เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 161
บทที่ 161 แค่ต้องการช่วยคุณ
ด้านนอกมีฝนตกรุนแรงและพายุเข้า ทั้งเมืองมืดสนิท สถานที่สวยงามคึกคักในอดีต พังทลายจากภัยธรรมชาติ ที่ดูแล้วน่ากลัวอย่างยิ่ง
ภายในห้อง อาการของลี่เฉินซีแย่ลง ไข้ยังคงสูงอยู่อย่างนั้น และยังไม่ได้สติ ซูย้าวอยู่เคียงข้างเขาตลอดทั้งคืนโดยที่ไม่ได้ละไปไหนเลย
เธอยังคงประคบผ้าเย็นและป้อนยาไปสองครั้ง แต่ไข้ก็ยังไม่ลด ส่วนบาดแผลก็ได้ใส่ยาให้เช่นกัน แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น
เธอกำลังทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเอามือวางที่ไหน
เจิ้งเอ๋อเป็นเด็กดีมาก และพยายามอยู่เป็นเพื่อนพ่อเขาอย่างเต็มที่ แต่เขายังเด็ก พอง่วงนอน ก็เผลอหลับไป
ซูย้าวอุ้มลูกชายไปที่เตียงเล็ก เพื่อให้นอนหลับสบายขึ้น
ลี่เฉินซีตื่นขึ้นมาครู่หนึ่ง แต่เขาไม่มีแรงมากนัก เขาที่ปกติชอบโวยวายและทำตัวเป็นอันธพาล ในเวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบ
นอนนิ่งอย่างเชื่อฟังอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อเหลาที่อ่อนแอของเขานั้นซีดเซียว
ซูย้าวหวังเพียงให้รุ่งสางไวๆ เพื่อที่จะได้ติดต่อหมอและพาเขาไปโรงพยาบาล
ในตู้ยามียาไม่มากนัก และยาแก้ไข้ก็เหลืออยู่เพียงไม่กี่เม็ด คาดว่าให้ลี่เฉินซีอีกไม่เกินสามครั้งก็คงหมดแล้ว
ส่วนยาและอุปกรณ์ที่ใช้ทำแผลก็เหลือไม่มากแล้วเช่นกัน เพราะว่าในครอบครัวไม่มีคนได้รับบาดเจ็บบ่อยนัก ดังนั้นจึงไม่มีของเหล่านั้นอยู่มากโดยธรรมชาติ
สุดท้ายซูย้าวทำได้เพียงล้างบาดแผลด้วยแอลกอฮอล์ให้เขาเพื่อชะลอการติดเชื้อ แต่อุณหภูมิร่างกายของเขาสูงเกินไป และไข้ก็ยังไม่ลด
เธอแทบจะไม่ได้นอนเลยทั้งคืน
เมื่อรุ่งสาง เธอรีบลงไปชั้นล่างเพื่อทำโจ๊กและป้อนเขา จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาติดต่อทันที
ทันทีที่โทรศัพท์โทรออก เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่สามารถพูดได้ จึงส่งข้อความในวีแชทแทน!
แต่ข้อความกลับส่งไม่สำเร็จ
เธอรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เธอจะทำอย่างไรดี?
เธอเปิดทีวี ในข่าวข้างต้นเป็นสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดจากพายุและฝนตกหนักในเมือง A บริเวณเขื่อนที่อยู่ติดกับภูเขาฝูอันซาน ทำให้แม่น้ำล้นและถนนในบริเวณใกล้เคียงถูกปิดกั้น และกำลังรอการซ่อมแซม
ซูย้าวคิดได้แค่ว่าอาจเป็นเพราะพายุและฝนตกหนัก ที่ทำให้สัญญาณขาดหายไปในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้นคาดว่าโทรศัพท์จะไม่สามารถติดต่อออกไปข้างนอกได้สักพักหนึ่ง
ครั้งนี้พายุไต้ฝุ่น “อันหย่า” มีความเร็วลมสูงสุดกว่าสิบหกระดับ ต้นไม้อายุกว่าร้อยปีสามารถม้วนตัวขึ้นได้อย่างง่ายดาย สภาพอากาศในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น ไม่สามารถจินตนาการได้
หลังจากดูข่าวทางทีวีแล้ว ซูย้าวก็เดินขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว
ลี่เฉินซียังคงไม่ได้สติและไข้สูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาเฉื่อยชาดูซีดเซียวและน่ากลัว
เธอวัดอุณหภูมิร่างกายของเขา และมันก็สูงถึง 39 องศาแล้ว ถ้ายังคงสูงอยู่อย่างนี้ มันต้องไม่ดีแน่ๆ!
