เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 180
บทที่180 ฉันมีสิทธิ์เลี้ยงดูเธอ
ซูย้าวไม่เคยคิดมาก่อน ว่าการแต่งงานระหว่างตัวเองกับลี่เฉินซี วันหนึ่งจะเปลี่ยนไปประสบความสำเร็จ และราบรื่นได้
เขาเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง เธอรู้ดี
แต่ที่มากกว่านั้น เธอยังรู้ด้วยว่าเขาไม่ได้รักตัวเธอ
เพียงแต่ไม่เคยคิดว่า ช่วงที่ผ่านมานี้ ความเปลี่ยนแปลงของลี่เฉินซี จะทำให้เธอตกตะลึงได้จริงๆ
ไปทำงานทุกวัน เลิกงานก็กลับบ้านตรงเวลา อยู่เป็นเพื่อนเธอกับลูก ดูแลเจิ้งเอ๋อ ถึงแม้จะให้เธอคอยช่วยจัดการเรื่องงานของบริษัทอยู่บ่อยๆ แต่กลับไม่เหมือนก่อนหน้านี้ ที่ทำสีหน้าแววตาเย็นชา ราวกับน้ำค้างแข็ง และไม่สนใจไยดี
เธอไม่เคยร้องขอว่าชีวิตแต่งงานของตัวเองจะมีความสุขจนคนอื่นต้องอิจฉา เพียงแค่คาดหวังว่าแต่ละวันจะผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น
อยู่เคียงคู่กันไป ชั่วชีวิต
ขอให้ได้รับหัวใจจากคนคนหนึ่ง อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า
และยังหวังว่าเด็กที่อยู่ในท้องคนนี้ สุขภาพแข็งแรง และคลอดออกมาอย่างปลอดภัย
และด้วยความที่ช่วงนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาค่อนข้างเข้าที่เข้าทาง เธอเลยกำลังพิจารณาว่าจะบอกข่าวที่กำลังตั้งท้องอีกครั้งให้เขารู้ ตัวเองจะได้ไม่ต้องคอยกังวลอยู่ทุกวัน และยังต้องคิดหาวิธีต่างๆเพื่อปฏิเสธไม่ร่วมรักกับเขาด้วย
โม่หว่านหว่านนัดเธอออกไปช้อปปิ้ง ซูย้าวอุดอู้อยู่ในบ้านนานแล้ว กำลังคิดอยู่ว่าเบื่อ เลยตอบตกลงไป
ตอนเช้าก่อนที่ลี่เฉินซีจะออกจากบ้าน ก็จงใจยื่นบัตรเครดิตมาให้เธอ ในระหว่างที่เธอสงสัยนั้น ก็ได้ยินเขาทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น “ไม่มีรหัส และไม่จำกัดวงเงิน เธอใช้ได้ตามสบาย”
ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของเธอคือการปฏิเสธ วินาทีต่อมา ก็ยัดบัตรใส่มือของเขา แล้วใช้ภาษามือพูดว่า “ฉันมีเงิน”
ก่อนหน้านี้กรุ๊ปKซื้อตัวโครงการCCUไป แถมยังให้เงินจำนวนมากแก่เธอ นอกจากการซื้ออพาร์ทเม้นท์ในเมืองแล้ว ก็ยังเหลืออีกมาก
เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายของแม่ในบ้านพักคนชรา และจัดจ้างนักกายภาพบำบัด เธอไม่จำเป็นต้องใช้เงินของเขา
แต่ลี่เฉินซีกลับยัดบัตรเครดิตกลับมาให้เธอ “ฉันรู้ว่าเธอมีเงิน แต่ของเธอก็คือของเธอ”
นี่เป็นการอธิบายแบบไหนกัน
ซูย้าวไม่เคยชินกับการใช้เงินคนอื่น ตั้งแต่เด็กจนโต นอกจากทรัพย์สมบัติของพ่อ เธอก็ไม่เคยใช้เงินของคนอื่นเลยแม้แต่แดงเดียว ถึงแม้เวลาต่อมาพ่อจะเสียชีวิตไป ค่าเทอมในการเล่าเรียนของเธอ ก็เป็นทุนการศึกษาที่เธอหามาได้ด้วยตัวเอง และไม่เคยใช้เงินของซัวฉ่ายลี่กับเซียวควนเลย
นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความเย่อหยิ่ง และไม่เกี่ยวข้องกับความรักหรือเกลียดชัง เพียงแต่มันเป็นปัญหาของความเคยชินส่วนบุคคลเท่านั้น
มองดูท่าทางดื้อรั้นเล็กน้อยของเธอ ลี่เฉินซีก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แต่คำพูดประโยคสุดท้ายประโยคเดียว ก็ทำให้เธอหมดหนทางทันที ทำได้เพียงรับบัตรเครดิตมาแต่โดยดี
เขาพูดว่า เพียงแค่เธอยังเป็นภรรยาของฉันอยู่วันยังค่ำ เพียงแค่ยังไม่ได้หย่าร้างต่อกัน ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะเลี้ยงดูเธอ!
