เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 234
บทที่ 234 ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
ร้านอาหารตะวันตกชั้นนำใจกลางเมือง แสงไฟนุ่มนวลและเสียงไวโอลินที่ไพเราะลื่นหู ราวกับเสียงในหุบเขาที่ว่างเปล่า บริสุทธิ์จนทำให้ความรู้สึกของผู้คนโลดแล่น
และฉากที่หาได้ยากเช่นนี้ยังเพิ่มความอยากอาหารให้กับลู่ส้าวหลิงเป็นอย่างมาก เป็นช่วงเวลาที่ดีที่ได้กินสเต็กที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ จิบชิมไวน์แดงเลิศรสและชื่นชมความงามของหญิงสาวที่เล่นไวโอลินในระยะไกล พอที่จะพูดได้ว่าทิวทัศน์นี่ช่างสวยงาม ทำให้ผู้คนอยากที่จะสนุกได้ทันเวลา
แตกต่างจากความมึนเมาของเขาในนั้น ลี่เฉินซีที่อยู่ตรงหน้าเพียงแค่จิบไวน์ไม่กี่อึก ใช้มีดและส้อมสีเงินตัดสเต็กบนจานอย่างยุ่งเหยิง ไม่มีกฎเกณฑ์ใดให้พูดแม้แต่น้อย
ไม่ต้องสืบก็รู้ ว่ามีเรื่องในใจ
และเห็นได้ชัดว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว
ลู่ส้าวหลิงมองไปยังเขาจากนั้นมองลงไปที่นาฬิกาข้อมือ เวลาผ่านไปกว่าสี่สิบชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่ที่ซูย้าวถูกจับ
ว่าตามเหตุผล หากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดการคุมขังของตำรวจจะต้องไม่เกินสี่สิบแปดชั่วโมง แต่คดีลักพาตัวนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กคำสารภาพยังไม่ราบรื่นอย่างยิ่งต่อซูย้าว มีความเป็นไปได้มากที่ตำรวจจะยื่นขอหมายจับอย่างเป็นทางการ
ในกรณีนี้ ถ้าอยากจะช่วย คงยาก
เขาเลิกคิ้วมองไปยังลี่เฉินซีอีกครั้ง คิดสักพัก ก่อนพูดกะทันหัน “เพลงนี้เพราะดี!”
ลู่ส้าวหลิงหมายถึงดนตรีไวโอลิน
ดวงตาที่ลึกล้ำของลี่เฉินซีไม่ได้ขยับ นิ้วเรียวยังคงจับแก้วทรงสูงเล่นอย่างเอื่อยเฉื่อย
“หรือว่านายเคยฟังใครบรรเลงดนตรีนี้แล้ว เลยไม่สนใจ?”
ทันทีที่พูดจบ ลดลงดวงตาที่เย็นชาของลี่เฉินซีเป็นประกายทันที สายตาที่น่าเกรงขาม เต็มไปด้วยคำเตือน
เป็นพี่น้องกันมาหลายปี รู้ความในใจของกันและกัน ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้อยู่แก่ใจ
ลู่ส้าวหลิงต้องการหาโอกาสที่จะพูดถึงเรื่องของซูย้าว หยั่งเชิงความคิดเห็นของลี่เฉินซี ลองดูว่ามีทางหนีทีไล่ช้าๆหรือไม่
อย่างไรเสียหานฉ่ายหลิงคือคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัว คนก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรใหญ่ เงินเรียกค่าไถ่บริษัทลี่ซื่อก็เป็นคนรับผิดชอบ ขอเพียงแค่สองฝั่งยอมอ่อนข้อให้ ตำรวจก็คงเลือกมาตรการลงโทษทันเวลา
แต่ตอนนี้ เมื่อมองไปยังใบหน้าที่เยือกเย็นของลี่เฉินซี ลู่ส้าวหลิงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนเรียกความกล้าของเขาออกมา “เฮ้ นายคิดยังไงกันแน่? คิดว่าซูย้าวเป็นคนบงการไหม?”