หากออกไปข้างนอกท่ามกลางสายฝนในตอนนี้ แม้ว่าจะอดทนเดินไปในเมืองได้ แต่การหาร้านขายยาที่เปิดอยู่คงเป็นเรื่องยาก นอกจากนั้นถนนในบริเวณใกล้เคียงก็ปิด และเธอไม่สามารถพูดได้ เธอจะอธิบายสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้คนอื่นฟังได้อย่างไร?
ซูย้าวกระวนกระวาย เธอควรทำอย่างไรดี?
เมื่อมองไปที่ชายที่นอนอยู่บนเตียง เธอมีเพียงความคิดเดียว เธอต้องไม่ปล่อยให้เขาเป็นอะไร!
ไม่ได้อย่างแน่นอน!
ในความสิ้นหวัง เธอดูเหมือนจะคิดหาวิธีที่อาจช่วยให้เขาไข้ลดได้
แต่ก่อนที่จะเริ่มทำ เธอต้องดูแลเจิ้งเอ๋อให้ดีก่อน
เธอป้อนอาหารลูกและตั้งรั้วทั้งหมดติดกับเปล เพื่อให้แน่ใจว่าลูกไม่สามารถพลิกเปลได้และจะไม่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นเธอก็จูบที่ใบหน้าของลูกชาย และปล่อยให้เขาเล่นตามลำพัง
เธอเดินไปเข้าห้องน้ำ
เปิดก๊อกน้ำและใส่น้ำเย็นลงในอ่างอาบน้ำ
โดยไม่เติมน้ำร้อนเลยสักหยด
เป็นน้ำเย็นทั้งหมด
จากนั้นเธอก็ยืนอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ และค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออก
หลังจากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำ
น้ำเย็นไหลผ่านผิวหนัง เธอตัวสั่นด้วยความหนาวเย็น แต่กัดฟันและลงไปในอ่างน้ำเย็น
หลังจากแช่ตัวจนเย็นทั้งตัว ก็เช็ดให้มันแห้งอีกครั้ง เธอวิ่งกลับห้องอย่างรวดเร็ว ขึ้นไปบนเตียงแล้วถอดชุดนอนออกโดยใช้ความเย็นของร่างกายเพื่อคลายความร้อนในร่างกายของเขา
แม้ว่าวิธีนี้จะดูเงอะงะไปหน่อย แต่ก็เร็วกว่าการประคบผ้าเย็น
หลังจากทำซ้ำหลายๆ ครั้ง ซูย้าวแช่ในน้ำเย็นครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ร่างกายเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง จากนั้นก็กอดเขาไว้แน่น
ถ้าถูกขังอยู่บนภูเขาหิมะที่หนาวเหน็บคนเดียว การแช่แข็งจนตายนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าเป็นคนสองคน กอดร่างกายไว้ด้วยกันให้แน่นอบอุ่นซึ่งกันและกันถ่ายเทความร้อนอย่างช้าๆ พวกเขาทั้งสองจะอยู่รอด
นี่คือสามัญสำนึกของมนุษย์
ในเหตุผลเดียวกัน ถ้าอุณหภูมิร่างกายของคนคนหนึ่งเย็นพอที่จะดูดซับความร้อนจากร่างกายของอีกฝ่าย ก็อาจช่วยลดไข้ได้เช่นกัน
เธอไม่สามารถคิดวิธีที่ดีกว่านี้ในการรักษาเขา นี่เป็นวิธีที่โง่ที่สุด และเธอแค่ลองใช้มันเท่านั้น
ซูย้าวกังวลว่าเธอจะเป็นหวัดและจะเป็นไข้ตาม ดังนั้นเธอจึงต้องแข่งกับเวลาและทำซ้ำหลายๆ ครั้งก่อนที่เธอจะเป็นไข้
ตลอดทั้งวัน ยกเว้นตอนให้อาหารลูกในตอนกลางวัน เธอก็ใช้เวลาทั้งหมดกับเรื่องนี้
ห้องน้ำ ห้องนอน
ไปๆ มาๆ อยู่อย่างนั้น
ในอ่างน้ำเย็นจะถูกเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งหมดล้วนเป็นน้ำเย็น ยิ่งเย็นยิ่งดี
จากนั้นใช้ผิวที่เย็นของตัวเองละลายความร้อนที่แผดเผาบนร่างกายของเขา
เธอหวังว่าเขาจะดีขึ้น ตราบใดที่เขาปลอดภัย เธอก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ซูย้าวกอดเอวเขาอย่างเงียบๆ นึกถึงฉากเมื่อทั้งสองพบกันครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน
เขาเป็นเหมือนเทพที่สง่างามซึ่งอยู่ห่างไกลจากโลกที่วุ่นวายนี้ แม้ผ่านไปหลายปี เธอก็ยังจำบ่ายวันนั้นได้
ในป่าไม้นั้น และเขาที่นั่งบนยอดไม้นั้น
ความสัมพันธ์นี้เริ่มต้นจากความปรารถนาของเธอ
เธอไม่เคยคาดหวังสิ่งใดตอบแทน หรือความรักที่เธอจะได้รับจากเขา เธอรู้ว่าเขาสามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วยความรับผิดชอบ
เขาเป็นผู้ชายที่ดี
ไม่ว่าจะรักใคร ก็ถือเป็นเกียรติสำหรับคนคนนั้นเสมอ
ซูย้าวไม่ได้ร้องขอความสุขนั้น แต่หวังเพียงว่าจะได้อยู่กับเขาแบบนี้ วันแล้ววันเล่า และมีลูกให้เขา
หากคุณรักใครสักคนอย่างลึกซึ้ง คุณคงมีแต่ความปรารถนาเพียงเล็กน้อยนี้!
ซูย้าวกอดเขาและรอจนกว่าเขาจะรู้สึกอบอุ่นบนร่างกายบ้าง จากนั้นก็ลุกจากเตียงและวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อแช่น้ำเย็นต่อ
เป็นแบบนี้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง ซูย้าวแค่รู้สึกว่าร่างกายตัวเองเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เธอเวียนหัว ในขณะที่ก้าวออกจากอ่างอาบน้ำมีเพียงความรู้สึกเหมือนเหยียบผ้าฝ้ายเท่านั้น มันรู้สึกนุ่มและขาทั้งสองก็อ่อนแรง
เธอเดินโซซัดโซเซและเกือบล้มลงในที่สุด ก่อนจะยึดผนังไว้เพื่อทรงตัว พยุงร่างกลับไปที่ห้องนอน นั่งอย่างเชื่องช้าบนเตียง และหายใจเหนื่อยหอบ
หลังจากนอนลง เธอกอดเขา และหลับตาลงอย่างไม่ได้สติ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังเรียกเธออยู่ข้างหู เสียงนั้นอยู่ห่างออกไปมาก ราวกับว่ามันมาจากอีกโลกหนึ่ง
“ซูย้าว……”
เสียงที่คุ้นเคย
ใช่เขารึเปล่า?
เขาดีขึ้นแล้วรึยัง?
ซูย้าวพยายามอย่างหนักที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการรอบตัวเธอ แต่ร่างกายที่อ่อนปวกเปียกของเธอดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยสาหร่ายจำนวนนับไม่ถ้วน และจมลึกลงไปเรื่อยๆ เธอดิ้นรนครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ก็ยังไม่มีประโยชน์
เธอทำอะไรไม่ได้ ไม่สามารถรออยู่ที่นี่ได้ เธอยังต้องดูแลเขา และก็ต้องดูแลลูกชายของเธอด้วย
ซูย้าวพยายามดิ้นรนอย่างหนัก พยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลบหนี แต่ดูเหมือนจะจมอยู่ในหนองน้ำ เมื่อแรงของเธอเริ่มหมดลง เธอก็ไม่สามารถกำจัดมันได้
เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วที่ลี่เฉินซีฟื้นคืนสติขึ้นมา แล้วมองไปที่ผู้หญิงที่หมดสติข้างเขา ร่างกายของเธอร้อนเป็นไฟ แต่เขาเหมือนจำได้ว่า ในขณะที่เขากำลังนอนอยู่ เธอเหมือนกับน้ำแข็งที่ละลายความร้อนบนตัวเขา
ไข้ของลี่เฉินซีลดลงแล้ว
เจิ้งเอ๋อกำลังร้องไห้อยู่บนเตียงเล็กข้างๆ เขาตะโกนว่า “หม่าม้า” เขาเปลอบโยนลูกชายก่อน จากนั้นจึงไปที่ห้องน้ำ มีน้ำเย็นอ่างใหญ่ และผู้หญิงบนเตียงก็เป็นไข้ ในขณะที่เขาไม่ได้สติ เธอทำอะไรกันแน่?