เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 231
บทที่ 231 มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนลักพาตัว
“แปลกตรงไหน?” ลี่เฉินซีถามเสียงเบาตามใจคิด ยังคงพลิกดูเอกสารในมือของเขาอย่างไม่แยแส
หวางอี้ขับรถพลางขมวดคิ้ว เขาคิดอย่างละเอียด ยังคงพูดในสิ่งที่สงสัยในใจออกมา
“คดีลักพาตัวทั่วไป ก็เพียงเพื่อที่จะไถ่เงิน หรือในนามของการลักพาตัว ก็เพื่อที่จะระบายความโกรธ อีกแบบก็คือคดีลักพาตัวต่อเนื่อง อันนี้ก็มีคนโรคจิต ทำไปเพื่อสนองความเห็นแก่ตัว และความปรารถนาของตัวเอง”
เห็นได้ชัดว่าคดีลักพาตัวแบบที่สามโดย คดีที่หานฉ่ายหลิงถูกลักพาสามารถตัดออกไปได้ว่าไม่ใช่ประเภทที่สาม
ลี่เฉินซีก็เข้าใจในข้อนี้เช่นกัน “พูดต่อ”
“หัวหน้าของการลักพาตัวครั้งนี้คือหลงเบียวอายุห้าสิบสามปี ตลอดชีวิตเขาว่างมากสุดๆไม่มีอะไรทำ ประวัติชั่วร้ายมีมาก ประวัติต้องโทษก็มีค่อนข้างมาก แต่ส่วนใหญ่ชกต่อย ทะเลาะวิวาท พยายามปล้น แต่ไม่มีกรณีลักพาตัวปรากฏออกมาให้เห็น”
นี่เป็นจุดน่าสงสัย
หวางอี้ยังคงพูดต่อ “ลูกน้องสองคนของ หลงเบียวเป็นวัยรุ่น อายุยี่สิบปี พวกเขายังเป็นนักเลงรุ่นเยาว์ที่เพิ่งเข้าสังคม ชกตีผู้คนและขโมยของ”
ไม่ใช่คนชั่วร้ายใหญ่โตอะไรเสียขนาดนั้น จะทำพลาดทิ้งร่องรอยใหญ่ขนาดนี้ ลักพาตัวเรียกค่าไถ่โดยตรง? มันไม่สมเหตุสมผลเลยนี่!
แม้ว่าหลงเบียวจะอายุมากแล้ว คิดอยากต่อสู้เพื่อชีวิตวัยชรา แต่ทว่ามนุษย์อย่างพวกเขา ขนาดหานฉ่ายหลิงคือใคร ยังไม่รู้จัก ยิ่งไปกว่านั้น คิดจะลักพาตัว ต้องเตรียมอะไรมากมาย พวกเขาทำได้หรือ?
หวางอี้พูดไปสองข้อ สายตามองสีหน้าเจ้านายผ่านกระจกหลังเรื่อยๆ
ลี่เฉินซีไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไร เขาเพียงพูดเสียงทุ้ม “พูดต่อ”
“คนเหล่านี้ เกือบจะไม่ได้ติดต่อกับคุณหาน แถมไม่มีความคับแค้นใจระหว่างกัน ผมรู้สึกว่าพวกเขาแค่มาเอาเงินแทนใครบางคน”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะ หวางอี้ก็พูดประเด็นสำคัญอีกครั้ง “และโจรที่ขู่เข็ญเอาเงินเรียกค่าไถ่ ไม่ควรไปติดต่อกับบริษัทHS? ติดต่อไปที่ท่านประธานลี่โดยตรง อย่างนี้อีกทำไมกัน?”
เห็นได้ชัด ว่าโจรลักพาตัวรู้ความสัมพันธ์ระหว่างหานฉ่ายหลิงและลี่เฉินซี แต่ว่า ความสัมพันธ์นี้ ใครเป็นคนเปิดโปงออกไป?
