เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 19
สายตาจ้องมองของซูหยวนมองหมุนไปรอบรอบหลินโม่ป่าย และในที่สุดริมฝีปากแดงก็เริ่มขยับ คำพูดที่รุนแรงของเธอก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
“ชายชั่วหญิงชั่ว ! “
สายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่หนูลี่เจิ้ง ในขณะเดียวกันหัวสมองก็โผล่ความคิดบางอย่างขึ้นมา “ งั้นก็หมายความว่า เด็กคนนี้เป็นของใคร ก็ไม่แน่สินะ ! “
หลินโม่ป่ายมองเธอ มีเพียงการแสดงออกที่ไม่แยแส
ซูหยวนกลับรู้สึกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เธอยังคงพูดต่อ “ ไม่แปลกที่ตอนซูย้าวคลอดลูก คุณถึงได้ตื่นตัวขนาดนั้น ! ที่แท้ก็เป็นไอ่ลูกบ้าของคุณ ! หึ ! “หลินโม่ป่ายโกรธจนกำหมัดสั้นไปหมด ใบหน้าหล่อเหลาขาวซีด เขาพูดเน้นทุกตัวอักษร “ซูหยวน เธอจงรู้สึกโชคดีที่เธอเป็นผู้หญิงเถอะ ! “
“……”
ขาที่ยาวของเขาเดินเข้ามา ดึงแขนของซูหยวนแล้วกดเธอไปที่กำแพง ไม่มีความโรแมนติกในการกักตัวเธอไว้ที่กำแพง มีแต่ความโกรธและความแค้นสะสม!
การสลายอารมณ์กลายเป็นการกระทำที่บ้าคลั่ง มือใหญ่จับคางของเธอไว้แน่นราวกับจะตัดหน้าเธอให้ขาด!
ซูหยวนไม่เคยเห็นหลินโม่ป่ายในปฏิกิริยาแบบนี้ โกรธแค้น บ้าคลั่ง รุนแรง
“ไม่งั้น ฉันอยากจะจัดการเธอให้ตาย ! “ คำพูดที่เย็นชา ลอยขึ้นมาข้างหูเธอ ทำให้เธอตกใจจนตัวสั่นไปหมด !
ชัดเจนมากว่าหลินโม่ป่ายไม่ได้ล้อเล่น
ถ้าเธอเป็นผู้ชาย คงไม่กล้าคิดถึงสภาพในตอนนี้ !
“คุณกับซูย้าวไม่ชัดเจนกันอยู่แล้ว ! เรื่องที่ทำไว้ ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นอีก? “
ซูหยวนยังคงพูดอะไรบางอย่างตามอำเภอใจ เธอรีบหนีออกจากมือของหลินโม่ป่าย แล้วจากไป
แผ่นหลังที่รีบนั้น เหมือนคนที่กำลังหนีและเอาตัวรอด
หลินโม่ป่ายสูดหายใจ ดึงสมาธิกลับมา แล้วรีบหยิบผ้าแห้งยื่นให้ซูย้าว “ รีบเช็ดเถอะ ระวังเป็นหวัด เธออยู่ในช่วงให้นม ไม่สามารถทานยาได้ “
ซูย้าวรับมา เธอยิ้มอย่างขอบคุณ
ท่าทางซูหยวนเมื่อกี้ เหมือนคนบ้าคลั่ง ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เธอเป็นแบบนี้ !
“ย้าวย้าว เธอยังไม่เข้าใจอีกหรอ ? เป็นเพราะเธอไม่สามารถพูดได้ ซูหยวนถึงกล้าทำแบบนั้น!”
หลินโม่ป่ายขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่พอใจ มองผู้หญิงตรงหน้า เขาเป็นห่วงเหลือเกิน
“ ไม่มีเรื่องอะไรที่ง่ายกว่าการรังแกคนใบ้คนหนึ่งแล้ว ! “
เขาพูดจบแล้วนิ่งสักพัก จากนั้นก็แก้คำพูดทันที “ ฉันก็แค่พูดตามอารมณ์ เธอไม่ต้องแคร์หรอก ! “
แต่สำหรับในใจหลินโม่ป่าย ซูย้าวไม่เคยเป็นใบ้
เธอไม่ใช่คนหูหนวกพิการ เธอสุขภาพแข็งแรง! เป็นเพียงเพราะลำคอของเธอป่วย จึงไม่สามารถพูดได้ตามปกติมาหลายปีแล้ว
ซูย้าวมอง ขนตากระพริบเบาเบา
ไม่ว่าเหตุผลอะไรเธอก็เข้าใจ แต่ถ้าอยากกลับมาพูดได้ ผลกระทบที่ตามมาก็จะเยอะมาก !