ท้ายที่สุด หัวข้อนี้ก็ยังถูกลู่ส้าวหลิงพูดออกมา
ลี่เฉินซีหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้และดวงตาที่ลึกล้ำยิ่งเย็นชา
“นี่นายก็ไม่เชื่อเธอ? หรือคิดว่า ข่าวลือกับคำด่าจากข้างนอกพวกนั้นเกี่ยวกับเธอ ทั้งหมดคือเป็นเรื่องจริง?” ลู่ส้าวหลิงพูดต่อ
ข้อเท็จจริงข้อนี้หากถูกเปิดเผยออกไป จะเกิดความโกลาหลขึ้นมาทันที จะสามารถเห็นคนด่าทอและเย้ยหยันซูย้าวได้ในทุกที่ ยืนยันว่าเธอคือหญิงใจโฉด ผู้หญิงร้ายกาจที่กักขังชีวิตคนอื่น
แม้แต่ในโลกโซเชี่ยลยังแบ่งออกเป็นสองฝ่ายที่ต่อต้านกัน ด้านหนึ่งคิดว่าซูย้าวเป็นคนเลวทราม กักขังผู้อื่น มีความผิดฐานละเมิดกฎหมายและควรถูกตัดสินโทษประหาร
อีกฝ่ายหนึ่งคิดว่าซูย้าว เป็นภรรยาคนแรก เพื่อปกป้องการแต่งงานและครอบครัวแล้ว เป็นเรื่องปกติที่จะทำพฤติกรรมที่เลวทรามและสามารถให้อภัยเธอได้
ไม่ว่าทั้งสองฝ่ายจะโต้เถียงกันอย่างไร ในท้ายที่สุดทุกคนก็เชื่อว่าซูย้าวเป็นผู้กระทำผิด
เป็นเธอที่สั่งการให้หลงเบียวและคนอื่นๆ ไปลักพาตัวหานฉ่ายหลิง
อาจกล่าวได้ว่า เป็นหลักฐานที่แน่นอนและยากที่จะสู้คดี
ลู่ส้าวหลิงวางมีดและส้อมลง ก่อนมองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง “นายคิดยังไงกันแน่? พูดกับฉันก็ไม่ได้หรือ?”
ใช่สิ พี่ชายที่ดีเพียงคนเดียวของลี่เฉินซีคือลู่ส้าวหลิง
เติบโตมาด้วยกัน ถือได้ว่าเป็นความสัมพันธ์เล็กๆ นอกจากนี้ทั้งสองครอบครัวก็คบค้ากันมาหลายชั่วอายุคน ความสัมพันธ์เชิงมิตรภาพแน่นแฟ้น และยังคงทำธุรกิจด้วยกันมาหลายปี แทบไม่มีเรื่องอะไรเลย ที่จะคุยกับเขาไม่ได้
หลังจากคิดหน้าคิดหลังดีแล้ว ลี่เฉินซีลืมตาขึ้นพลางดื่มไวน์ในแก้วทรงสูง หลังจากนั้นจึงวางมันลง ถึงค่อยเอ่ยปาก “ไม่สำคัญว่าจะเชื่อหรือไม่ ฉันแค่เชื่อในสิ่งที่ฉันเห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้น เข้าใจไหม?”
คำที่พูดมาฟังแล้วคล้ายกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
แต่ในตอนนี้มันใช้ในหัวข้อของซูย้าว คาดไม่ถึงว่าลี่เฉินซีจะมีความโหดร้าย แต่เมื่อคิดให้ละเอียด ถึงจะค้นพบความหมายลึกซึ่งภายในนั้น
ลู่ส้าวหลิงตกตะลึง ก่อนจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว “ใช่ พวกเราต่างก็ไม่มีใครเห็นซูย้าวจ้างวานลักพาตัวกับตาสักคน เธอยังพูดไม่ได้อีกหลงเบียวก็ไม่รู้ภาษามือ ทั้งสองจะมีวิธีสื่อสารกันได้อย่างไร!”
ลี่เฉินซีโค้งริมฝีปากเบาๆ ตบไหล่ของลู่ส้าวหลิงก่อนจะเดินจากไป แต่ยังคงไม่พูดอะไรสักคำ
แต่เมื่อเป็นพี่น้อง ก็เข้าใจความหมายของเขาแล้ว
คืนนั้นลู่ส้าวหลิงขับรถตรงไปที่สำนักงานตำรวจด้วยตัวเอง ได้พบกับหัวหน้าทีมสืบสวนอาชญากรรมที่รับผิดชอบการสืบสวนคดีนี้ ก่อนจะพูดความสงสัยของเขาออกมา
“พวกคุณแน่ใจแล้วหรือว่าหลักฐานความผิดของซูย้าว คือคำสารภาพของหลงเบียว?”
หลี่เจิ้นที่นั่งอยู่ที่นั่น เงยหน้าขึ้นมองลู่ส้าวหลิง
พูดตามตรงว่า หลี่เจิ้นไม่ชอบลูกท่านหลานเธอที่ร่ำรวยอย่างลู่ส้าวหลิงเลยจริงๆ อยู่อย่างว่างเปล่าในแต่ละวัน ก่อแต่ความวุ่นวาย มีความคิดเห็นที่เห็นแก่ตัว ทำให้ทัศนคติของหลี่เจิ้นเฉยเมยอย่างมาก
แต่ลู่ส้าวหลิงกลับไม่สน ก่อนพูดต่อ “นอกจากนี้ พวกคุณยังมีภาพที่แคปจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน แต่ในกล้องวงจรปิด จับได้เพียงแค่กระเป๋าเป้ใบนั้นออกมาจากบ้านของซูย้าว ไม่มีใครมั่นใจได้ว่าในกระเป๋ามีอะไรนี่!”
