เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 193
บทที่ 193 อย่าไปจากฉัน
ซูย้าวตกตะลึงไปชั่วขณะ ท่าทางเหม่อลอยเล็กน้อย สุดท้ายแล้ว สายตายังคงผ่านร่างของเขาไป ใช้ภาษามือพูดขึ้น “เรื่องของอนาคต ฉันยังไม่ได้วางแผน แล้วก็ยังไม่คิดจะวางแผนด้วย”
หย่าคำนี้ พูดออกมาง่ายๆ แต่สิ่งที่เกี่ยวข้อง กลับเกี่ยวข้องกับความรู้สึก มากเกินไป หนักเกินไป
เธอไม่รู้ว่าตนเองในตอนนี้ กับตนเองในอนาคตจะแบกรับได้ไหม หรือต้องใช้เวลานานขนาดไหนถึงแบกรับได้ ดังนั้น เรื่องของอนาคต ยังไม่อยากวางแผนตอนนี้
หลินโม่ป่ายราวกับมองออกถึงความทุกข์ใจของเธอ พยักหน้าเล็กน้อย “ก็ได้ เธอยังไม่อยากคิด ฉันก็จะไม่ทำให้เธอลำบากใจ เพียงแต่ย้าวย้าว แค่เธอไปจากเขา ฉันจะดูแลเธอเป็นอย่างดี ดูแลเธอกับเจิ้งเอ๋อ แล้วก็น้าอาน”
เขาให้คำสัญญาที่หนักแน่น ซูย้าวเชื่อว่าเขาทำตามสัญญาได้ เพียงแต่ถ้ามีความรับผิดชอบ ก็ไม่ควรให้เขามาแบกรับภาระ
“โม่ป่าย นายน่าจะรู้นะ วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันก็ไม่ใช่ย้าวย้าวคนนั้นอีกแล้ว เปลี่ยนไปมากๆ พวกเรากลับไปอดีตไม่ได้แล้ว แล้วก็ไม่คุ้มค่าที่นายจะมาให้ใจกับฉัน” เธอใช้ภาษามือพูดขึ้น
“ทุกเรื่องเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เธอกับฉันไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว พวกนี้ฉันไม่แคร์หรอก ฉันแค่ทำตามหัวใจของตัวเอง!” หลินโม่ป่ายก้าวเข้าไปอีกก้าว ใช้ร่างกายขวางสายตาของเธอที่กำลังหลบเขา
ซูย้าวถอนใจเบาๆอย่างจำใจ ยังคงหลบสายตาอยู่ แต่เขากลับไล่ตามหลายต่อหลายครั้ง เธอยังคิดจะหลบอีก แต่โชคดีที่หลินโม่ป่ายดึงแขนของเธอเอาไว้ได้ทันที ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด “ย้าวย้าว ฉันเสียดายเพียงแค่อย่างเดียว ก็คือปีนั้นที่ห้ามเธอไม่ให้แต่งงานกับเขาไม่ทัน! นี่เป็นความผิดมหันต์ที่ฉันได้ทำในชีวิตนี้! ฉันไม่อยากทำผิดอีกต่อไปแล้ว”
คำพูดของเขาหนักแน่นราวกับก้อนหิน อ้อมกอดอบอุ่น นี่เป็นสิ่งที่ลี่เฉินซีไม่เคยให้เธอมาก่อน แล้วก็เป็นสิ่งที่ซูย้าวเคยต้องการอย่างไม่มีขีดจำกัด
เธอดิ้นรนอยากจะหนีออกมา แต่กลับโดนหลินโม่ป่ายกอดแน่นขึ้น ตอนนี้ เธอจึงทำได้เพียงอยู่นิ่งๆ ยอมให้เขาออกแรงกอดตนเองเอาไว้ ความรู้สึกนี้ ปลุกความไม่สบายใจบางอย่างในใจของเธอให้ตื่นขึ้นมาอยู่เสมอ
ความรู้สึกนี้ ยังทำให้ใจที่แตกร้าวของเธอยิ่งเจ็บปวด
คาดหวังมากว่าถ้าอ้อมกอดนี้ และยังมีคำพูด ที่ออกมาจากปากของคนคนนั้น คงจะดีมากเลย……
ซูย้าวยังคงผลักเขาออกไป ดิ้นรนหนีออกจากอ้อมกอดของเขา ความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างนั้น ทำให้เธอตัดใจไม่ลง แต่ก็ทำให้อึดอัดใจ
เธอควรจะหนีไปให้ไกลที่สุด
แต่หลินโม่ป่ายกลับดึงมือของเธอเอาไว้ ยัดของชิ้นหนึ่งเข้าไปในฝ่ามือของเธอ ตอนที่ซูย้าวแบมือออกมา จึงพบสร้อยคอเส้นหนึ่ง
และสร้อยคอเส้นนี้ คุ้นตามาก
เป็นสร้อยคอที่เขาให้เธอ ตอนอายุสิบหก แล้วยังใส่ให้เธอเองกับมือด้วย
ภายหลังตอนที่แต่งงาน หลินโม่ป่ายยังอยู่ต่างประเทศ เธอจึงถอดออกแล้วให้โม่หว่านหว่านหาโอกาสคืนให้เขา
