เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 206
บทที่ 206 คุณเป็นเพียงผู้หญิง
เวลาช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น ตำรวจไปที่บ้านของบ้านตระกูลซู เข้าจับกุมซัวฉ่ายลี่ที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขกเพื่อนำตัวมาไต่สวนคดี
คดีเก่าที่ถูกทิ้งร้างมานานสิบสามปี ถูกรื้อฟื้นขึ้นอีกครั้ง หลักฐานพยานทั้งหมดชี้ไปที่ซัวฉ่ายลี่
มีถ้วยที่เธอใช้สำหรับใส่ซุปโสมให้ซูป๋อลอนดื่ม ผ่านมาแล้วหลายปี แต่สารพิษที่ยังค้างอยู่ในนั้น ยังคงสามารถที่จะสกัดออกมาได้
ยังมียาพิษที่ซ่อนอยู่ในตู้เซฟในห้องเธอ หลายปีผ่านไปแล้ว เธอก็ยังไม่ได้ทำลายทิ้ง ยังคงเก็บรักษาไว้ คงคิดว่าบางทีอาจจะได้ใช้ประโยชน์อีก
รวมไปถึงหลักฐานทุกประเภทที่เกี่ยวกับการยักยอกเงินของบริษัทซูซื่อ ลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมายเป็นเวลานานหลายปี หลักฐานพยานพร้อมมัดตัว ต่อให้ซัวฉ่ายลี่อยากเล่นลิ้นปฏิเสธมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้ มีทางเดียวคือ สารภาพผิดแล้วรับโทษตามกฎหมาย
ทนายจินเป็นทนายที่ซูย้าวรู้จักเมื่อหลายปีก่อน ในแวดวงทนายความก็ถือว่าเป็นคนมีชื่อเสียง ในชั้นศาลพูดจามีเหตุมีผลมีหลักการ จนสามารถสยบซัวฉ่ายลี่ให้ไม่สามารถหาคำพูดมาโต้แย้งได้ ในที่สุด จึงต้องโทษคดีฆาตกรรมสามี ยักยอกและขนย้ายทรัพย์สิน ลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมายต่างๆ ฯลฯ ถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปตลอดชีวิต
สำหรับคดีของบริษัทซูซื่อนี้ กลายเป็นเรื่องฮือฮาไปทั่วประเทศ เพราะในขณะเดียวกันที่ซัวฉ่ายลี่วางยาสามีจนถึงแก่กรรม ยังโยงไปเกี่ยวข้องกับการวางยาลูกเลี้ยงอย่างซูย้าว เธอจึงขึ้นชั้นศาลไปเป็นพยาน และชี้ตัวผู้กระทำผิดที่โหดเหี้ยมเช่นนี้อย่างซัวฉ่ายลี่
ทันทีที่คำพิพากษาจบลง สีหน้าของซัวฉ่ายลี่ไม่มีความรู้สึก ราวกับรู้อยู่แล้วว่าผลจะต้องออกมาเป็นแบบนี้ รอตำรวจมาใส่กุญแจมืออย่างสงบ แล้วคุมตัวไปฝากขังที่โรงพัก
ที่ด้านนอก ซูหยวนกลับโมโหเดือดดาล โกรธจนตาแดงก่ำ จับคอเสื้อของซูย้าวแล้วเขย่าอยู่อย่างนั้น “ใครกันที่เลี้ยงเธอให้เติบใหญ่ ถ้าหากว่าแม่ของฉันเหี้ยมโหดอีกสักนิด ฆ่าเธอไปเสียตั้งแต่ตอนนั้นก็คงจะดี! ซูย้าว เธอมันคนอกตัญญู!”
“ฉันเกลียดเธอ! คอยดูนะ! ต้องมีสักวันที่ฉันจะทำให้เธออยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น!”
ซูหยวนถูกตำรวจดึงตัวออกไป แต่เธอยังคงด่าทออย่างต่อเนื่อง และดังกระทบลงไปที่แก้วหูของคนจำนวนมาก
ทนายจินได้ถือเอกสารกองโต แล้วดันแว่นที่ดั้งจมูก จากนั้นพูดขึ้น “ซัวฉ่ายลี่หาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น ส่วนซูหยวนก็ช่วยคนเลวก่อกรรมทำเข็ญ เป็นสุนัขจิ้งจอกที่ชอบแอบอ้างบารมีเสือเพื่อนรังแกคนอื่น แต่ตอนนี้เสือไม่อยู่แล้ว ทุกอย่างในบริษัทซูซื่อก็ตกเป็นของเธอ ซูย้าว อย่าไปกลัวคนแบบนี้!”
