เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 201
บทที่ 201 เธอหาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้น
ในค่ำคืนยามราตรี ซูย้าวกำลังนอนหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา จู่ๆถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์
ซึ่งโดยปกติ เพื่อนที่สนิทคุ้นเคยทั้งหลายจะไม่โทรศัพท์มาหาเธอ เพราะเธอเป็นเพียงคนใบ้ ต่อให้โทรมา ก็ไม่รู้จะสื่อสารกันอย่างไร แต่ทว่ามีหนึ่งสถานที่ที่ต่างออกไป
นั่นก็คือบ้านพักคนชรา
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฏอยู่ในหน้าจอ ซูย้าวก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง รีบลุกขึ้นนั่งแล้วรับสายโทรศัพท์ทันที
“คุณย้าว คุณรีบมาที่โรงพยาบาลด่วนเลยนะคะ อาการของคุณแม่คุณไม่ค่อยจะดีค่ะ…..”
ซูย้าววางสายโทรศัพท์ลง ลนลานลุกขึ้นจากเตียง มุ่งตรงไปที่ห้องน้ำแล้วล้างหน้าด้วยน้ำเย็น จากนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็จัดเตรียมสิ่งของจำเป็นสำหรับเจิ้งเอ๋อ เช่นพวกผ้าอ้อมและของเล่นตัวโปรดเป็นต้น จากนั้นก็อุ้มลูกน้อยที่ยังนอนหลับอยู่ในเปลนอนขึ้นมา
เมื่อมาถึงชั้นล่างของตึก จึงเดินไปยืนโบกรถอยู่ข้างถนน เธอรู้สึกว่ามือทั้งสองข้างของตัวเองนั้นกำลังสั่น
ไม่อาจจะหยุดความคิดที่ว่า ถ้าอานโล๋เกิดเป็นอะไรขึ้นมา แล้วเธอจะทำอย่างไร
เพราะนั่นคือญาติคนเดียวของเธอที่เหลืออยู่ในโลกใบนี้!
เธอต้องไปที่คอนโดฯของโม่หว่านหว่านก่อน เพื่อฝากเจิ้งเอ๋อให้เธอช่วยดูแลชั่วคราว จากนั้นค่อยไปที่บ้านพักคนชรา
ด้วยความเร่งรีบ ซูย้าวย่อมไม่ได้คิดไตร่ตรอง ต่อให้ได้คิดไตร่ตรองก็ย่อมไม่รู้ว่า ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นมีอะไรเกิดขึ้น
ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
พระอาทิตย์พาดผ่านเส้นขอบฟ้าสาดแสงสีแดงส้มประกายทั่วท้องนภา ทิวทัศน์ที่สวยงามยามเย็น ทำให้ผู้คนยิ่งรู้สึกตื่นตาตื่นใจ อานโล๋ก็นั่งชมบรรยากาศอยู่บนเก้าอี้เอนที่ชั้นดาดฟ้าของตึก ด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน
จนกระทั่งนางพยาบาลได้มาโน้มตัวลงกระซิบข้างๆใบหูว่า “ คุณน้าอานคะ ลูกสาวของท่านมาแล้วค่ะ!”
