เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 222
บทที่ 222 เมื่อรักแล้วก็รักซะ
ห้องอาหารกว้างใหญ่ที่ชั้นล่างของโรงแรม มีแขกมาใช้บริการไม่มาก ลู่ส้าวหลิงหยิบเสี่ยวหลงเปาทอดมาใกล้ตัวเอง แล้วเหลือบตามองเขา ถอนหายใจ “ถ้านายยังไม่ยอมรับ งั้นขอถามหน่อย เธออยากหย่า ทำไมนายไม่เห็นด้วยล่ะ แล้วทำไมนายถึงโกรธ”
“โกรธหรือ” ลี่เฉินซีพึมพำแปลกใจ กลอกตาไปมา “ฉันแค่กำลังคิดเรื่องปัญหาสิทธิ์เลี้ยงดูเล็กก็เท่านั้น!”
ลู่ส้าวหลิงกลับพูด “น้อยๆ หน่อย เอาเด็กมาเป็นข้ออ้าง ปากไม่ตรงกับใจ หลอกตัวเองแล้วยังหลอกคนอื่น! นายรักเธอต่างหาก ถึงได้ไม่อยากเสียเธอไป!”
ลี่เฉินซีไม่พูดต่อ เพียงแต่หยิบบุหรี่ออกมาจากซอง หันไปมองแสงรุ่งอรุณนอกหน้าต่าง ส่องแสงเรืองรอง แสงอาทิตย์สว่างสวยงาม
เสียงคลิกของไฟแช็ก จุดบุหรี่ในมือ ความคิดหนึ่งเกิดขึ้นในใจช้าๆ ที่แท้ นี่คือรักหรือ…
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจ เพียงแต่มองข้ามโดยไม่ตั้งใจ และไม่เคยคิดจริงๆ เขาจะรักเธอได้
ความรักมักเป็นอย่างนี้ มาเงียบๆ
ขณะที่ปราศจากเสียงนั้น มาถึงอย่างกะทันหัน มาเร็วเหลือเกิน กะทันหันเหลือเกิน ไม่สังเกตสักนิด และอาจหายไปเงียบๆ
ลี่เฉินซีในที่สุดก็เข้าใจหัวใจตัวเอง และยอมรับความคิดที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจ หลังจากนั้นทั้งวัน นอกจากจะจัดการงานในมือแล้ว เวลานอกจากนั้น ก็ค้นหาเว็บไซต์ต่างๆ
ตอนกลางวัน หวางอี้เร่งเขาไปกินข้าว เขาค่อยหาเวลาลุกขึ้นไปห้องพักผ่อน
แต่เขาไม่ได้ปิดคอมพิวเตอร์ หวางอี้มาหยิบเอกสาร กวาดตามองเห็นโดยไม่ตั้งใจ เว็บไซต์ต่างๆ บนหน้าจอ เกี่ยวกับแผนกสูตินรีเวช และยังมีคอลัมน์เกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กโดยเฉพาะ ก่อนคลอดต้องทำอย่างไร
แม้แต่ตอนที่หวางอี้ไม่รู้ เขายังเข้าเว็บสั่งซื้อหนังสือและเพลงสำหรับเด็กก่อนคลอดมากมาย
ตอนนั้น เธอท้องลี่เจิ้ง เขาคิดว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ การแต่งงานที่มีสาเหตุจากพินัยกรรม ก็แค่เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวสองฝ่ายเท่านั้น มีเด็กเพิ่มขึ้นมา รังแต่เพิ่มความวุ่นวาย
ตอนนั้นเขาจึงไม่ได้ทำอะไรเพื่อลี่เจิ้ง และไม่ได้ทำอะไรเพื่อเธอ แต่ครั้งนี้ต่างออกไป
ในเมื่อเขารักเธอ และเธอยังเป็นภรรยาของเขา เด็กคนนี้ เป็นดวงใจร่วมกันของคนสองคน เขาต้องดูแลให้ดี ไม่มีวันให้ทั้งเด็กและเธอ ได้รับความลำบากแม้แต่น้อย
วันธรรมดา หากตอนกลางวันไม่ต้องกินเลี้ยง ลี่เฉินซีใช้เวลากินข้าวไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่วันนี้ มีพันธมิตรทางธุรกิจมาขอเยี่ยมชมโรงงานเคมีในเครือของบริษัทลี่ซื่อ
ในฐานะประธานกรรมการบริหาร จึงต้องไปต้อนรับนักธุรกิจต่างชาติด้วยตัวเอง
เมื่อหานฉ่ายหลิงมาหา จึงไม่เจอลี่เฉินซี เธอนั่งบนโซฟาในห้องทำงานรู้สึกผิดหวัง ดื่มกาแฟที่เลขาเพิ่งเอามาให้
“คุณหาน ประธานลี่ออกไปเป็นเพื่อนนักธุรกิจต่างชาติชมโรงงานครับ คงอีกอย่างน้อยสองชั่วโมงถึงจะกลับมา” หวางอี้เข้ามาอธิบาย
หานฉ่ายหลิงพยักหน้า ดูเวลา “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังมีเวลา จะรอเขาที่นี่ค่ะ!”