แม้ว่าจะมีข่าวลือเกี่ยวกับลี่เฉินซีและหานฉ่ายหลิงจากภายนอกมากมาย แต่คนธรรมดาอย่างหลงเบียว จะเอาเรื่องข่าวลืออื้อฉาวแบบนี้ไปคิดเป็นจริงเป็นจังกันหรือ?
ลักพาตัวขู่กรรโชก เมื่อถูกจับถือว่าเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง ไม่เพียงแต่ไม่สามารถออกจากคุกได้ไปอีกครึ่งชีวิต ก็คือทรยศไปอีกสิบหรือยี่สิบปี เผชิญหน้ากับการคุกคามอย่างนี้ หลงเบียว จะทำเช่นนี้ไหม?
ในกรณีที่ลี่เฉินซีไม่จ่ายเงินค่าไถ่? ถ้าอย่างนั้นพวกเขาจะไม่ได้รับผลประโยชน์และอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายหรือ?
เป็นไปไม่ได้อย่างยิ่ง ไม่เป็นเช่นนี้แน่!
“แล้วก็ ประธานลี่ วิดีโอที่ถูกส่งมา ทำไมถึงส่งอันนี้มาล่ะ? ถ้าหากแค่เพียงจะกระตุ้นพวกเราให้รีบเตรียมเงินค่าไถ่ ส่งวิดีโอที่ทุบตีหรือทำร้ายคุณหานมาก็พอแล้ว ทำไมต้องเป็นอันนี้” หวางอี้พูดขึ้นอีกครั้ง
นี่คือจุดสำคัญที่ใหญ่ที่สุด
ขู่เข็ญจะเอาเงินสามร้อยล้านตรงๆ ถ้าใครที่รู้ภูมิหลังของบริษัทHS จะรู้ดีว่า บริษัทHS ไม่สามารถหาเงินมาได้มากขนาดนั้น
แต่วิดีโออันที่สอง ถูกส่งไปยังบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปโดยตรง
แสดงถึงอะไร?
หวางอี้คิดพิจารณา ถึงอย่างไรก็พูดไปเยอะแล้ว ยังไงก็พูดถึงข้อสงสัยสุดท้ายเสียดีกว่า “แล้วก็ โจรเรียกค่าไถ่สามคนนั้น ดูเหมือนกับว่าไม่อยากหลบหนี ไม่รู้วิธีทำลูกระเบิด และยังนำลูกระเบิดปลอมมาขู่ให้คนกลัวอีกด้วย คาดไม่ถึงว่าจะโง่ขนาดขับรถคิดหนีไป เพียงแต่มีไอคิวเล็กน้อย ก็ไม่เป็นเช่นนี้ไหม?”
ในเวลานั้นลี่เฉินซีมาที่นี่โดยเฮลิคอปเตอร์ โจรเรียกค่าไถ่สามารถลักพาตัวหานฉ่ายหลิงได้อีกครั้งหนึ่ง ให้เฮลิคอปเตอร์พาพวกเขาออกจากเมืองA ไปยังเมืองD หรือเมืองQ ที่อยู่ใกล้เคียง สองเมืองนี้ล้วนเป็นเมืองติดชายทะเล พวกเขาสามารถหลบหนีทางเรือได้
ปล่อยตัวประกันที่ไม่มีประโยชน์ไว้ และใช้รถในการหลบหนี วิธีนี้ โจรเรียกค่าไถ่ที่มีไอคิวหน่อยจะไม่เป็นเช่นนี้
“แล้วก็ ประธานลี่คุณสนใจตรงนี้หรือยังครับ โจรเรียกค่าไถ่พวกนั้น เมื่อถูกตำรวจจับกุมได้ ไม่มีวี่แววต่อต้านเลย!”