พอพูดถึงขนาดนี้ แล้วจะให้เธอปฏิเสธได้อย่างไร ?
พอรับบัตรของเขามาแล้ว ลี่เฉินซีก็ยังกำชับเป็นพิเศษอีกว่า ต่อไปหากออกไปข้างนอก จะต้องใช้เงินในบัตรใบนี้เท่านั้น เขาจะตั้งเวลาคอยตรวจสอบดู
ประจวบเหมาะกับที่โม่หว่านหว่านชวนเธอไปช้อปปิ้ง เธอจะได้ถือโอกาสไปใช้สอยอย่างฟุ่มเฟือยให้เต็มที่เลย!
ทั้งสองคนเดินกันทั้งเข้า แต่เธอก็ไม่ได้ซื้ออะไร มีแต่ของที่ซื้อให้เจิ้งเอ๋ออย่างพวกเสื้อผ้าและของเล่นเสียส่วนใหญ่ แล้วยังซื้อของขวัญให้โม่หว่านหว่านชิ้นหนึ่ง ทำให้เธอดีใจเป็นอย่างมาก
ขณะที่กำลังเดิน จู่ๆก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง และประจวบกับที่ทั้งสองคนต่างก็รู้จัก เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย
พอเจอหน้ากัน อีกฝ่ายก็เอ่ยชวนทันที “บังเอิญจริงๆ วันนี้เป็นวันงานเลี้ยงรุ่นพอดี อุตส่าห์มาเจอพวกเธอทั้งที ต้องไปร่วมงานให้ได้นะ!”
โม่หว่านหว่านอยากปฏิเสธเล็กน้อย แต่ว่ายังไม่ทันได้เปิดปากพูด อีกฝ่ายก็พูดต่อว่า “งานเลี้ยงรุ่นหลายต่อหลายครั้งพวกเธอก็ไม่เคยไปร่วมเลย วันนี้เจอตัวแล้ว จะไม่ไว้หน้ากันไม่ได้นะ! ไม่อย่างนั้นถ้าต่อไปเจอหน้ากันอีก จะให้ทักทายกันยังไง ?”
“……”
และประจวบกับที่ทั้งสองคนก็กำลังหิวพอดี ก็เลยทำได้แค่กัดฟัน แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายลากตัวไปยังร้านอาหารจีนแห่งหนึ่งในตัวเมือง
ห้องส่วนตัวชั้นล่าง เป็นงานเลี้ยงรุ่นอย่างที่พูดไว้จริงๆ ภายในห้องมีผู้คนรวมตัวกันอยู่ไม่น้อยเลย ไม่ได้เจอกันหลายปี แต่ใบหน้าแต่ละคนกลับดูคุ้นเคย ฉากหน้ายังถือว่ากลมกลืน
หลังจากที่โม่หว่านหว่านทักทายกับทุกคนแล้ว ก็ลากซูย้าวไปนั่ง
แต่เพิ่งจะนั่งลง ก็มีคนเห็นซูย้าวเข้า เลยพูดเสียงเย็นประโยคหนึ่งว่า “ซูย้าวยังพูดไม่ได้อีกเหรอ ? ฉันจำได้ว่าตอนสมัยยังอยู่ที่โรงเรียน เพราะเรื่องนี้ เลยเจอปัญหาไม่น้อยเลยนี่!”