ตอนนั้นอานโล๋ดีใจมาก เมื่อหันหน้ามา คนที่อยู่ตรงหน้ากลับเป็นซูหยวน วินาทีนั้น สีหน้าถึงกับจมดิ่งลง
“ถิงถิง เธอคงจะเข้าใจผิดแล้ว คนคนนี้เป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งบริษัทซูซื่อ เป็นคุณหนูผู้เลอเลิศสูงส่ง จะเป็นลูกสาวของน้าได้อย่างไร”
อานโล๋ตีวัวกระทบคราด แต่ละประโยคล้วนแดกดันประชดประชัน
เมื่อนางพยาบาลได้ยินคำว่าคุณหนูผู้สูงส่งแห่งบริษัทซูซื่อ ก็คิดถึง‘ภาพลับ’ที่ว่อนอยู่ในอินเทอร์เน็ตก่อนหน้านี้ จึงได้หันหน้ามามองซูหยวนด้วยสายตาเหยียดหยัน
“หนูคงเข้าใจผิดเองค่ะ ลูกสาวของคุณน้าอาน เป็นลูกสาวคนรองของบริษัทซูซื่อ ตอนนี้ก็เป็นนายหญิงแห่งบริษัทลี่ซื่อ และก็เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมดูดีมีสง่าด้วย!” พยาบาลปากหวานและดูแลเอาใจใส่อานโล๋ดีมาก
เพราะบ้านพักคนชราแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัทลี่ซื่อ และในฐานะที่เป็นแม่ยายของเจ้าของหุ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ เป็นธรรมดาที่ต้องได้รับการดูแลอย่างดีเป็นพิเศษกว่าคนปกติทั่วไป
พยาบาลจ้องซูหยวน แล้วยิ้มอย่างดูแคลน จากนั้นก็หันหลังจากไป
ซูหยวนจึงได้เดินหน้าเข้ามา แล้วหยิบช่อดอกเบญจมาศออกมาจากกระเป๋า จากนั้นโยนลงข้างๆเท้าของอานโล๋เบาๆ แววตาเย็นชาเต็มไปด้วยความยั่วยุ “น้าอานยังเหมือนเดิมทุกอย่างเลยนะคะ เหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีผิด ที่พูดจาเหน็บแนมเก่ง!”
ตอนที่ซูหยวนยังเป็นเพียงเด็กน้อย เห็นซัวฉ่ายลี่ทะเลาะกับอานโล๋อยู่บ่อยๆ และแต่ละครั้งก็มักจะเป็นแม่ของตัวเองที่เสียเปรียบตลอด ตอนนั้นซูหยวนจึงเกลียดผู้หญิงคนนี้มาก
ตอนนี้ก็เช่นกัน
“ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ เป็นผู้หญิงแบบไหนคลอดลูกออกมาก็ย่อมเป็นแบบนั้น ดูก็รู้ว่าที่ซูย้าวเป็นแบบนี้ได้ ก็ต้องขอบคุณที่มีคุณแม่แบบท่าน!” คำพูดลำพองของซูหยวนเชือดเฉือนอย่างตรงไปตรงมา
ทำให้อานโล๋โกรธจนลุกขึ้นนั่ง แล้วเตะดอกเบญจมาศช่อนั้นทิ้ง “ซูหยวน เธอหมายความว่าอย่างไร ถือดอกไม้แบบนี้มาเพื่อจะสาปแช่งฉันใช่ไหม”
ใครๆก็รู้ว่า ดอกเบญจมาศสีขาวนั้นใช้เพื่อเซ่นไหว้บูชาคนตาย
“ความซวยล้วนเกิดจากตัวเองทั้งนั้น ผู้อื่นจะสาปส่งได้อย่างไรเล่า” ในคำพูดของซูหยวนแฝงความหมายซ่อนไว้ จากนั้นดึงเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆมานั่งลงช้าๆอย่างสง่างาม