เมื่อฝั่งตำรวจขับรถสกัดกั้น พวกเขาก็ถือโอกาสหยุดรถ ปลดอาวุธและยอมจำนน ไม่ต้องใช้ความพยายามแม้เพียงสักนิด ก็สามารถจับกุมสามโจรนั้นได้ เรื่องมันง่ายจนตำรวจยังประหลาดใจ
คาดว่าสามคนนี้ ที่กล้าทำให้ผู้คนหวาดกลัวด้วยระเบิดปลอม จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ให้ตกเป็นเรื่องน่าหัวเราะของเหล่าผู้คน
แต่เบื้องหลังเรื่องไร้สาระนี่ คือเหล่าโจรเรียกค่าไถ่ที่ไม่มีสมอง หรือจะเป็นแผนการร้าย?
หวางอี้คิดว่าควรค่าแก่การไตร่ตรอง
ลี่เฉินซีไม่เคยสังเกตถึงตรงนี้ที่ไหนกัน ที่เขาไม่เข้าใจก็คือ เบื้องหลังของสามคนนี้ คนที่แอบซ่อนอยู่ คือใครกันแน่?
อพาร์ทเม้นท์ในเมือง โม่หว่านหว่านมาค้างแรมที่บ้านของซูย้าว หลังจากกล่อมเจิ้งเอ๋อให้นอนไปแล้ว ทั้งสองเบียดกันอยู่ในเตียงเดียว แย่งชิงผ้าห่มสักหลาดกันอยู่ผืนหนึ่ง
โม่หว่านหว่านลากศีรษะเล็กๆ ด้วยมือข้างเดียว เอียงศีรษะและมองไปที่ซูย้าวซึ่งนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง “เฮ้ นี่คิดอยากจะหย่ากับลี่เฉินซีจริงๆเหรอ?”
ซูย้าวไม่ต้องการพูดถึงหัวข้อนี้
เธอจะต้องการหย่าจริงๆได้อย่างไร
ในท้องยังมีลูกของเขา ตัวเองเป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ จะคิดหย่าได้อย่างไรกัน
แต่… …
มีหลายสิ่งเกิดขึ้นและเธอก็ยากที่จะอดทน
ถ้าหากหานฉ่ายหลิงไม่ได้เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริง ก็คงจะดีไม่น้อยเลย ไม่ว่าอย่างไรทุกคนต่างก็ทำท่าทำทาง ต่างก็กำลังสวมหน้ากากที่เรียกว่าเพื่อนที่ดีเพื่อเหตุผล ซ่อนแผนการลับของตนไว้
แต่ในเวลานี้ หานฉ่ายหลิงได้แบ่งไพ่ที่อยู่ในมือกับเธอตั้งนานแล้ว ผู้หญิงคนนั้นแค่ต้องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่าของเธอกับลี่เฉินซีและต้องการเข้ามาแทนที่เธอ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ลี่เฉินซีก็ยังคงปฏิเสธที่จะบอกลาหานฉ่ายหลิง และยังคงติดต่อกัน แม้กระทั่งเวลาออกไปทำงานนอกสถานที่กันสองคนยังต้องแฝงกายปิดหน้าปิดตากันไป จะให้ซูย้าวรับมันได้อย่างไร!
“ไม่เคยคิดบ้างเลยเหรอ ถ้าหากไม่มีหานฉ่ายหลิง เธอกับลี่เฉินซีก็ยังคงดีต่อกัน ผู้หญิงคนนั้น น่ารังเกียจมาก” โม่หว่านหว่านนอนคว่ำหน้าลงบนเตียง และใช้หมอนกดหัวตัวเองไว้เหมือนเต่าน้อย
“ฉันหวังว่าคดีลักพาตัวในครั้งนี้ จะทำให้หานฉ่ายหลิงตายไปเลย ตัดทิ้งนางหมาจิ้งจอกเรื่องเยอะนั้น! ” โม่หว่านหว่านสาปแช่งอย่างขอไปที
ซูย้าวอดที่จะถอนหายใจเล็กน้อยไม่ได้ เธอไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดโคมไฟ นอนกันเถอะ!