“ปัญหาอะไร ?” โม่หว่านหว่านหันไปมองคนนั้นด้วยสายตาไม่พอใจ
“ซูย้าวพูดไม่ได้นี่นา! เป็นคนใบ้คนหนึ่ง ก็ควรไปเรียนโรงเรียนคนพิการไม่ใช่เหรอ ? ไปนั่งเรียนกับพวกหูหนวกเป็นใบ้ไง”
“นั่นสิ! ซูย้าว ใบรับรองคนพิการของเธอล่ะ เอาออกมาให้พวกเราดูหน่อยสิ!”
“ตั้งแต่ตอนสมัยเรียน เธอก็ไม่ยอมเอาออกมา ขี้งกชะมัด!”
“เหมือนว่าฉันจะไม่เคยเห็นใบรับรองคนพิการนะ เอาออกมาให้พวกเราดูเป็นขวัญตาหน่อยสิ!”
เสี้ยววินาทีนั้น เจ็ดปากแปดลิ้น ภายในห้อง คำพูดของคนพวกนี้ ก็ท่วมท้นไปทั่วทั้งห้อง
ใบหน้าของซูย้าว เดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด ใบหน้าอันงดงาม นิ่งขรึมขึ้นมาในทันที
โม่หว่านหว่านยิ่งโมโหจนไฟลุกโชน ตบโต๊ะเสียงดังและยืนขึ้น “พวกเธอพูดจาบ้าบออะไรกัน ? บัตรคนพิการอะไร ? ฉันว่าพวกเธอต่างหากที่พิการ! แต่ละคนสมองปัญญาอ่อน ปากหมา ร่างกายพิการ!”
“เธอ……”
มีคนไม่พอใจ เตรียมจะตอบโต้ แต่กลับถูกหลายคนที่รู้ความรั้งเอาไว้
ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน หลายคนที่หาเรื่องก่อนหน้านี้ เลยหุบปากลงทันที
และเริ่มมีคนพูดปลอบโม่หว่านหว่าน มีคนมากมายออกมาพูดแก้สถานการณ์ ซูย้าวเหนื่อยหน่าย ทำได้แค่ดึงแขนโม่หว่านหว่านทีหนึ่ง เพื่อเตือนเธอว่าอย่าไปถือสาคนพวกนั้นเลย
โม่หว่านหว่านฝืนใจนั่งลง แต่ภายในท้องก็ยังเต็มไปด้วยเพลิงโกรธ ที่ยังไม่ดับลง
“หว่านหว่าน เธอจะจริงจังเกินไปแล้ว! สมัยตอนยังเรียน ก็มีแต่พวกเธอแหละที่สนิทกัน เอาแต่ปกป้องซูย้าว ที่จริงทุกคนก็แค่ล้อเล่น ไม่ได้จงใจสักหน่อย!” มีคนรีบพูดขึ้น
โม่หว่านหว่านเลิกคิ้วแล้วหัวเราะเสียงเย็น “เหรอ ? ฉันเห็นว่าพวกเธอจงใจอยู่นะ!”
“……”
ฉากหน้าเริ่มอึดอัดขึ้นมาทันที มีคนตาไว เห็นแหวนที่อยู่บนนิ้วของซูย้าว เลยคิดอะไรขึ้นมาได้ รีบพูดว่า “ได้ยินว่าซูย้าวเรียนมหาลัยแค่ครึ่งปี จากนั้นก็แต่งงานแล้ว!”
“นั่นสิ พวกเราเพิ่งกลับมาในประเทศ แต่ก็ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเธอไม่น้อยเลยนะ! ได้ยินว่าเธอได้แต่งงานกับเศรษฐีด้วย!”
“สามีเธอยังเป็นบอสใหญ่อีกด้วยสินะ! จำได้ว่าเหมือนจะเป็นคนในแวดวงนี้ ท่านประธานของบริษัทลี่ซื่อใช่ไหม!”