คิดไม่ถึง……
“สร้อยเส้นนี้ยังคงเป็นสร้อยเส้นเดิม แค่หวังว่าคนใส่ยังเป็นคนเดิมก็พอแล้ว” เขากำลังมองเธอ แววตาเรียบเฉยปรากฏความจริงจังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ซูย้าวก้มหน้าแล้วเดินออกไปจากข้างกายเขาเงียบๆ กลับไปคฤหาสน์ เปลี่ยนรองเท้าที่ทางเข้า ตอนที่เข้ามากอดเจิ้งเอ๋อ จึงนึกถึงสร้อยคอที่อยู่ในมือ
ใจหดแน่น ความขัดแย้งกับความลังเลราวกับกองไฟที่ลุกโชน ทรมานอย่างช้าๆ
เธออยากจะโยนทิ้งถังขยะ แต่สุดท้ายในวินาทีนั้น ยังคงหยุดมือเอาไว้
สร้อยคอเส้นนั้นจึงโดนเก็บเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง
โรงพยาบาลที่ออสเตรเลียด้านนี้ ร่างกายที่อ่อนแอของหานฉ่ายหลิงนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าเล็กๆซีดเซียวราวกับกระดาษขาว ไม่สบาย ไม่มีชีวิตชีวาเลยสักนิด
ลี่เฉินซีคุยกับหมอเรื่องอาการป่วยของเธอ แล้วจึงกลับเข้ามาในห้องคนไข้
“เฉินซี……”
แค่เห็นเขาเข้ามา หานฉ่ายหลิงรีบส่งเสียงเล็กๆนุ่มนวลทันที ใบหน้าหวานๆ ที่ใครเห็นก็ต้องสงสารกันทั้งนั้น ยากที่จะทิ้งไปได้
ลี่เฉินซีก้าวยาวๆเข้าไป เอียงตัวนั่งลงไปข้างเตียง ยกมือขึ้นทาบหน้าผากของเธอเบาๆ ยังคงร้อนอยู่ อุณหภูมิสูง อย่างชัดเจน
“ไม่สบายตัวเลยสินะ? อยากกินอะไรไหม?” เขาถามขึ้น น้ำเสียงทั้งกังวลทั้งอ่อนโยน
เธอส่ายหัว “ฉันไม่อยากอาหาร ไม่อยากกินอะไรเลย……”
“ป่วยแล้วจะไม่กินอะไรได้ยังไง? ไม่ว่ายังไง ก็ต้องกินสักหน่อย ผมจะหาคนมาส่งโจ๊กให้คุณ!” เขาพูดแล้ว ก็ลุกขึ้น
หานฉ่ายหลิงรีบยื่นมือไปดึงมือใหญ่ๆของเขาไว้ ขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่สบายใจ พูดอย่างเป็นกังวล “กินไม่กินน่ะไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญก็คือตารางงาน เพื่อฉัน คุณล่าช้าไปสองวันแล้วนะ จะช้าไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว!”
เรื่องของบริษัทลี่ซื่อที่ออสเตรเลียด้านนี้ จัดการเสร็จตั้งแต่กี่วันก่อนแล้ว ถ้าไม่ใช่อยู่ๆหานฉ่ายหลิงดันไม่สบาย ตอนนี้ ลี่เฉินซีคงบินกลับประเทศไปแล้ว คงจัดการงานที่บริษัทอยู่
พูดถึงเรื่องนี้ ชายหนุ่มก็ย่นหน้าผากที่หล่อเหลาเล็กน้อย นั่งลงไปอีกครั้ง จับมือของเธอ “ตอนนี้คุณกำลังไม่สบาย ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ส่วนเรื่องกลับประเทศ รอให้สุขภาพคุณดีขึ้นสักหน่อย แล้วเราค่อยกลับกัน!”
“แต่ว่าอย่างนี้……” หานฉ่ายหลิงที่อ่อนแรง เสียงก็ฝืนพูดออกมา ยิ่งอ่อนแอบอบบางอย่างเห็นได้ชัด “งั้นก็เสียเวลาคุณไม่ใช่เหรอ? เฉินซี ฉันไม่อยากให้คุณเสียสละเพื่อฉัน……”
“ผมไม่ได้เสียสละ!” เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว ความเร็วของคำพูดแทบจะกดทับคำพูดที่ยังพูดไม่จบของเธอ
ดวงตาดำขลับลึกล้ำ เหมือนกับประกอบด้วยความซับซ้อนมากมาย แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาของเธอในวินาทีนั้น ความซับซ้อนต่างๆก็หายไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายแค่พูดขึ้น “เสียเวลาแค่ไม่กี่วันเอง ไม่ต้องใส่ใจหรอก ไม่เป็นไร!”