อานโล๋โมโหจนหน้าเปลี่ยนสี “เธอต้องการจะพูดอะไร”
“หนูแค่แวะมาเยี่ยมน้าอานก็เท่านั้น และอยากจะมาเซอร์ไพรส์ท่านด้วย!” น้ำเสียงอ่อนโยนของซูหยวน และนิสัยที่เหน็บแนมไม่เคยเปลี่ยน
หว่างคิ้วของอานโล๋ขมวดแน่นขึ้น สายตาจ้องเธอเขม็งตึง
ซูยวนเห็นดังนั้น ก็ไม่อยากจะอ้อมค้อมกับเธออีก จึงพูดขึ้นตรงๆว่า “ไม่รู้เหรอคะ ว่าน้องซูย้าวได้ตั้งท้องแล้ว! ลูกคนที่สองซะด้วย ไม่สมควรที่มาจะแสดงความยินดีเหรอคะ”
อานโล๋ตะลึงงัน ซูย้าวตั้งครรภ์อีกแล้วเหรอ
ยังไม่ทันที่จะดีใจ ความวิตกกังวลก็ได้เข้ามาแทรก
จำได้ว่าครั้งแรกที่ซูย้าวได้ตั้งท้องนั้น ลี่เฉินซีเป็นคนบอกให้ไปทำแท้ง ได้ยินคนรอบข้างบอกว่า แม้แต่วันที่ลูกสาวคลอดลูกนั้น เขาก็เย็นชาใส่ ไม่สนใจไยดี
ถ้าหากว่าครั้งนี้ตั้งครรภ์อีก แล้วคนคนนั้นอารมณ์จะเปลี่ยนไปไหม
มองสีหน้าของอานโล๋ที่ค่อยๆเปลี่ยนไป ซูหยวนจึงยิ้มขึ้นอย่างดูแคลน “ดูเหมือนว่าน้าอานจะไม่ค่อยดีใจสักเท่าไหร่นะคะ! หรือว่าท่านก็รู้ว่าพี่เฉินซี คงไม่ยอมให้เธอนั้นได้คลอดลูกออกมาอีก! รู้หรือไม่คะว่าทำไม”
ชะงักไปชั่วครู่ ไม่แม้แต่ที่จะให้อานโล๋มีเวลาพูดตอบโต้หรือไตร่ตรอง ซูหยวนก็รีบพูดขึ้น “เพราะว่าเขาไม่ได้รักเธอไงคะ! เขาไม่เคยรักเธอ ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สนใจไยดี และยิ่งไม่มีทางยอมให้เธอได้คลอดลูกออกมาอีก ลูกสาวของท่าน น้องสาวของฉัน เดี๋ยวก็จะต้องทำแท้งแล้ว! ดอกเบญจมาศสีขาวช่อนี้ ก็คือใช้ไว้อาลัยให้กับหลานของท่านที่ยังไม่ได้เกิด ก็จะต้องถูกทำแท้งแล้วไงคะ”
ทำแท้ง
เมื่อคิดถึงลูกสาวของตัวเองที่อาจต้องนอนบนเตียงผ่าตัด และปล่อยให้เครื่องไม้เครื่องมือเย็นๆเหล่านั้นสอดเข้ามาปั่นอยู่ในร่างกาย แล้วทำการดูดก้อนเนื้อที่ปนเปื้อนด้วยเลือดสดๆ ฉับพลัน อานโล๋ที่เป็นห่วงลูกสาว หัวใจก็เจ็บจี๊ดเหมือนโดนมีดกรีด
“อีกอย่างหนูได้ยินว่าพักนี้สุขภาพของน้องสาวไม่ค่อยจะสู้ดี ทางโรงพยาบาลให้การช่วยเหลืออยู่นานสองนานเนื่องจากโดนยาพิษ ! กรุ๊ปเลือดก็เป็นกรุ๊ปเลือดพิเศษซะด้วย กรุ๊ปเลือดRh-negativeมั้ง ถ้าหากเกิดความผิดพลาดระหว่างทำการผ่าตัด น้องสาวของหนูคนนี้ก็คงจะ ……”
ตั้งใจลากเสียงยาวไม่ยอมพูดให้จบประโยค เว้นช่องว่างไว้ให้สงสัย ให้อานโล๋เก็บนำไปคิดฟุ้งซ่าน
แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร สิ่งที่เธอกังวลที่สุด ก็คือลูกสาวของตัวเอง!