หลับตาแล้วฝัน ทุกอย่างก็ดีหมดแล้ว
วันรุ่งขึ้น ยังไม่ถึงหกโมงเช้าดี ก็ถูกปลุกด้วยเสียงเคาะประตูอย่างรัวรวดเร็ว
เจิ้งเอ๋อร้องไห้ใหญ่เพราะเสียงดังโวยวาย ซูย้าวกอดลูกพลางปลอบ โม่หว่านหว่านลงไปเปิดประตูพร้อมผมยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงบนหัว
ทันทีที่ประตูเปิดออก เจ้าหน้าที่ตำรวจอาชญากรรมในเครื่องแบบสองสามนายก็เดินเข้ามา
“นี่คือคุณซูย้าวหรือไม่?”
โม่หว่านหว่านส่ายหน้า
ซูย้าวเดินลงมาชั้นล่างพร้อมกับเด็กน้อยในอ้อมแขน เธอมองไปยังตำรวจที่ยืนอยู่ตรงประตู อดไม่ได้ที่จะมองด้วยความสงสัย
เธอเดินมาหา พร้อมกับใช้มือชี้มาที่ตัวเอง บ่งบอกว่าเธอคือซูย้าว
ดูเหมือนว่าตำรวจจะเข้าใจความหมาย ก่อนจะแสดงเอกสารการจับกุมและสืบค้นให้เธอดู “คุณชูย้าว คุณถูกสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ้างวานลักพาตัว ตอนนี้กรุณาให้ความร่วมมือกับพวกเราในการสืบสวน เพื่อให้เราจับกุมคุณและค้นบ้านในเวลาเดียวกัน”
เมื่อพูดจบ ก็มีคนมานำเด็กน้อยออกจากอ้อมแขนของซูย้าว ก่อนจะใส่กุญแจมือเธอทันที และเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆ ก็เริ่มที่จะค้นอพาร์ตเมนต์
โม่หว่านหว่านตกตะลึง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? จ้านวานลักพาตัวอะไร? ถ้าไม่พูดให้ชัด วันนี้ก็ไม่มีใครจะนำตัวเธอออกไปได้ทั้งนั้น! ”
ตำรวจต้องอธิบายอย่างช่วยไม่ได้ “คุณจ้างหลงเบียวและลูกน้องอีกสองคน ให้ไปลักพาตัวคุณหาน ตอนนี้หลงเบียวและคนของเขาถูกจับได้ และในคืนไต่สวนวันเดียวกันก็ยอมรับสารภาพแล้ว!”
“ลักพาตัวหานฉ่ายหลิง? และยังหลงเบียว?” โม่หว่านหว่านสงเสียงด้วยความประหลาดใจ “นี่มันเรื่องอะไรกัน? หลงเบียวคือใคร? พวกเราไม่รู้จัก!”
ตำรวจผลักโม่หว่านหว่านออกไป “เพราะว่าคุณไม่ได้จ้างวาน เลยไม่รู้จัก! คุณซูย้าว เชิญ!”
โม่หว่านหว่านอึ้งมาก “พวกคุณ…… พวกคุณแค่ฟังความพวกเขาข้างเดียว ก็มาจับกุมแล้ว รอก่อนเถอะ ฉันจะไปหาทนาย!”
ในขณะเดียวกัน เธอคว้าซูย้าวก่อนกำชับ “จำไว้ ทนายยังไปไม่ถึง ก็ไม่ต้องพูดอะไรสักคำนะ! อย่าไปเชื่อคำโกหกของคนพวกนี้”
พวกตำรวจมองมาที่โม่หว่านหว่าน พูดเพียงแค่ “ต่อต้านไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราจะไม่ให้คนดีได้รับความไม่เป็นธรรม และจะไม่ปล่อยพวกคนเลวไป!”
เมื่อพูดจบเขา พวกเขาก็พาซูย้าวตรงไปที่รถตำรวจ ก่อนจะคุมตัวไปที่สำนักงานตำรวจ