“ตอนนี้เธอก็มีลูกแล้ว ถ้าเธอไม่หวังว่าอนาคตลูกจะโดนคนรังแกแบบนี้ ซูย้าว เธอต้องรักษาลำคอและเสียงให้หายก่อน ! “
หลินโม่ป่ายถอนหายใจต่อ เขาลังเลสักพักแล้วพูดขึ้นมา“ ถ้า …… “
มีความลังเลในการจะพูด
ในตอนท้าย เมื่อสังเกตเสื้อผ้าที่เปียกของซูย้าว เขาพูดขึ้นมา “ เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ! “
รอหลินโม่ป่ายจากไป ซูย้าวก้มหัวมองลูกในอ้อมกอด
หลังจากประมาณยี่สิบนาที หลินโม่ป่ายกลับมาที่ห้องพักผู้ป่วยอีกรอบ
บนมือเขายังยกซุปขิงที่ร้อนร้อนมา
“กินยาไม่ได้ แต่ก็กลัวเป็นหวัด ดื่มซุปขิงเถอะ ! “ เขานำซุปขิงวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง เตือนให้เธอรีบดื่มตอนกำลังร้อน
ซูย้าวไม่รู้ว่าเพียงเวลาไม่นานนี้ เขาไปหาซุปขิงมาได้อย่างไร แต่ซุปร้อนร้อน ละลายผ่านใจ และมีรสชาติที่ซับซ้อน
เธอรู้ความหวังดีทั้งหมดที่หลินโม่ป่ายมีให้เธอ และรู้ว่าหลายปีนี้ เขาดูแลและเป็นห่วงเธอ
แต่ไม่สามารถให้คำสัญญาได้ แล้วจะทำเช่นนี้เพื่ออะไร ?
จะนำพามาแต่คำพูดที่นินทาว่าร้าย เธอเงยหัวขึ้นมา มองเขา แล้วพูดด้วยภาษามือ “ โม่ป่าย เลิกทำแบบนี้เถอะ ! มันไม่คุ้ม ! “
“ยัยบ้า คุ้มไม่คุ้มฉันรู้ตัวเอง ! “ เขายิ้มพลางยกมือลูบหัวเธอ
ด้วยแรงที่อ่อนโยน รู้สึกเต็มไปด้วยความรักและตามใจเธอ
แต่ความรักแบบนี้ ซูย้าวรับมาไม่ได้
เธอส่ายหัวต่อเนื่อง แล้วพูดด้วยภาษามือ “ ฉันหวังว่าคุณจะหาความสุขที่คุณควรจะมีได้ แต่มันชัดเจนแล้วว่า คนคนนั้นไม่ใช่ฉัน ! “
เป็นการปฏิเสธที่ตรงจริงจริง !
ดวงตาของหลินโม่ป่ายมืดลง เขาเอนตัวลงตรงด้วยร่างสูง ดวงตาที่ต่ำลงของเขาค่อยค่อยเงยขึ้น และความลึกซึ้งที่ไร้ขอบเขตคือสิ่งที่เธอบอกว่าเธอไม่เข้าใจ
“เธอไม่ใช่คนคาดเดาอนาคตสักหน่อย จะรู้ได้อย่างไร ว่า ไม่ใช่เธอ ? “
มุมริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย บวกกับรอยยิ้มที่สดใสของเขา ซูย้าว จ้องมองไปที่ชายคนนี้ที่อยู่เคียงข้างเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก ครู่หนึ่ง ทำให้เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูก!
“ยังไงฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่เธออยู่กับลี่เฉินซี เขานอกจากจะรังแกเธอแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีเลย ! “หลินโม่ป่ายพูดออกความคิดเห็น
ซูย้าวรู้สึกเหนื่อย ใจ จะไม่มีอะไรดีได้ยังไง !