จากนั้น ลี่เฉินซีก็ออกไปนอกห้อง เพื่อซื้อข้าวให้เธอ
เห็นฝ่ายชายกำลังเดินออกไป รอจนปิดประตูห้องคนไข้ หานฉ่ายหลิงก็รีบลุกขึ้นนั่งทันที พยายามยื่นมือไปหยิบกระเป๋าของตนเอง หยิบขวดยาออกมาจากในนั้น รีบเทออกมาสักกี่เม็ด แล้วกลืนลงไปอย่างไม่ใส่ใจ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมไปเลยดีกว่า อย่างไรเธอก็ทำตามอารมณ์ของลี่เฉินซี ที่ ‘แบ่งกัน’ กับซูย้าวอยู่แล้ว
ตอนนี้สิ่งเดียวที่หานฉ่ายหลิงอยากทำ ก็คือถ่วงเวลา
ยิ่งถ่วงเวลาอยู่ที่ออสเตรเลียนานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ถ่วงไปหลายๆเดือนเลยคงดีที่สุด อย่างนี้ เธอก็หาข้ออ้างได้อย่างเปิดเผย ให้ทนายความบีบบังคับซูย้าวให้เซ็นใบหย่าทันที!
ส่วนลี่เฉินซีด้านนี้ เธอเชื่อว่าตนเองมีความสามารถ ค่อยๆอธิบายกับเขาก็พอแล้ว ในที่สุดเขาก็จะให้อภัยตนเอง ไม่ใช่เหรอ?
คิดถึงตรงนี้ ริมฝีปากที่เจ้าเล่ห์ของหานฉ่ายหลิง ก็ยิ้มสดใสมากขึ้น แล้วก็ยิ่งชั่วร้ายอย่างชัดเจน
ลี่เฉินซีซื้อโจ๊กอยู่ที่ร้านอาหารชั้นล่าง เพิ่งจะขึ้นมา ก็ได้ยินสัญญาณเตือนดังขึ้น เรียกหมอให้รีบมาช่วยชีวิตที่ห้อง 1011
ม่านตาของเขาหดตัวอย่างเป็นกังวล ตกตะลึงไปทันที ทิ้งของที่อยู่ในมือ แล้วก็รีบเข้าไปในห้องคนไข้
หมออยู่ด้านในกำลังปั๊มหัวใจให้หานฉ่ายหลิง พยาบาลเดินเข้าๆออกๆด้วยความรีบร้อน ส่งอุปกรณ์หลากหลายชนิด ในเวลาเดียวกันก็เตรียมการช่วยชีวิตไปด้วย
ไม่ง่ายเลยกว่าจะพยายามช่วยชีวิตมาได้ ในที่สุดหานฉ่ายหลิงก็พ้นขีดอันตรายแล้ว หัวใจกลับมาเต้นเหมือนเดิม หมอก็คลายกังวลลงได้
ยุ่งจนลืมทุกอย่างไปเลย หมอออกมาจากห้องคนไข้ ถอดหน้ากาก แล้วพูดกับลี่เฉินซี “คุณผู้ชาย สุขภาพของแฟนคุณอ่อนแอมาก ร่างกายมีลักษณะเฉพาะ อีกอย่าง……”
หมอชะงักเล็กน้อย อยากจะพูดแต่ก็หยุดเอาไว้
ลี่เฉินซีกลับเป็นกังวล “อีกอย่างอะไรครับ? คุณหมอพูดมาตามตรงได้เลย”
“เหมือนกับว่าได้กินอะไรบางอย่าง จนทำให้มีอาการแพ้อย่างฉับพลัน จึงเกิดภาวะหายใจล้มเหลว หัวใจหยุดเต้น ถ้าจะให้เจาะจงว่าคืออะไร ยังต้องทำการตรวจสอบให้มากขึ้น”
เขาไม่ได้ซักไซ้อะไร ให้หมอตรวจได้อย่างเต็มที่ แล้วเข้าไปในห้องคนไข้
หานฉ่ายหลิงเพิ่งได้สติ ท่าทางซีดเซียวดูอ่อนแอมากกว่าก่อนหน้านี้อีก ลี่เฉินซีก้าวเข้าไปใกล้ๆอย่างรวดเร็ว ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายกำลังมองไปที่ใบหน้าเล็กๆที่ขาวซีดของเธอ “คุณกินอะไรเข้าไป? ทำไมถึงแพ้ได้?”
“ฉันจะรู้ได้ยังไง?” เสียงของเธอแหบพร่าจนจะไม่ไหวแล้ว เสียงแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรง
เห็นท่าทางอย่างนี้ของเธอ เขาก็ไม่อยากซักไซ้อีก แค่จับมือของเธอเอาไว้ “พักผ่อนให้เต็มที่ อย่ากินของซี้ซั้วอีกล่ะ!”
“อย่าไป อย่าไปจากฉัน ได้ไหม?” เธอดึงมือของเขา กอดแขนของเขาเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือ
ลี่เฉินซีพยักหน้า มองตาเธอ เต็มไปด้วยความลึกซึ้ง “ได้ ผมไม่ไป ไม่ไป…..