เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 203
บทที่ 203 ฉันอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อน
เครื่องบินมาถึงสนามบินหลานเทียนในเมือง A เวลาห้าทุ่มครึ่ง ได้ร่อนลงจอดที่ลานจอดส่วนตัวอย่างช้าๆ ลี่เฉินซีและคนอื่นๆได้ลงจากเครื่องบิน
ฉับพลันที่ลงจากเครื่องบิน เขาก็ได้ขับรถออกไปทันที เมื่อหานฉ่ายหลิงไล่ตามเขาไป ก็เห็นเพียงเงารถที่วิ่งออกไปไกลริบหรี่ ได้แต่กัดริมฝีปากโดยไม่รู้ควรจะทำอย่างไร
เมื่อกลับมาถึง อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไป และจากไปคนเดียว ไม่ต้องคิดก็พอจะเดาออกว่าเขานั้นไปที่ใด!
หานฉ่ายหลิงถูกจัดให้พักอยู่ที่โรงพยาบาล และเธอก็ไม่พอใจ สุดท้ายพ่อหานจัดคนไปรับกลับมาที่บ้าน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน พ่อหานก็รีบจัดคนไปตรวจเช็คร่างกายของหานฉ่ายหลิง และกำชับว่าต้องทานยา จากนั้นดึงมือของลูกสาวมาจับไว้แล้วพูดให้กำลังใจ “ไม่เป็นไรนะฉ่ายหลิง ไม่ว่าการรักษาจะทรมานมากเพียงใด พ่อก็จะอยู่เคียงข้างหนูเสมอ!”
เธอทอดถอนใจด้วยความเหนื่อยใจ เพศตรงข้ามที่รักตัวเองมากที่สุด เห็นคงจะมีเพียงคุณพ่อเท่านั้นจริงๆ
เธอส่ายหน้าแล้วก็ไล่คุณหมอออกไป แล้วพูดขึ้น “พ่อคะ หนูไม่เป็นไร ร่างกายแข็งแรงดี และก็ไม่ได้เป็นมะเร็งด้วย คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ!”
“……”
พ่อหานขมวดคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
“หนูแค่ต้องการที่จะรั้งเฉินซีไว้ ถึงได้พูดแบบนั้น คุณพ่อก็อย่าเพิ่งไปพูดเรื่องหนูให้คนอื่นฟังนะ หนูไม่เป็นไรจริงๆ”
สภาพของเธอที่ดูไม่ค่อยจะดี ท่าทางหงุดหงิด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการนั่งเครื่องบินสิบกว่าชั่วโมง หรือว่าเพราะอาการเจ็บป่วยของเธอ
แต่ในเมื่อเธอพูดแบบนี้แล้ว พ่อหานก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อได้อีก จึงแค่ถามกลับเพื่อความแน่ใจว่า “ หนูไม่ได้…..ป่วยจริงเหรอ”
“ค่ะ หนูไม่ได้ป่วย ร่างกายแข็งแรงดี!” หานฉ่ายหลิงตอบกลับอย่างมั่นใจ เพียงแต่นึกถึงเรื่องที่ตัวเองตั้งครรภ์ จึงได้ลูบที่หน้าท้องแบนเรียบของตัวเอง แล้วก็รู้สึกหดหู่ขึ้นทันใด
เมื่อพ่อหานเห็นแววตาที่ไม่สะทกสะท้านของลูกสาว กับคำพูดที่หนักแน่นมั่นใจ จึงคิดย้อนกลับมา ก็เกิดความโมโหขึ้น——
“หนูในเมื่อไม่ได้ป่วย ต่อให้เป็นการรั้งผู้ชาย ก็ไม่สมควรที่จะสาปแช่งตัวเองเช่นนี้! มิหนำซ้ำยังแช่งว่าเป็นโรคมะเร็งอีก เรื่องแบบนี้สมควรนำมาพูดล้อเล่นเหรอ ต่อให้คุณหมอให้ความร่วมมือในการช่วยหนูปิดบัง แต่จะปิดบังได้นานแค่ไหนกันเชียว”
“ถ้าหากกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา นิสัยของเฉินซี หนูไม่ใช่ไม่รู้! เขาไม่ชอบคนโกหกหลอกลวง! หนูนะหนู! จะให้พ่อต่อว่าหนูอย่างไรดี”
หานฉ่ายหลิงเอามือปิดใบหูทั้งสองข้างด้วยความรำคาญ สีหน้าโกรธที่ดูย่ำแย่ “พอเถอะค่ะ หนูก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้! มันเกินความคาดหมายของหนูไปแล้ว พ่ออย่าได้พูดอีกเลย!”