หวางอี้ไม่พูดอะไร ก็ออกไป
หานฉ่ายหลิงนั่งเซ็งๆ เบื่อๆ ในห้องทำงานคนเดียว พลิกนิตยสารการเงินบนโต๊ะรับแขก ลุกขึ้นเดินไปเดินมา แล้วมานั่งที่โต๊ะทำงาน
คอมพิวเตอร์อยู่ในโหมดพักการทำงานแล้ว มองบนโต๊ะเป็นระเบียบ กองเอกสารที่จัดเป็นระเบียบอยู่ข้างหนึ่ง เป็นระเบียบเหมือนเจ้าของ
นั่งบนเก้าอี้บอสหมุนรอบหนึ่ง นิ้วเคาะถูกแป้นพิมพ์ ทำให้หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่พักอยู่สว่างขึ้น
เห็นสกรีนเซิร์ฟเวอร์ยังเป็นภาพตัวเอง ชั่วเวลาหนึ่ง ความสุขเปี่ยมล้นขึ้นมาทันที
เมื่อรู้ว่าตัวเองมีตัวตนในใจเขา ยัยใบ้คนนั้น อย่าได้คิดแย่งผู้ชายกับเธอ!
เพราะคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ไม่ได้เก็บเอกสารที่เป็นความลับอะไร จึงไม่ได้ตั้งรหัสผ่าน หลังจากสกรีนเซิร์ฟเวอร์ ก็เข้าหน้าเดสก์ท็อป
หานฉ่ายหลิงเห็นเว็บไซต์ที่เปิดไว้สิบกว่าหน้า ก็ถึงกับอึ้ง——
ทั้งหมดเป็นเนื้อหาสูตินรีเวช ระยะครรภ์ช่วงไหนควรกินอะไร ควรดูแลหญิงตั้งครรภ์และลูกในท้องอย่างไร…
เรื่องที่ซูย้าวท้อง เขารู้เรื่องนี้
หรือพูดได้ว่า ทั้งหมดนี้เพื่อยัยใบ้นั่น?!
เพลิงแค้นลุกโชนในใจของเธอ ลี่เฉินซียังลืมยัยใบ้นั้นไม่ได้ กระทั่งยังคิดที่จะดูแลเธอกับลูกในท้องให้ดีอีก
น่าขยะแขยง ซูย้าว ทำไมคอยตามหลอกหลอนไม่ไปให้พ้นสักทีนะ
หานฉ่ายหลิงกำหมัดแน่นโมโห กัดฟันกรอดขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่อยู่ที่ห้องทำงานต่อ ลุกขึ้นออกไปข้างนอก
หวางอี้กำลังถือกาแฟกับขนมจะเอาเข้าไปให้ เห็นหานฉ่ายหลิงเดินสะบัดออกไป ใบหน้ามีคำถาม ”คุณหาน”
เขาเรียกชื่อเธอ แต่ หานฉ่ายหลิงก้าวฉับๆ ไม่ได้ยินเสียงเขาเลย เดินตรงไปที่ลิฟต์ ลงชั้นล่างไป
ลานจอดรถชั้นใต้ดิน เธอหยิบมือถือขึ้นมากดโทรเบอร์หนึ่ง “เรื่องที่ฉันให้เตรียมเป็นไงบ้าง เร็วที่สุด! ฉันเพิ่มค่าจ้างเท่าหนึ่ง แต่ต้องเร็วขึ้น เริ่มสองสามวันนี้ได้ดีที่สุด เข้าใจมั้ย”
วางสายแล้ว หานฉ่ายหลิงก็ขึ้นรถ ซูย้าว บีบให้เธอต้องมาถึงขั้นนี้ให้ได้ ก็ได้ เธอจะรอดู ตอนนั้นเมื่อเกิดเรื่องทุกอย่างแล้ว ดูซิเขาจะเลือกยัยใบ้ หรือเธอ!
อีกด้านหนึ่งของเมือง ในอพาร์ทเมนท์ใจกลางเมือง ซูย้าวง่วนกับงานในห้องหนังสือ
เธอรับคำเชิญของ กรุ๊ปK เพื่อช่วยเตรียมโครงการทางการเงิน เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ใช้ในครัวเรือน
เพียงแต่ตอนที่เริ่มโครงการนี้ เธอคิดว่า ถ้าหากให้บริษัทลี่ซื่อทำโครงการนี้ คงเหมือนเสือติดปีกแน่ ในเมื่อหลายปีมานี้บริษัทลี่ซื่อ เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ใช้ในครัวเรือนในประเทศ โครงการดีขนาดนี้ ยกให้ กรุ๊ปK เหมือนเสียเปล่า
หลังจากยุ่งตลอดบ่าย แม้แต่อาหารกลางวันก็ไม่ได้กิน กว่าจะได้หยุดพักตอนนี้ ท้องรู้สึกหิวแล้ว
ลี่เจิ้งดูเหมือนจะนอนกลางวันพอแล้ว บิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้นนั่ง ยื่นมือเล็กๆ สองข้างให้เธอ ปากเรียกเธออ้อแอ้
“หม่าม้า หิว…”
ซูย้าวยิ้ม อุ้มลูกชาย พาเขาห้องน้ำล้างหน้าก่อน แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมออกไปกินข้าว
ตั้งแต่ทะเลาะกับลี่เฉินซีครั้งก่อน โยนสัญญาหย่าให้เขาแล้ว ก็ไม่เคยได้รับข้อความอีกเลย ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เห็นด้วยกับเรื่องหย่ามั้ย หรือว่ากำลังทำเอกสารเรื่องสิทธิ์เลี้ยงดูลูก
เขาคงรอให้เธอคลอดลูกคนที่สอง ค่อยพูดถึงเรื่องแต่งงาน!