เมื่อพูดจบลงดวงตาของหลี่เจิ้นก็กระพริบพราย เขายืดตัวขึ้น “ฟังที่พูดแล้ว ดูเหมือนคุณชายลู่จะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการซักถามคดีของเรา”
“เรื่องซักถามคดีผมไม่พูดถึง แค่พูดความคิดเห็นและมุมมองของผม พูดไม่ได้หรือ?” ลู่ซ้าวหลิงโต้กลับ
หลี่เจิ้นไม่มีอะไรจะพูด ทำเพียงพยักหน้า “คุณพูดมา——”
“ถ้าหากมีคนใส่ร้ายป้ายสี มันจะไม่ชอบธรรมเอาหรือ?”ลู่ส้าวหลิงพูดขึ้นมาอีกครั้ง
ดวงตาของหลี่เจิ้นหลุบไปมา เห็นได้ชัดว่ากำลังพิจารณาถึงรูปคดีที่ผ่านมาทั้งหมดอยู่
“แล้วก็ ทุกคนก็ทราบดี ว่าซูย้าวเป็นคนใบ้ แล้วหลงเบียวคุ้นเคยกับภาษามือหรือ? ถ้าหากไม่ เธอจะจ้างวานสื่อสารให้หลงเบียวลักพาตัวได้อย่างไร”
นิ่งไปชั่วครู่ ลู่ส้าวหลิงพูดขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วก็ ซูย้าวจะไปรู้จักหลงเบียวได้อย่างไร? ความเกี่ยวข้องของทั้งสองคนอยู่ไหน?”
คำถามทั้งหมดถูกยกขึ้นมาถาม ชั่วขณะนั้น ทำให้หลงเบียวรับมือไม่ทัน ถูกคำถามทำให้เขาพูดไม่ออก
เขามองไปที่ลู่ส้าวหลิงอย่างไม่รู้จะตอบสนองอย่างไร ท้ายสุดจึงพูดขึ้นด้วยใบหน้ามืดครึ้ม “คดีทั้งหมดมีความซับซ้อน พวกเราอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ ซูย้าวยังคงมีความผิด และยังไม่ได้รับการยืนยัน”
“โอ้ ถ้าเป็นแบบที่พูด นั่นมันมากกว่าสี่สิบแปดชั่วโมงใช่ไหม? หัวหน้าหลี่ควรจะพิจารณาปล่อยตัวไม่ใช่หรือ?” ลู่ส้าวหลิงตัดเข้าเรื่อง
หลี่เจิ้นทำอะไรไม่ถูกขณะนี้ “นี่… …”
ทนายความจากซูย้าวก็มาถึงทันเวลาเช่นกัน หลังจากวิ่งเต้นหลี่เจิ้นก็หมดหนทางจริงๆ ปล่อยตัวชั่วคราว มีเพียงเงื่อนไขที่ห้ามไม่ให้ซูย้าวออกไปนอกเมือง
เมื่อโม่หว่านหว่านทราบข่าว ก็รีบไปที่สำนักงานตำรวจทันทีเพื่อไปรับเธอโดยเร็วที่สุด เมื่อเธอเห็นซูย้าวเดินออกมา จึงรีบลงจากรถก่อนตรงไปหาเธอทันที
เธอกอดซูย้าวแน่น ดวงตาของโม่หว่านหว่านแดงก่ำด้วยความดีใจ “ดีจริงๆ! ในที่สุดเธอก็ออกมา!”
ซูย้าวกอดเธอกลับ ยิ้มบางๆ
แต่เธอรู้ชัด ว่าการปล่อยตัวครั้งนี้เป็นเพียงแค่ชั่วคราว คนร้ายตัวจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังและวางแผนใส่ร้ายเธอนั้น จะไม่ปล่อยให้แผนการที่เตรียมมาอย่างดีต้องพังลง!
“เธอดู ยังมีใครมาอีก?” โม่หว่านหว่านดึงมือเธอไปยังข้างรถยนต์
ประตูรถค่อยๆเปิดออก หลินโม่ป่ายก้าวลงมาจากรถ มองมาที่เธอด้วยสายตาอ่อนโยน รอยยิ้มสดใสปรากฏบนริมฝีปากเขา
ไม่ใกล้ไม่ไกล ภายในรถโรลส์รอยซ์สีดำที่จอดนิ่งอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของลี่เฉินซีจ้องไปยังฉากตรงหน้า หลังจากตกตะลึงเล็กน้อย ความโกรธที่แฝงเร้นก็ค่อยๆไต่มาตามขอบและมุมของใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด