เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 160
บทที่ 160 เขาไปทำอะไรมา
ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆสีอึมครึม ทำให้ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใสพลันเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่น ตามมาด้วยลมพายุที่พัดกระหน่ำอย่างไม่ขาดสาย
ซูย้าวอุ้มลูกชายมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ก็เห็นต้นไม้ใหญ่เอนไหวเพราะถูกลมพัดปลิว ดูเหมือนจะจริงอย่างที่พยากรณ์อากาศบอกมา ว่าเมืองAจะมีทั้งฝนตกหนักและพายุไต้ฝุ่นเข้ามาในเวลาเดียวกัน
บ้านใหญ่ตระกูลลี่ค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมือง อยู่ติดกับภูเขาฝูอันซานมีแม่น้ำสายเล็กที่ไหลเอื่อยๆอยู่โดยรอบ สภาพแวดล้อมสวยงามเป็นอย่างมาก ตอนที่จะสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมานายหญิงใหญ่ลี่ก็เคยจ้างซินแสมาดูฮวงจุ้ยให้ จึงได้ความว่าฮวงจุ้ยของที่นี่ดีมากๆ เหมาะแก่การเป็นมรดกตกทอดให้คนรุ่นหลัง
เพียงแต่ไม่ได้คำนึงถึงกรณีที่สภาพอากาศย่ำแย่ จึงถือเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง
โชคดีก่อนที่พ่อบ้านกับแม่บ้านจะกลับ พวกเขาได้เตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว ก่อนหน้านี้หวางอี้ก็ส่งของมาที่นี่ตั้งมากมาย ต่อให้ไม่ออกจากบ้านเป็นเดือน ก็ไม่เป็นอะไร
เพียงแต่ในตอนนี้ เธอค่อนข้างเป็นห่วงลี่เฉินซี
ไม่รู้ว่าในสภาพอากาศแบบนี้ เขาจะไปอยู่ที่ไหน จะกลับบ้านไหมนะ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซูย้าวก็มองลูกน้อยในอ้อมกอด เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถึงยังไงซะไม่ว่าเขาจะไปไหน ขอแค่เขาปลอดภัยก็พอแล้ว
เธอมีลูกอยู่บ้านด้วย มันดีกว่าทุกสิ่งแล้ว
เจิ้งเอ๋อดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของเธอ เพราะอยากลงไปวิ่งเล่น ซูย้าววางเขาลงบนพื้นได้ไม่ทันไร เจ้าเด็กน้อยก็วิ่งไปยังหน้าประตูทางเข้าทันที
ซูย้าวเดินตามมาข้างหลัง ตามมาถึงตัวลูกชายได้ไม่ทันไร จู่ๆประตูก็เปิดออก
ลี่เฉินซีกลับมาในสภาพล้าๆ เมื่อเห็นลูกชายวิ่งเข้ามาหา ก็รีบก้มตัวลงไปอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมา
“มารับพ่อเหรอ?” เขาก้มมองเด็กน้อย
เจิ้งเอ๋อหัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมา ทว่ากลับถูกเสียงลมพัดข้างนอกดึงดูดความสนใจ อยากวิ่งออกไปเล่นข้างนอก
ลี่เฉินซีไม่ยอมให้ออกไป จึงรีบปิดประตูลง
เมื่อเจิ้งเอ๋อรู้ว่าตัวเองออกไปไม่ได้ ก็เบะปากเล็กๆขึ้นมาอย่างขัดใจ จากนั้นก็ผละออกจากอ้อมกอดของเขา วิ่งเตาะแตะไปทางโซฟา
ท้องฟ้าข้างนอกมืดลงอย่างรวดเร็ว ยังไม่ถึงห้าโมง ท้องฟ้าก็ถูกความมืดกลืนกินไปทั้งผืน
อากาศมืดครึ้ม บางครั้งก็มีฟ้าผ่าตัดผ่านขอบฟ้าสีมึนทึน ราวกับจะแบ่งแยกท้องฟ้าออกจากกัน
เจิ้งเอ๋อแตกต่างจากเด็กคนอื่น เด็กทั่วไปมักจะกลัวฟ้าแลบฟ้าผ่ากันทั้งนั้น แต่เขากลับไม่กลัว แถมยังนอนมองฟ้าผ่าข้างนอกอย่างชอบอกชอบใจอีกด้วย พอซูย้าวจะปิดม่านก็ไม่ยอมให้เธอปิด
ลี่เฉินซีค่อนข้างตามใจเขา จึงพูดว่า “ให้เขาดูเถอะ! ไม่อันตรายหรอก”
เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย และไม่ได้สนใจอะไรอีก พ่อบ้านกับแม่บ้านไม่อยู่ เธอต้องไปเตรียมอาหารเย็นไว้ให้สองพ่อลูก เธอจึงหันหลังเดินไปทำธุระในครัว
ลี่เฉินซียืนอยู่ข้างๆหน้าต่าง พร้อมกับมองไปทางซูย้าวที่กำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่เขากลับมา เธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ริมฝีปากถึงได้เอาแต่ประดับไปด้วยรอยยิ้มจางๆแบบนั้น
ฝีมือในการทำอาหารของเธอดีมาก แต่วันนี้เธอทำกินง่ายๆแค่สองสามอย่าง และเตรียมบะหมี่ถ้วยเล็กๆไว้ให้เจิ้งเอ๋อด้วย เธอส่งสายตาบอกให้เขากินก่อน ส่วนตัวเองจะป้อนลูก
แต่ลี่เฉินซีกลับเอาแต่มองเธอ จากนั้นก็ลุกเดินเข้าไปนั่งข้างลูกชาย แล้วพูดว่า “ผมป้อนเอง!”
ซูย้าวชะงักไปเล็กน้อย การที่จู่ๆเขาใจกว้างแบบนี้ มันทำให้เธอไม่ชินเอาซะเลย
ลี่เฉินซีกลับไม่รู้ตัว ทำเพียงแค่รับชามมาถือไว้ แล้วคีบเส้นขึ้นมาเป่าให้หายร้อน จากนั้นถึงได้ป้อนเจิ้งเอ๋อ
เจิ้งเอ๋อยังเด็ก ขณะที่กินข้าวจึงเชื่อฟังเป็นอย่างมาก จนกระทั่งกินอิ่ม ถึงได้มุดออกจากโต๊ะเล็กๆ แล้ววิ่งออกไปเล่นอีกด้าน
ลี่เฉินซีถือชามเดินมานั่งกินข้าวกับซูย้าว
หลังจากมื้อเย็นผ่านไป เขาก็ไม่ได้เข้าไปทำงานที่ห้องหนังสือ อาจเป็นเพราะอากาศข้างนอกไม่ค่อยดี เนื่องจากฝนตกหนัก เสียงฝนที่ซัดสาดอยู่ข้างนอกจึงชวนหนวกหูเป็นอย่างมาก เลยส่งผลต่ออารมณ์ของเขา ลี่เฉินซีจึงนั่งเลือกหนังดูอยู่บนโซฟา พอหนังเริ่มก็ตั้งอกตั้งใจดู
เมื่อเป็นแบบนี้ ซูย้าวจึงเข้าครัวไปทำซุปสาคูเอาไว้ เพราะเจิ้งเอ๋อชอบกิน เขาเองก็ชอบเหมือนกัน
เมื่อดูหนังจบ เธอก็ขึ้นไปเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้เขาแช่ เพื่อช่วยให้เขาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งหวัง
ในตอนที่ซูย้าวกำลังเดินลงมาข้างล่าง ภายในห้องนั่งเล่นมีแค่เสียงจากทีวี เจิ้งเอ๋อนั่งอยู่บนโซฟา ใช้มือชี้ไปข้างๆ พร้อมกับมองมาที่เธอแล้วพูดว่า “ป้อ ป้อ!”
เธอนิ่งไปเล็กน้อย หันไปมอง ก็เห็นลี่เฉินซีนอนอยู่ข้างๆเด็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏริ้วแดงๆขึ้นมาเหมือนกำลังเป็นไข้ เธอเดินเข้าไปหา แล้วยื่นมือไปอังหน้าผากของเขา จึงพบว่าเขาตัวร้อนจี๋!
นี่เขาเป็นไข้เหรอ?!
เริ่มตัวร้อนตั้งแต่ตอนไหน ทำไมไม่พูดไม่จาเลยล่ะ?
ซูย้าวอุ้มลูกชายขึ้นมา แล้วทำท่าทางบอกให้เขาไปเล่นก่อนจากนั้นเธอก็ประคองลี่เฉินซีให้นอนท่าใหม่ดีๆ แล้วขึ้นไปเอากล่องยาที่ชั้นบน
เธอกำลังจะส่งข้อความไปหาคุณหมอหลิน แต่พอเปิดโทรศัพท์ของลี่เฉินซี กลับเห็นข้อความที่คุณหมอหลินส่งเข้ามาว่า
“ประธานลี่ ข้างนอกฝนตกหนักมาก ถนนหลายสายก็ปิดหมดแล้ว ถนนเหออี้เองก็ปิดแล้วเหมือนกัน ถ้าไม่มีอะไร ผมอาจจะเข้าไปไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนนะ!”
ที่แท้เขาก็ติดต่อคุณหมอหลินเอาไว้แล้วนี่เอง เขาเองก็น่าจะรู้ว่าตัวเองไม่สบายล่ะมั้ง!
สภาพอากาศย่ำแย่แบบนี้ ดูเหมือนว่า คุณหมอคงมาไม่ได้แล้วแน่ๆ
ส่วนคนอื่นๆ ก็คงจะมายากเหมือนกัน
เธอใช้ปรอทวัดไข้ให้เขาก่อนเป็นอันดับแรก ในตอนที่แกะกระดุมเสื้อออก ก็เห็นบาดแผลน่ากลัวของเขา
มันแดงมาก เห็นได้ชัดว่า มันอักเสบตั้งนานแล้ว!
ทำไมเป็นแบบนี้………
ทั้งแผลอักเสบ ทั้งเป็นไข้ หรือนี่จะเป็นสัญญาณของบาดทะยัก?
ควรรักษายังไง?
เธอไม่ใช่หมอ แต่ในสถานการณ์ที่ไปตามคนอื่นมาดูแลก็ไม่ได้แบบนี้ เธอจึงจำเป็นต้องลองเท่านั้น
เมื่อเจิ้งเอ๋อเห็นพ่อตัวเองเป็นแบบนี้ ก็หมดอารมณ์เล่น จึงเดินมานั่งลงข้างๆอย่างเป็นเด็กดี พร้อมกับมองผู้เป็นพ่อเงียบๆ
ซูย้าวค้นหาในกล่องยา ก็เจอเพียงยาลดไข้กับยาแก้อักเสบ เธอจึงเทออกมาสองสามเม็ด แล้วพยุงเขาลุกขึ้นนั่ง
สติของลี่เฉินซีฟื้นคืนมาเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วอย่างทรมาน ใบหน้าขาวซีดเผือดตามแบบฉบับคนไข้ แต่กระนั้นก็ยังฝืนพูดออกมาว่า “ผมไม่เป็นไร”
เธอส่งน้ำกับยาไปให้เขา เขาเองก็กินเข้าไปแต่โดยดี จากนั้นก็ยื่นมือออกไปลูบหัวของลูกชาย แล้วพูดเสียงอ่อนว่า “พ่อไม่เป็นไร นอนสักพักพ่อก็หายแล้ว!”
เจิ้งเอ๋อพยักหน้า มองตามคนเป็นพ่อเดินขึ้นชั้นบนตาปริบๆ
ซูย้าวไม่กล้าประมาท เธอจึงอุ้มลูกเดินตามขึ้นไป
ลี่เฉินซีกลับมาถึงห้อง ก็นอนลงบนเตียง จากนั้นก็หลับไปทั้งๆที่ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า
ดูท่า เขาคงไม่ไหวแล้วจริงๆ
ก่อนหน้านี้ ยังจะฝืนอยู่กินข้าวดูหนังกับเธอและลูกในสภาพแบบนี้อีกนะ………
ซูย้าวดึงปรอทวัดไข้ออกมาดู ก็พบว่าตัวเขาร้อนถึงสามสิบเก้าองศา
ตัวร้อนขนาดนี้ กินแค่ยาลดไข้ไม่หายแน่!
เธอรีบวิ่งลงมาชั้นล่าง หยิบน้ำแข็งขึ้นมาใส่ไว้ในถุง แล้วใช้ผ้าขนหนูพันไว้อีกที จากนั้นก็นำวางบนหน้าผากของเขา
เจิ้งเอ๋อเองก็กลับเข้าที่นอนสำหรับเด็กอย่างไม่งอแง เขานอนอยู่ข้างๆคนเป็นพ่อนิ่งๆอย่างรู้ความ มือเล็กกุมมือใหญ่ของเขาเอาไว้
เมื่อเห็นภาพนี้ หัวใจของซูย้าวก็บีบรัด เขาเป็นไข้แบบนี้ แผลยังจะมาติดเชื้ออีก ที่บ้านก็ไม่ได้มียามากมายขนาดนั้นด้วย ทำยังไงดี?
เธอทำตัวไม่ถูก จึงนั่งลงข้างๆแล้วส่งข้อความไปหาโม่หว่านหว่าน
คำตอบที่ได้จากฝั่งนั้นกลับทำให้หวั่นใจยิ่งกว่าเดิม เพราะอีกฝ่ายตอบกลับมาว่า “แผลติดเชื้ออักเสบ ถ้าไม่รักษาให้หายก็อาจจะตายได้นะ!”
ผ่านไปสักพัก โม่หว่านหว่านถึงได้ส่งข้อความกลับมาอีกครั้งว่า “แผลของลี่เฉินซีติดเชื้อได้ยังไง? ช่วงสองสามวันมานี้เขาไปทำอะไรมาเหรอ?”
ทำอะไรมางั้นเหรอ…….
ซูย้าวนึกออกอยู่อย่างเดียว ก็คือหลังจากที่เขาถูกวางยาเมื่อวาน เขาก็คลุ้มคลั่ง……หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้?!