลับว่า “แล้วถ้าแกช่วยฉันสำเร็จ แกจะได้ประโยชน์อะไร?”
“ก็ได้……”
ยังไม่ทันจะได้พูดออกมา จู่ๆท่าทางของซูหยวนก็พลันเคร่งขรึม เมื่อคิดได้ว่าซูย้าวจับทางการกระทำของตัวเองได้อีกแล้ว เธอจึงขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ฉันก็แค่หวังดีอยากช่วยแก แกเห็นฉันเป็นคนแบบไหนเนี่ย?”
ไม่ได้คิดว่าเป็นคนแบบไหน แต่แค่รู้จักมาหลายปี เลยทำให้ซูย้าวเข้าใจเป็นอย่างดีว่า ซูหยวนเป็นคนประเภทไม่เห็นผลประโยชน์ไม่ยอมเข้ามายุ่งเด็ดขาด
ถ้าเรื่องนี้ไม่มีผลประโยชน์กับเธอ เธอคงไม่กระเหี้ยนกระหือรืออย่างนี้หรอก
“ไม่สนแล้ว! แกมีท่าทีแบบนี้ ฉันก็ไม่อยากช่วยแกแล้วเหมือนกัน!” ซูหยวนลุกขึ้นยืนอย่างฉุนเฉียว ราวกับกังวลว่าจะเผลอหลุดพูดอะไรออกไป จึงถือกระเป๋าเดินออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน แล้วหันกลับมาพูดว่า “แกรอให้พี่เฉินซีทิ้งแกก่อนเถอะ! ผู้หญิงที่ไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างแก ไม่ช้าก็เร็วคงถูกทิ้งเข้าสักวัน!”
ไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงตัวเองงั้นเหรอ
ดวงตาสวยของซูย้าววูบไหวเล็กน้อย ราวกับเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้
แต่ซูหยวนกลับรีบเดินออกไป ไม่รอให้เธอได้เอ่ยถามอะไร ก็เดินพรวดๆออกไปแล้ว
ซูหยวนไม่ได้ถอดใจไปซะทีเดียว เธอจึงขับรถไปยังบริษัทHS
ทางด้านหานฉ่ายหลิงเพิ่งจัดการเรื่องธนาคารเสร็จ ในตอนที่กำลังรีบร้อนออกจากบริษัท ก็มาเจอซูหยวนเสียก่อน
“คุณหาน คุณสะดวกคุยไหม?” ซูหยวนเข้าเรื่องทันที ท่าทางดูมีเรื่องอยากปรึกษา
เวลาปกติหานฉ่ายหลิงไม่ค่อยได้ติดต่อกับซูหยวนเท่าไหร่ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมาหาถึงที่ เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธ จึงพยักหน้าไปให้ แล้วเชิญเธอเข้ามาในห้องทำงาน
เมื่อนั่งลง หานฉ่ายหลิงก็เอ่ยถามว่า “คุณซูมาเยี่ยมเยือนถึงที่ขนาดนี้ ไม่ทราบว่ามีอะไรอยากปรึกษาเหรอคะ?”
“ไม่ถึงกับปรึกษาหรอกค่ะ ก็แค่เรื่องเล็กน้อย คุณหานเองก็น่าจะรู้ ถึงฉันกับซูย้าวจะเป็นพี่น้องกัน แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น……..”
ดวงตาของหานฉ่ายหลิงไหวติงเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มสดใสออกมา “มันเป็นเรื่องของตระกูลซู ฉันในฐานะคนนอก คงจะไปวิจารณ์อะไรไม่ได้หรอกค่ะ”
ซูหยวนยิ้มออกมาบางๆ แล้วพูดว่า “ตอนแรกฉันก็ว่าจะไม่มาหรอกค่ะ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันช็อปปิ้งอยู่ ฉันบังเอิญเจอพี่เฉินซี…….”
เธอจงใจลากเสียงยาว เมื่อเห็นสายตาวูบไหวของหานฉ่ายหลิง ก็รู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายเองก็อยากรู้อยากเห็น ริมฝีปากสีแดงกระตุกขึ้น แล้วพูดต่อว่า “ฉันเห็นพี่เฉินซีกำลังเลือกซื้อเครื่องประดับ ท่าทางดูจริงจังมากๆเลยค่ะ”
หานฉ่ายหลิงมองมาที่เธอ “แล้วยังไงคะ?”
“ฉันกำลังคิดว่า เขาจะซื้อเครื่องประดับไปให้ใครนะ? คุณหานเคยคบกับพี่เฉินซี น่าจะรู้ดีนะคะว่าเขาเป็นคนยังไง ซูย้าวกับเขาก็แต่งงานกันมานานแล้ว แต่เขาเหมือนจะยังไม่เคยให้ของขวัญอะไรกับเธอเลย……..”
ไม่ใช่ว่าลี่เฉินซีไม่โรแมนติกเขาแค่ไม่ชอบทำเรื่องอะไรแบบนั้น เพราะรู้สึกว่ามันเกินความจำเป็น ลงมือทำจริงๆไปเลยยังจะดีกว่า
ดังนั้น ในช่วงที่หานฉ่ายหลิงกับเขายังคบกันอยู่ เขาจึงซื้อดอกไม้ให้เธอแค่บางครั้งบางคราว จนกระทั่งถึงวันเกิดของเธอ เขาก็ส่งสร้อยคอสั่งทำมาให้ และเธอก็ใส่มันมาจนถึงปัจจุบันนี้
ซูหยวนนั่งอยู่ที่เดิม ยกมือขึ้นมาจับผมเหน็บหูช้าๆ แล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าของขวัญของพี่เฉินซีน่ะ ไม่ว่าเขาจะส่งให้ใคร นั่นก็หมายความว่าเขารักคนๆนั้นด้วยความรู้สึกที่แท้จริงแล้ว”
หานฉ่ายหลิงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยลมหายใจที่เริ่มกระชั้นชิด ใบหน้าสวยเครียดเกร็ง ผ่านไปนานกว่าจะแกล้งทำเป็นใจเย็นลง “น่าจะส่งให้ซูย้าวนะคะ พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน คนรักกันก็สมควรทำอย่างนี้ล่ะค่ะ!”
“ถึงจะพูดอย่างนี้ แต่แค่คิดว่าพวกเขารักกัน ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี……..”
ซูหยวนพูดจบ ก็ลุกขึ้น สายตาว่องไวสามารถจับสังเกตช่องโหว่ทางแววตาของหานฉ่ายหลิงได้ จากนั้นก็แสยะยิ้ม “และฉันก็เชื่อว่าคุณหานเองก็ไม่ได้รู้สึกยินดีเหมือนกัน!”
“…….คะ? จะเป็นไปได้ยังไง? การที่เฉินซีมีความสุข ก็คือความปรารถนาของฉันแล้ว”
ซูหยวนขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่ได้ “จิ๊ๆ คำพูดนี้ปลอมมากเลยค่ะ! เวลาโกหกนี่ใจไม่เต้นแรงเหรอคะ? คุณหาน อยู่ต่อหน้าฉัน คุณไม่จำเป็นต้องถือตัวก็ได้ จะมัวแต่มาวางท่าทำไมคะ!”
หานฉ่ายหลิงหรี่ตาลง “คุณอยากพูดอะไรกันแน่?”
“ง่ายๆเลยนะคะ ถ้าพี่เฉินซีรักซูย้าวจริงๆ เราก็มาร่วมมือกันคิดหาวิธีทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาซะ แต่ถ้าไม่ใช่ แล้วกลายเป็นว่าพี่เฉินซีซื้อของขวัญให้คนอื่น เราก็…….”
ซูหยวนไม่ได้พูดต่อ เพียงแค่ใช้สายตาสำรวจมองหานฉ่ายหลิงขึ้นๆลงๆ
สักพัก ริมฝีปากสีแดงก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ จากนั้นซูหยวนก็พูดว่า “ถ้าพี่เฉินซีรักคุณ ฉากต่อไปของซูย้าวก็ยิ่งน่าสงสารมากกว่าเดิม ขอแค่เธอไม่มีความสุข ฉันก็มีความสุขแล้ว นี่แหละคือจุดประสงค์ของฉัน!”
หานฉ่ายหลิงเงยหน้าขึ้นไปมองเธอ “คุณซู ถึงยังไงพวกคุณก็เป็นพี่น้องกันนะ ความแค้นที่มีมันต้องมากขนาดไหน ถึงทำให้คุณเกลียดซูย้าวเข้ากระดูกดำแบบนี้?”