“แต่ว่า ในเมื่อเธอชอบ ก็ได้เพียงอวยพรเธอชั่วคราว แต่ว่า ถ้าเขาทำเรื่องที่ผิดต่อเธอ หรือทำให้เธอเสียใจ….”
หลินโม่ป่ายตั้งใจลากเสียงให้ยาว สายตามีความหวานอยู่เล็กน้อย “ ฉันจะอยู่ข้างเธอตลอด แค่เธอหันหลัง ก็สามารถมองเห็นฉันได้ ! “
เขาลูบผมนุ่มของเธอ ยิ้มแก้มปริ “ได้ยินไหม ฉันจะรอเธอ!”
ร่างของซูย้าวแข็งทื่อ และแม้แต่การแสดงออกของเธอก็หยุดนิ่งโดยไม่ลืมที่จะตอบสนอง
แต่หลินโม่ป่ายก็ไม่แคร์ เพียงแค่ยิ้มเบาเบา หันหลังกลับให้เธอ ก่อนจะไปยังเตือนให้เธอดื่มซุปขิง
ละเอียดอ่อนและอ่อนโยน สามารถได้ใจคนคนหนึ่งมาได้ง่าย
แต่ซูย้าวก็แปลกใจ ทำไมทั้งสองเป็นคู่หมั้นกันมาหลายปี ทำไมเธอกลับไม่มีความรู้สึกที่หวั่นไหวกับหลินโม่ป่าย?
เป็นเพราะคนคนนั้น หมกอยู่ในใจเธอนานไปหรือเปล่า !
แต่ด้านนอกห้องพักผู้ป่วย เหตุการณ์เมื่อกี้ของพวกเขา ทำให้ซูหยวนที่เร่ร่อนอยู่ในโรงพยาบาลเห็น ยังได้ยินสิ่งที่หลินโม่ป่ายพูด
มีคนยอมรอซูย้าว……
ดวงตาของซูหยวนเปล่งประกายขึ้นมา เธอจ้องมองแผ่นหลังที่สูงใหญ่ของหลินโม่ป่าย เธอยิ้มออกมาอย่างสดใสราวกับว่าคิดอะไรขึ้นมาได้
วินาทีต่อมา ซูย้าวจึงรีบวิ่งตามแผ่นหลังของหลินโม่ป่าย “ คุณหมอหลิน มีเวลาคุยหน่อยไหม?”
ด้วยความตะลึง หลินโม่ป่ายขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดและถามว่า “คุณคิดว่าจำเป็นไหมระหว่างคุณกับฉัน?”
“ไม่จำเป็นหรือไง ? “ ซูหยวนยิ้ม “ เกี่ยวกับซูย้าว ”
“โอ้?”
หลินโม่ป่าย ขมวดคิ้วโดยคิดว่า ซูย้าวเพิ่งให้กำเนิดลูก และร่างกายของเธอยังอ่อนแอ ทนไม่ได้กับสิ่งพวกนี้ เขายิ้ม ไม่รับปาก และไม่ปฏิเสธ
“สิ่งที่คุณพูดกับซูย้าวเมื่อกี้ ฉันได้ยินหมดแล้ว ! “ ซูหยวนพูดออกมาโดยตรง แล้วพูดอย่างไม่รอช้า “ ในเมื่อคุณยังรักซูย้าว ถ้างั้น เป้าหมายของคุณก็ไม่ต่างจากฉัน ดีไหม ที่เราจะร่วมมือกัน ? “
นี่จึงเรียกว่าศัตรูของศัตรูก็คือมิตรของตัวเอง
ซูหยวนมองสายตาของเขา แล้วพูดขึ้นมาอีก “ ความจริงฉันก็ไม่อยากรบกวนเฉินซีกับซูหยวนหรอก เพราะยังไงก็แต่งงานกันแล้ว ลูกก็มีแล้ว ใครจะยอมทำลายครอบครัวของน้องสาวแท้ของตัวเอง แล้วไปเป็นเมียน้อยหล่ะ? “
“เธออยากพูดอะไรกันแน่? พูดมาตรงตรง ! “หลินโม่ป่ายเข้าประเด็น
เธอก้มหัว “ ในเมื่อคุณรักซูย้าว ฉันก็ชอบเฉินซี งั้นเราก็มาร่วมมือกัน ให้พวกเขาหย่ากัน จากนั้นต่างก็ได้ความสุขของตัวเอง ! “