พลางพูดพลางวิ่งขึ้นไปชั้นบน
เมื่อหานฉ่ายหลิงกลับไปถึงห้องนอน ก็โยนทำลายข้าวของด้วยความโมโห โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และสุมอยู่ในอกจนลุกลามไปทั่ว ทำอย่างไรก็ไม่สามารถสงบลงได้
เธอยังอยากอยู่ในออสเตรเลียต่อ ในระหว่างนี้ขอเพียงยังไม่กลับประเทศ รออีกสักพักก็จะน่าจะมีคนนำใบหย่าไปให้กับซูย้าว ในนั้นมีลายเซ็นปลอมของเฉินซี คนใบ้คนนั้นไม่มีทางที่จะสงสัย แม้จะโมโหแต่ก็คงยอมเซ็นแต่โดยดี
เมื่อลี่เฉินซีกลับประเทศไป เขาก็ได้หย่าแล้ว และกลับคืนสู่อิสระอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้น เธอค่อยหาเหตุผลมาพูดกับเขา ทำดีกับเขา เขาจะต้องเข้าใจและให้อภัยยอมรับเธออย่างแน่นอน!
เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน และกำลังจะสำเร็จลุล่วง แต่เขากลับดึงดันต้องการที่จะกลับประเทศตอนนี้ อีกทั้งไม่แม้แต่จะถามความคิดเห็นจากเธอ
การกระทำตามอำเภอใจเช่นนี้ ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมยามปกติของเขาเลยสักนิด หรือว่าจับพิรุธอะไรบางอย่างจากตัวเธอได้
เธอนั่งอยู่บนเตียงด้วยความสงสัย สายตาสับสนวกวน ถ้าหากเป็นเช่นนั้น แล้วลูกน้อยที่อยู่ในท้องเธอตอนนี้ ควรจะทำอย่างไรดี……
วันรุ่งขึ้น ลี่เฉินซีมาที่บ้านตระกูลหาน
เมื่อเดินเข้าประตูมา พ่อหานที่นั่งดูหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟา เห็นเขาก็รีบลุกขึ้น แล้วพูดอย่างสุภาพว่า “อ้าว เฉินซี เพิ่งจะกลับมาเหนื่อยๆ ทำไมไม่พักผ่อนสักสองสามวันก่อนล่ะ”
“ผมไม่เป็นไร ฉ่ายหลิงล่ะครับ” ลี่เฉินซีแววตาสดใส ใบหน้ารูปงามไม่มีความซับซ้อนใดๆ
สายตาที่ลุ่มลึก ยิ่งทำให้คนไม่สามารถคาดเดาความคิดได้
ต่อให้พ่อหานเฉินซีจะคลุกคลีอยู่กับแวดวงธุรกิจมานานหลายปี ก็ไม่อาจที่จะคาดเดาความคิดของเขาได้ ผู้ชายแบบนี้ ไม่เพียงแต่ฉลาดปราดเปรื่อง ไหวพริบชั้นเชิงก็สุดยอดไม่แพ้กัน
“ฉ่ายหลิงอยู่ข้างบน! ตั้งแต่เช้าก็ยังไม่เห็นเธอลงมา น่าจะยังนอนหลับอยู่!” พ่อหานกล่าว
ลี่เฉินซีพยักหน้า ในขณะที่หันหลังขึ้นไปชั้นบน เขาก็ได้ถามขึ้น “ร่างกายของเธอเป็นอย่างไรบ้าง คุณหมอได้มาตรวจหรือยัง ยาล่ะ ได้ทานหรือยังครับ”
เมื่อถูกถามคำถามมากมายอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป็นห่วงเอาใจใส่ทุกอย่าง