เธอแค่ยิ้มให้อย่างอ่อนแรง รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความอ้างว้างที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะซูหยวนต้องการทำร้ายเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าหากไม่ใช่เพราะซัวฉ่ายลี่ที่ไม่เคยสำนึกผิด เธอก็คงไม่คิดทำแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องเมื่อสิบปีก่อน หลายปีมานี้เหมือนกับเป็นฝันร้าย ที่คอยหลอกหลอนอยู่ในจิตใจเธอ เธอต้องมาเห็นพ่อตายต่อหน้าต่อตา มันช่างอนาถและเศร้าใจเหลือเกิน คนที่ไม่เคยประสบกับตัวเองย่อมไม่มีทางเข้าใจอย่างแน่นอน
โม่หว่านหว่านรู้สึกมีความสุขมาก จึงได้กอดไหล่ของซูย้าว “ทำแบบนี้ถูกต้องแล้ว! น่าจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว!”
เมื่อพูดจบ ก็จ้องใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอ ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจกับหลายปีที่ผ่านมา ซูย้าวอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางศัตรูผู้ฆ่าบิดา จนกลายเป็นคนใบ้อย่างทุกวันนี้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเกิดจากซัวฉ่ายลี่คนนั้น
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ โม่หว่านหว่าน ก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ
“ย้าวย้าว หลายปีมานี้เธอลำบากแล้วนะ!”
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะล้มเซียวควนกับซัวฉ่ายลี่ หลักฐานต่างๆก็ใช่ว่าจะรวบรวมได้ภายในวันสองวัน ถ้าหากเมื่อตอนนั้นบริษัทซูซื่อกรุ๊ปไม่ได้ประกาศว่าล้มละลาย การรื้อฟื้นคดีวันนี้ก็คงไม่อาจจะราบรื่นได้ขนาดนี้
ยกย่องคนสูงเหยียบย่ำคนต่ำ กำแพงล้ม ผู้คนต่างเข้าไปผลัก มีแต่รอให้บริษัทซูซื่อฉิบหายวายวอด คุณพ่อที่ถูกใส่ร้ายในตอนนั้น ถึงจะได้รับความสนใจจากผู้คน
ช่างน่าเสียดายจริงๆ ที่จากนี้ต่อไปแวดวงธุรกิจในประเทศจะไม่มีบริษัทซูซื่ออีกแล้ว
ท่ามกลางฝูงชน เธอเห็นเงาร่างสูงใหญ่สวมชุดสูทยาวและใส่รองเท้าหนัง ช่างคุ้นเคยจนทำให้หัวใจเต้นแรง
สายตาของซูย้าวมองตามร่างนั้นอยู่นานสองนาน
เธอสาวก้าวอย่างรวดเร็วเพื่อดูให้แน่ชัด แต่ก็ถูกใครอีกคนใช้แรงจับข้อมือเธอไว้
เมื่อซูย้าวหันหน้ามา เธอก็ต้องตกใจที่เห็นว่าเพ้ยส้าวหลี่
รอยยิ้มจางๆยังคงแปะอยู่บนใบหน้ารูปงาม เขาดึงมือของเธอ แล้วโน้มตัวไปที่ข้างใบหู พูดเสียงทุ้มต่ำชวนฟัง “ผมรู้ ว่าคุณต้องทำได้ ตอนนี้ได้แก้แค้นแล้ว สมปรารถนาหรือยัง”
ดวงตาซูย้าวประกายแสงแห่งความเย็นชา ใบหน้านิ่งเรียบไร้ปฏิกิริยา
เพ้ยส้าวหลี่จ้องมองเธอ สายตาล้ำลึก “ผมรู้ คุณไม่ต้องการใครทั้งนั้น สิ่งที่อยากได้ มักได้เสมอ”
เธอเป็นผู้หญิงแบบนี้
ดูเหมือนจะอ่อนแอไม่มีพิษมีภัย อ่อนโยน แต่ในความเป็นจริงเธอแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัว
“แต่ทว่าอย่างไรคุณก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิง ต้องการไหล่ของใครสักคนเพื่ออิงแอบ ไม่ใช่เหรอ” เพ้ยส้าวหลี่กล่าวเบาๆ น้ำเสียงนั้นเหมือนกับกำลังหารือกันว่าอีกสักครู่จะทานอะไรกันดี
สายตาเย็นชาของซูย้าวที่ไม่สามารถอ่านอารมณ์ใดๆได้ มองดูเขาเงียบๆแล้วก็หันหลังไป เงาร่างสูงใหญ่นั้นหายไปกับฝูงชนแล้ว
โม่หว่านหว่านรับโทรศัพท์สายหนึ่งแล้วก็รีบมาหาด้วยความดีใจ กุมมือของเธอไว้ “พวกเราไปโรงพยาบาลกันเถอะ! โม่ป่ายบอกว่าคุณน้าฟื้นแล้ว!”