ถึงตอนนั้น ก็มีปัญหาต้องแย่งสิทธิ์เลี้ยงลูกสองคนแล้ว
ซูย้าวมองเด็กน้อยในอ้อมกอด เด็กสองคน ถ้าต้องฟ้องศาลขึ้นมา เธอคงได้สิทธิ์แค่คนเดียว ไม่มีทางรักษาลูกไว้ได้สองคน
จะทำอย่างไรดี
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เธอรู้สึกปวดหัวแทบระเบิด นี่เป็นโจทย์ยากมาก
ช่างเถอะ กินข้าวก่อนละกัน!
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วพาลูกชายออกจากห้อง
สองแม่ลูกกำลังจะออกจากอพาร์ทเมนท์ เดินไปได้ไม่เท่าไร ก็เจอกับคนแก่ที่เคยเจอกันที่ซูเปอร์มาเก็ต หน้าตาธรรมดา รูปร่างไม่ถึงกับสูง แต่เมื่อดูแววตาแหลมคมเหมือนเหยี่ยว ใบหน้าลึกลับยากหยั่งถึง ทำให้รู้สึกไม่อยากเข้าใกล้
“อ้าว คุณซู จะออกไปข้างนอกหรือครับ!” คนแก่เห็นเธอก็รีบเข้ามาทักทาย ใบหน้าเป็นมิตรทำให้ยากที่จะปฏิเสธ
สำคัญที่สุด ลี่เจิ้งก็เป็นมิตร เด็กน้อยจะมีประสบการณ์ความซับซ้อนและอันตรายของสังคมผู้ใหญ่ได้อย่างไร
ลี่เจิ้งทักทายชายแก่อย่างดีใจ ใบหน้าไร้เดียงสายิ้มร่าเริง “คุณอา!”
“โอ๊ะ หนูน้อยวันนี้ดูเหมือนจะดีใจมากนะ!” ชายแก่ยื่นมือมาจับแก้มยุ้ยของลี่เจิ้ง “คุณซูพาลูกไปไหนหรือครับ”
“กินข้าวครับ” ลี่เจิ้งตอบทันที และเพื่อให้ซูย้าวเข้าใจจึงทำภาษามือด้วย
ชายแก่คุยกับเด็กชายอย่างกันเองอีกครู่หนึ่ง ซูย้าวก็พาลูกชายไปกินข้าว ไม่รู้เพราะเหตุใด เสี้ยววินาทีที่เดินผ่านไป เธอก็รู้สึกเย็นเสียวสันหลังวาบ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาว
เธอคิดมากไปหรือเปล่า
อดไม่ได้ที่จะหันไปมองแวบหนึ่ง ชายแก่ถือตะกร้าจ่ายตลาดเดินจากไป ท่าทางเหมือนคนมีอายุ ดูไม่ออกว่ามีลับลมคมในอะไร เหมือนคนแก่ทั่วไป หรือว่าเธออาจจะคิดมากไป!
คิดไม่ถึง ซูย้าวพาเด็กเดินไกลออกไป ชายแก่เดินมาที่หน้าห้องเธอ สายตาหรี่ลงดูอันตราย
เดินเข้าไป หยิบอุปกรณ์ชุดหนึ่งออกมา ปลดล็อกรหัสผ่านอย่างรวดเร็ว เข้าไปในห้องอย่างแผ่วเบา
เพิ่งเข้าประตู ท่าทางของชายแก่สบายๆ เปลี่ยนรองเท้าแตะก่อน แล้วหยิบมือถือขึ้นมา ถ่ายรูปรอบๆ พลางสำรวจดู ชั้นบนชั้นล่าง ค้นหาทั้งหมดรอบหนึ่ง สุดท้ายก็หยิบมือถือมาโทรหาเบอร์หนึ่ง
“นายจ้างเพิ่มเงินให้แล้ว ให้พวกเราลงมือเร็วที่สุด ข้ามาตรวจดูแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้เรื่องอะไร แค่มีลูกอายุไม่ถึงสามขวบ ห้ามทำร้ายเด็ก ให้ลงมือกับผู้หญิงพอ!