จึงทำให้ความกังวลที่มีในใจของพ่อหาน มลายหายไปฉับพลัน
“ดีขึ้นแล้ว หลังจากที่เธอกลับมาก็ได้ทานยา แล้วหยอดน้ำเกลือ คงเป็นเพราะร่างกายยังปรับเวลาไม่ได้ ถึงได้ยังหลับไม่ตื่น”
เพื่อลูกสาวอันเป็นที่รัก พ่อหานก็ได้ตามน้ำพูดโกหกตามลูกสาวไปด้วย ได้แต่ทอดถอนใจในใจอย่างเหนื่อยใจ และก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้
ช่างน่าอนาถใจจริงๆ
ลี่เฉินซียิ้มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็สาวก้าวเดินขึ้นไปชั้นบน
ผลักประตูห้องนอน ด้านในห้องมืดสนิท ผ้าม่านที่หนาตึบได้บดบังแสงสว่างจ้าจากด้านนอก ไม่ให้เล็ดลอดเข้ามา
ห้องที่มืดสนิท เขาปรับสายตาอยู่สักครู่ เมื่อโฟกัสทิศทางได้แล้วถึงเดินเข้าไปข้างใน มองบนเตียงเห็นเหมือนว่ามีคนนอนอยู่ ลี่เฉินซีขมวดคิ้วขึ้นจากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้
“ฉ่ายหลิง”
เขาเรียกชื่อเบาๆ พลางโน้มตัวกับจับไปที่ผ้าห่ม
แต่กลับเป็นเพียงเตียงที่ว่างเปล่า ในผ้าห่มเป็นเพียงหมอนข้าง
“ฉันอยู่ตรงนี้ค่ะ!”
เสียงนั้นลอยมาจากด้านหลัง ลี่เฉินซีหันไปมอง เห็นหานฉ่ายหลิงนั่งอยู่บนโซฟา
ร่างอรชรสวมชุดนอนลายลูกไม้สีขาวตัวบาง อวดเรือนร่างสุดเช็กซี่และงดงาม ส่วนชุดชั้นในสีเข้มตัดกับชุดนอนอย่างเห็นได้ชัดเจน
การผสมผสานระหว่างสีสันของเฉดสี ทำให้หญิงสาวยิ่งดูมีเสน่ห์เย้ายวน
โดยเฉพาะช่วงเอวคอดมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่เกิดจากท่านอนตะแคงข้างบนโซฟา ขาที่เนียนเรียวยาว เหยียดตัวขึ้นเล็กน้อย ส่งสายตายั่วยวน มองเขาด้วยอารมณ์ที่เว้าวอน
“เฉินซี……”
น้ำเสียงของเธอยิ่งนุ่มนวลอ่อนหวาน ลำคอกระเส่ายั่วเย้าราวกับผสมด้วยน้ำผึ้ง ทำให้คนฟังรู้สึกสยิวถึงข้างในกระดูก
แต่ลี่เฉินซีกลับมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าไร้ความรู้สึก ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแวบหนึ่ง ใบหน้าที่สวยงดงามพอดี แต่งเติมหน้าที่เนียนประณีต แก้มแดงระเรื่ออ่อนๆ ไม่ขาวซีดอ่อนแรงเหมือนกับตอนที่อยู่ออสเตรเลีย น้ำเสียงของเขาแปลกใจเล็กน้อย “หายป่วยแล้วเหรอ”
เพียงสี่คำก็สนั่นแสบไปถึงแก้วหูของหานฉ่ายหลิง