ซูหยวนหลุบตาลง เธอไม่อยากเล่นปริศนากับหานฉ่ายหลิงอีกต่อไปแล้ว จึงทำแค่ยักไหล่ แล้วเดินถือกระเป๋าออกไป
ถึงยังไงเธอก็บรรลุจุดประสงค์ในการมาที่นี่แล้ว ไม่ว่าของขวัญชิ้นนั้นจะเป็นของใคร ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตกเป็นที่สงสัยของกันและกันไปแล้ว
หลังจากนี้ เธอก็แค่รอดูอะไรสนุกๆ
นั่งสวยๆรอรับผลประโยชน์ได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นซูย้าว หรือหานฉ่ายหลิง หลังจากทะเลาะกัน เธอก็มีแต่ได้กับได้!
คิดมาถึงตรงนี้ ริมฝีปากสีแดงของซูหยวนก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวเดินเร็วๆเข้าลิฟต์ไป
ในห้องทำงาน หานฉ่ายหลิงยังนั่งอยู่บนโซฟา ด้วยสีหน้าหม่นๆ ในสมองมีแต่คำพูดของซูหยวนเมื่อสักครู่ ความซับซ้อนเริ่มก่อตัวขึ้นมาในใจของเธอเงียบๆ
วันต่อมา ลี่เฉินซีไม่ได้ไปบริษัท เขาตื่นมากินข้าวตั้งแต่เช้า จากนั้นก็ลากซูย้าวออกไปข้างนอก
แต่เธอกลับอุ้มลูกชายด้วยความลังเล
ลี่เฉินซีจำต้องงัดเด็กน้อยออกจากอ้อมกอดของเธอ แล้ววางลงกับพื้น จากนั้นเจิ้งเอ๋อก็วิ่งเตาะแตะไปที่อื่นทันที
แม่บ้านคอยเดินตามหลังไม่ห่าง เพราะกังวลว่าคุณชายน้อยจะสะดุดล้ม
ซูย้าวเองก็ไม่สบายใจ ตอนที่กำลังจะตามลูกชายไป ก็ถูกลี่เฉินซีจับแขนเอาไว้เสียก่อน “ตกลงกันแล้วไง ว่าจะไปดูหนังกับผม!”
เธอหันไปมองลูกอีกครั้ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างลำบากใจ แล้วใช้ภาษามือพูดว่า “ พาเจิ้งเอ๋อไปด้วยไม่ได้เหรอ?”
ลี่เฉินซีถอนหายใจออกมา แล้วใช้สายตาลุ่มลึกมองมาที่เธอ ผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะยี่สิบต้นๆเอง ผู้หญิงคนอื่นที่อายุราวๆเธอ ส่วนใหญ่ก็กำลังอยู่ในวัยเรียนวัยรัก คนพวกนั้นได้เที่ยวรอบโลก ได้ใช้เวลาวัยรุ่นอย่างคุ้มค่า
เขาจะพาเธอออกไปเดท เธอก็ยังต้องอุ้มลูกไปด้วย ซูย้าวนี่มัน…….
มือใหญ่ของลี่เฉินซีขยี้หัวของเธอเบาๆ จากนั้นก็ทำตัวเอาแต่ใจ พูดขึ้นมาแกมบังคับว่า “ไม่ได้! ผมจะพาคุณไปดูหนังแค่คนเดียว เจิ้งเอ๋อยังเด็ก ให้อยู่บ้านนี่แหละ!”
“……..”
ซูย้าวหันไปมองลูกรัก ก่อนหน้านี้เขาเป็นไข้ เพิ่งหายดีได้สองวันเอง เธอเลยไม่อยากอยู่ห่างเขาเลยสักวินาทีเดียว
แต่ลี่เฉินซีไม่สนเรื่องพวกนี้ เขาจูงมือเธอเดินก้าวยาวๆออกไปข้างนอก ไม่ปล่อยโอกาสให้ซูย้าวกลับคำ
เมื่อยัดเธอเข้าไปบนรถได้ ก็เหยียบคันเร่งขับออกไปทันที กว่าเธอจะรู้ตัว ก็พบว่ามาถึงโรงหนังใจกลางเมืองแล้ว