เมื่อคิดถึงร่างกายของลูกสาวที่อาจจะต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด หัวใจของอานโล๋บีบรัดแน่น และสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วฉับพลัน
ซูหยวนเห็นภาพที่พึงพอใจแล้ว ริมฝีปากจึงเผยอยิ้มขึ้นอย่างย่ามใจ และกล่าวต่อไปว่า “เพราะว่าหนูเป็นห่วงน้องสาวไง! และก็เชื่อว่าน้าอานก็เป็นห่วงเช่นกัน ใช่ไหม แต่จะให้พูดอย่างไรดีล่ะ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ซูย้าวเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น!
อานโล๋ขมวดคิ้วแน่น “อะไรคือหาเรื่องใส่ตัวเอง ซูหยวนเธออธิบายมาให้ชัดเจนซิ!”
“คนส่วนใหญ่ต่างก็รู้ว่าซูย้าวชอบเฉินซีมาตั้งแต่เล็กๆ สามารถแต่งงานกับเขาได้ ก็คือความฝันทั้งชีวิตของเธอ ! ผู้หญิงโง่งมกับความรักเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำแท้ง หรือการหย่า ก็ล้วนหาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ”
“ นี่เธอพูดอะไร” อานโล๋ผงะด้วยความประหลาดใจ!
เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกสาวของตัวเองจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เล็กๆ และยังยอมแต่งงานกับเขาด้วยความเต็มใจ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา อานโล๋คิดว่าเป็นเพราะเมื่อสามปีก่อน ที่ซัวฉ่ายลี่อยากได้สมบัติของบริษัทลี่ซื่อ จึงยุยงได้ให้ซูย้าวแต่งเข้าบ้านตระกูลลี่ แต่กลับคาดไม่ถึงว่า…..
เธอเอามือกุมที่หน้าอก รู้สึกแต่เพียงว่าหัวใจเจ็บปวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนถูกคว้านออกมา
“ผู้หญิงที่หลงรักผู้ชาย ยอมเสนอตัวขึ้นเตียงของพี่เฉินซีอย่างไร้ยางอาย นี่เรียกว่าร่านไหมนะ สามารถคลอดลูกสาวแบบนี้ได้ น้าอาน หนูละรู้สึกอายแทนท่านจริงๆ!”
“โชคดีที่คุณพ่อจากไปก่อน ไม่อย่างนั้นหากคุณพ่อเห็นลูกรักของตัวเองทำเรื่องอับอายขายขี้หน้าไร้ยางอายเช่นนี้ จะเสียใจมากแค่ไหน ซูย้าวก็ช่างเหลือเกินจริงๆ ร่านได้โล่ โถๆๆๆ…..”
“อีกทั้งเธอยัง…..”
ซูหยวนยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นสีหน้าของอานโล๋ซีดเผือด กุมหน้าอกอย่างเจ็บปวดใจ ตัวสั่นเทาหายใจติดขัด ดูจากสายตาเหมือนไม่ไหวแล้ว เธอจึงไม่กล้าพูดต่อไปอีก รีบหยิบกระเป๋าแล้วก็หันหลังเดินจากไปทันที
เธอเพิ่งจะจากไป นางพยาบาลถึงสังเกตเห็นโรคหัวใจอานโล๋กำเริบ ล้มลงไปกองสลบกับพื้น
จึงส่งไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาวิธีรักษาต่างๆ จนที่สุดผลได้ออกมาว่าต้องรีบทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นชีวิตจะตกอยู่ในอันตราย และอาจจะทำให้เกิดผลที่ไม่คาดคิดตามมาได้
คนในบ้านพักคนชราก็ไม่กล้าที่จะรอช้า จึงได้รีบติดต่อซูย้าวทันที
เธอถึงได้มาโรงพยาบาลแผนกโรคหัวใจด้วยความเร่งรีบ และอาการของแม่ตอนนี้ คนเดียวที่น่าเชื่อถือได้ก็คือ…..
ซูย้าวหยิบโทรศัพท์พิมพ์ข้อความถึงหลินโม่ป่ายด้วยตัวที่สั่นเทา
“โม่ป่าย ช่วยแม่ของฉันด้วย! ได้โปรด..