สองสาวจึงรีบไปที่โรงพยาบาล ในห้องผู้ป่วย อานโล๋ลืมตาขึ้นมาจริงๆ แต่ทว่าแววตานั้นยังคงเหม่อลอย จ้องอยู่แต่ที่เพดาน
ซูย้าวนั่งอยู่ข้างเตียง กุมมือของคุณแม่ไว้
“คุณน้า ฟื้นแล้วเหรอคะ” โม่หว่านหว่านก็มาอยู่ข้างเตียง โน้มตัวลงเหมือนกับได้ยินเสียงพึมพำอยู่ที่ลำคอของอานโล๋ ถอดหน้ากากออกซิเจนออก ดูคล้ายกับว่าริมฝีปากกำลังสั่น เหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่าง
โม่หว่านหว่านและซูย้าวต่างแนบศีรษะเข้าไปใกล้และฟังอย่างตั้งใจ
หลินโม่ป่ายที่ยืนอยู่ด้านหลัง ดวงตาลึกล้ำเต็มไปด้วยความเศร้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ในเวลานี้เขาเห็นดวงตาของซูย้าวค่อยๆหม่นลง จากนั้นปากของอานโล๋คล้ายๆเปล่งเสียงออกมา เหมือนว่ากำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่ทว่าซูย้าวกลับเหมือนถูกกระทบกระเทือนอย่างแรง ก้าวถอยหลังสองสามก้าวอย่างอ่อนกำลัง
อานโล๋ตื่นมาไม่นาน ก็สลบไปอีก
หลายปีมานี้ เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากการทารุณกรรมและการบำบัดต่างๆจากโรงพยาบาลคนบ้า ร่างกายจึงสาหัสย่ำแย่มานานแล้ว แต่เพื่อลูกสาวเธอจึงได้พยายามประคองตัวเองไว้
เวลานี้เธอล้มป่วยลงกะทันหัน เหมือนกับเป็นการเปิดเผยความเจ็บปวดที่มีอยู่ในร่างกายทั้งหมดของเธอออกมาให้ได้เห็น และแน่นอนว่าสภาพของเธอตอนนี้ย่ำแย่มาก
โม่หว่านหว่านก็เหมือนกับได้ยินสิ่งที่อานโล๋พูด จึงนั่งเป็นเพื่อนกับซูย้าวข้างเตียงอยู่สักพัก จนกระทั่งเย็น ถึงได้ดึงมือเธอแล้วเดินมาที่ระเบียง
“จนป่านนี้แล้ว ทำไมคุณน้าถึงต้องการพบซัวฉ่ายลี่” โม่หว่านหว่านคิดไม่ตก คนที่ทำร้ายตัวเองกับลูกสาวมาตลอดทั้งชีวิต มีอะไรที่ต้องพบเจอกันอีก!
ซูย้าวก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ว่าสถานการณ์ของคุณแม่ตอนนี้ เกรงว่า……
“ซัวฉ่ายลี่ทำร้ายเธอจนเป็นใบ้ และยังทำร้ายคุณอาจนเสียชีวิต แล้วยังทำร้ายคุณน้าจน……”
โม่หว่านหว่านโกรธมาก โกรธจนหมดคำจะพูด จนสุดท้ายเธอก็กัดฟันแล้วพูดออกมาว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร พรุ่งนี้ซัวฉ่ายลี่ก็จะถูกส่งตัวไปที่เรือนจำ ผู้หญิงที่เหี้ยมโหดแบบนี้ ไม่เจอก็ดี!”
ซูย้าวครุ่นคิด แล้วก็ส่ายหัวขึ้น ในเมื่อเป็นความต้องการของคุณแม่ อย่างนั้นเธอเต็มใจที่จะทำตามความต้องการของท่าน
เธอเงียบไปสักพัก ในที่สุดก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วติดต่อไปหาทนายจิน
สติของอานโล๋ยังไม่ฟื้นคืน แต่ทว่าเธอกลับต้องการเจอซัวฉ่ายลี่ในสภาพเช่นนี้ จะต้องมีคำพูดที่ต้องการพูดกับเธออย่างแน่นอน!
ผู้หญิงสองคนต้องทุกข์ทรมานเจ็บปวดเพราะผู้ชายหนึ่งคนมาตลอดทั้งชีวิต ต่างฝ่ายต่างเกลียดชัง เคียดแค้น เมื่อคิดๆดูดีๆแล้ว ก็ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน
คิดไปคิดมา ก็ไม่ได้ต่างจากตัวเองตอนนี้เลยใช่ไหม
เธอกับหานฉ่ายหลิง หญิงสาวสองคนที่ต่อสู้กันเพื่อผู้ชายคนเดียว
ซูย้าวฉลาดขนาดนั้น ทำไมจะดูไม่ออกว่าข้อความทางวีแชทนั้นหานฉ่ายหลิงเป็นคนส่งมา และพยายามสวมรอยว่าเป็นเขาก็เท่านั้นเอง
ดังนั้นเธอถึงได้ลบเขาทิ้งไป
และก็คงจะมีแต่เฉพาะตอนนี้ ที่มีความกล้าที่จะลบทิ้งไป รักมากเกินไป ก็จะสูญเสียความเป็นตัวเองได้อย่างง่ายดาย