ในทันใดนั้น ก็มีสายตาอิจฉาของหญิงสาวหลายคนพุ่งตรงมาที่เธอ ลี่เฉินซีสามตัวนี้ มีมูลค่าสูงแค่ไหนในประเทศนั้น ทุกคนต่างก็รู้ดี
มีผู้หญิงตั้งกี่คนที่ใฝ่ฝันอยากจะแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ แต่ก็ได้เพียงแค่ฝันเท่านั้น ส่วนซูย้าวกลับฝันเป็นจริง แล้วจะไม่ให้คนอื่นอิจฉาได้อย่างไร
เพราะความอิจฉา เลยดึงดูดให้ทุกคนเริ่มเข้ามาพูดคุยและห้อมล้อม
ทันใดนั้น กลิ่นของความอิจฉา ก็ฟุ้งกระจายไปรอบทิศ
“แต่งเข้าบ้านเศรษฐีแล้วมันยังไงเหรอ ? พวกเธอก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น บนหน้าหนังสือพิมพ์มีแต่ข่าวฉาวของประธานลี่กับคุณหานอยู่ทุกวัน ดูท่าทาง ชีวิตสมรสของซูย้าวก็ไม่ได้มีความสุขเลยนะ!”
“ก็จริง ผู้ชายแบบประธานลี่ จะมาตกหลุมรักคนอย่างเธอได้ยังไง ?”
“ซูย้าว ตอนที่แต่งงานกัน ได้ยินว่าเธอใช้ลูกไม้เหรอ! บอกพวกเราหน่อยสิ ว่าเธอใช้ลูกไม้อะไร ถึงได้หลอกประธานลี่มาได้ ?”
“อย่าขี้งกไปหน่อยเลย รีบบอกให้พวกเราฟังหน่อยสิ!”
ทุกคนเริ่มลุกฮือขึ้นมาอีกครั้ง โม่หว่านหว่านโกรธจนควบคุมไม่อยู่ เลยลุกขึ้นมาพูดอย่างโมโหอีกครั้ง “ใครบอกพวกเธอว่าใช้ลูกไม้ ? ถ้าจะพูดว่าใช้ลูกไม้ ก็มีแต่ลี่เฉินซีนั่นแหละที่ใช้ลูกไม้ ถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงที่แสนดีอย่างซูย้าวของพวกเรา!”
“เหรอ ? จะเป็นไปได้เหรอ ?”
ทุกคนต่างก็หัวเราะลั่น เสี้ยววินาทีนั้น ซูย้าวก็รู้สึกเหมือนตัวตลกที่ถูกคนดึงขึ้นไปบนเวที เพื่อแสดงตลกให้ทุกคนดู
เป็นเหมือนตลกร้าย
เธอปิดตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรง เมื่อครู่ตอนที่เจอเพื่อนร่วมชั้นระหว่างทาง เธอก็น่าจะคิดได้แล้ว ว่าจะกลายเป็นแบบนี้
เธอน่าจะปฏิเสธไปตั้งแต่ตอนนั้น
ราวกับเมื่อหลายปีที่แล้ว ความทรงจำอันเลวร้ายทั้งหมดในสามปีสมัยมัธยมปลาย ต่างก็เอ่อล้นออกมา ถูกกีดกัน ถูกหัวเราะเยาะ ถูกรังแก……
นิ้วมือที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะนั้น ค่อยๆบีบแน่นจนกลายเป็นหมัด
ในตอนนั้นเอง เสียงอันไพเราะของชายหนุ่ม ก็ดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าร้อง ลอยผ่านใบหูของทุกคน
“ถ้าจะพูดถึงลูกไม้ ตอนนั้นก็มีการใช้ลูกไม้จริงๆ ทุกท่านอยากจะทราบจริงๆหรือ ?”
ซูย้าวตกตะลึงเล็กน้อย ทุกคนก็เงยหน้ามองตาม แล้วก็เจอกับเงาอันสูงใหญ่ที่ไม่รู้ว่าไปยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องส่วนตัวตั้งแต่เมื่อไหร่
หากไม่ใช่ลี่เฉินซีแล้วจะเป็นใคร