ดวงตาแบบแอปริคอทของเธอได้แต่กลอกไปมา มือน้อยๆเรียวยาวถลกกระโปรงชุดนอนขึ้น เผยให้เห็นถึงเรียวขาที่ขาวสะดุดตา ก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “คุณก็รู้ดี ฉันไม่ชอบแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น”
“แม้แต่ผมด้วยหรือ” ลี่เฉินซีเอ่ยเบาๆ สีหน้าที่ราบเรียบเริ่มเคร่งขรึม
จนหานฉ่ายหลิงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย แต่สายตาที่มองเขายังคงยั่วยวนเว้าวอน แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันอยากให้คุณได้เห็นมุมที่ดีที่สุดของฉัน เพราะไม่รู้ว่าวันไหนจะเป็นการพบเจอกันครั้งสุดท้าย ดังนั้น……”
“พอเถอะ !” ลี่เฉินซีขัดจังหวะเธอขึ้น “คุณไม่เป็นไรหรอก อย่าพูดแบบนี้สิ”
“ใครจะไปล่วงรู้อนาคตล่ะ ฉันก็แค่อยากจะใช้เวลาในตอนนี้ให้มีความสุขที่สุด เฉินซี ฉัน……”
คำพูดติดอยู่ที่ริมฝีปาก แต่เธอกลับไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไร ตัวเองได้แสดงออกชัดเจนเช่นนี้ เขามองไม่เห็นหรืออย่างไร
สีหน้าของหานฉ่ายหลิงก็ยิ่งออดอ้อนออเซาะ เม้มปากอย่างน้อยใจ ขานชื่อเขาเบาๆอย่างหวานล้ำซ้ำยียวนชวนหลงใหล
“เฉินซี……”
เขาปิดตาลงด้วยความเพลียจิต และลืมตามองเธออีกครั้ง ท่าทางยังคงไร้ซึ่งการตอบสนอง พูดเพียงว่า “พักผ่อนให้เพียงพอนะ อย่าลืมหยอดน้ำเกลือแล้วก็ทานยา ถ้าหากรู้สึกร่างกายเจ็บป่วยตรงไหน ก็ให้รีบบอกผม”
หลังจากกำชับไม่กี่คำก็หันหลังเดินออกไป
หานฉ่ายหลิงผงะ แล้วลุกขึ้นพรวดอย่างรวดเร็ว ก้าวเท้าเปล่าบนพื้นไม้ วิ่งเข้าไปกอดที่ด้านหลังของเขา จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อย่าไปได้ไหม! เฉินซี ฉันไม่อยากให้คุณไปจากฉัน ……”
ลี่เฉินซีหรี่ตาลงมองมือน้อยๆที่กอดอยู่ที่เอวของเขา งดงามมาก เพียงแต่ว่าไม่สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกเดิมๆแบบนั้นได้อีกต่อไป
เพราะคนเปลี่ยนหรือเรื่องราวที่เปลี่ยน
หรือเป็นเพราะผ่านเรื่องราวมามากเกินไป ทุกอย่างถึงได้เปลี่ยน
จนแยกแยะกันไม่ออกแล้ว ใช่ไหม
เขาค่อยๆแกะมือเธอออก แล้วหันหลังมา ฝ่ามือใหญ่ลูบอยู่บนศีรษะของเธอ “ผมจะยังกลับมาเยี่ยมดูคุณอีก อย่าดื้อนะ รักษาสุขภาพให้ดีๆ”
หัวใจของหานฉ่ายหลิงจมดิ่งลง สีหน้าหม่นหมองขุ่นมัวขึ้น
เห็นเขาหันหลังเดินออกไปด้วยตาปริบๆ แม้ว่าตัวเองอยากจะรั้งเขาไว้มากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้….