เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 242
บทที่ 242 ไม่ถือสาสักนิด
ในห้องที่อบอุ่นดุจอากาศฤดูใบไม้ผลิ ซูย้าวกลับถูกลี่เฉินซีบังคับให้เข้าไปสู่ดินแดนแห่งหิมะและธารน้ำแข็ง สายตาของเขาสะท้อนความเย็นละเยือกออกมาให้เห็น ใบหน้าที่ตึงเครียด จนไม่ค่อยจะน่าดูสักเท่าไหร่
“ในใจของคุณลี่เจิ้งก็เป็นเพียงลูกชายคนหนึ่ง แต่สำหรับฉันแล้ว เขาคือชีวิตของฉัน!” เธอใช้ภาษามือในการอธิบาย
แต่ลี่เฉินซีกลับยิ้มแสยะอย่างเย็นชา “เขาเป็นชีวิตของคุณอย่างนั้นรึ อย่างนั้นลูกที่อยู่ในท้องของคุณตอนนี้ล่ะ เป็นอะไร”
จากนั้น เขาโน้มตัวลง บรรยากาศความกดดันแผ่คลุมไปทั่ว เสียงพูดที่เน้นย้ำแต่ละคำเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน “อย่าบอกผมนะว่าคุณมีสองชีวิตน่ะ!”
ซูย้าวถอยหลังไปก้าวใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงจากเขา และพูดด้วยภาษามือขึ้นอีกครั้ง “เช่นกัน สำหรับฉันพวกเขาเป็นสิ่งล้ำค่า เป็นชีวิตของฉัน ในโลกใบนี้ไม่มีแม่คนไหนที่จะทิ้งลูกแท้ๆของตัวเองลงได้หรอก!”
เขากัดฟันด้วยความโมโห “พวกเขาเป็นลูกในไส้ของคุณ แล้วไม่ได้เป็นลูกของผมด้วยหรือไง ไม่มีผม คุณจะมีลูกเองได้เหรอ”
“พวกเขาเป็นลูกของคุณก็จริง แต่ว่าคุณไม่ได้มีเพียงแต่ลูกชายสองคนเท่านั้น! คุณยังมี……”
ซูย้าวหยุดชะงักไม่พูดอะไรต่ออีก เพียงแค่หรี่ตาลง แต่กลับทำให้ลี่เฉินซีคลางแคลงใจขึ้น
จึงรีบถามในทันใด “ยังมีอะไร คุณหมายถึงอะไร”
เธอจ้องมองเขา ผู้ชายคนนี้ต้องการให้เธอพูดชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือ
ก็ได้! ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ——
“คุณยังมีคุณหานทั้งคน ยังมีบริษัท ยังมีธุรกิจ ต่อไปคุณก็มีครอบครัวใหม่เป็นของคุณ มีลูกคนใหม่หลายๆคน ส่วนฉันมีเพียงลูกสองคนนี้เท่านั้น!” เธอใบ้ด้วยภาษามือ
ทันใดนั้นดวงตาของลี่เฉินซีก็เปียกซึม ขบเม้มเรียวปากบางเข้าหากันแน่น เผยให้เห็นถึงรอยหยักโค้งริมฝีปากที่เย็นยะเยือกและดวงตาที่แดงก่ำ “คุณคิดว่าผมจะแต่งงานใหม่รึ”
นี่คือสิ่งที่เธอเป็นกังวลที่สุดหรือเปล่า
จากนั้น ก็ตามมาด้วยอีกหนึ่งประโยคทันที “แล้วคุณล่ะ จะไม่แต่งงานใหม่และมีลูกใหม่หรือไง” ซูย้าวตะลึงค้าง
ไม่ใช่ว่าเธอไม่กล้าที่จะตกปากรับคำ เพียงแต่ว่าอนาคตยังอีกยาวไกล ไม่สามารถคาดเดาเรื่องราวต่างๆมากมายได้ จึงไม่สามารถที่จะให้คำมั่นสัญญาได้ง่ายๆ
เธออายุยังน้อย หัวใจของคนมักจะหมุนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ไม่ว่าตอนนี้เธอพูดเพื่อระบายอารมณ์ หรือเพื่อลูกๆก็ตาม เธอก็สามารถพูดรับปากได้ว่าจะไม่แต่งงานอีกตลอดชีวิต และไม่มีลูกเพิ่มอีกต่อไป แต่กาลเวลาอาจแปรเปลี่ยนทุกอย่างไปอย่างช้าๆ
เมื่อถึงเวลานั้น ผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คงจะมีเพียงแต่ลูกๆ
เมื่อเห็นดวงตาที่ค่อยๆหม่นหมองลงของเธอ ลี่เฉินซีขมวดคิ้วแน่นและก้าวไปข้างหน้า “ให้เจิ้งเอ๋ออยู่กับผมไม่ดีตรงไหน ผมจะทำร้ายเขาหรืออย่างไร หรือกลัวว่าต่อไปคนอื่นจะทำร้ายเขา”
ซูย้าวก้มลงมองพื้นและหมดคำจะพูด
เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังกังวลเรื่องอะไร อาจเป็นเพราะว่าหย่าร้างกันกะทันหัน จึงเป็นการยากที่จะยอมรับการพลัดพรากจากลูกน้อย!
เมื่อคิดๆดูแล้ว บางทีเขาอาจจะพูดถูก
“คุณไม่เชื่อใจผมขนาดนั้นเลยเชียวหรือ ถึงต้องการแย่งเจิ้งเอ๋อไปจากผม แล้วคุณถึงจะสบายใจ” ลี่เฉินซีจับคางของเธอให้เงยขึ้นเพื่อสบตากับเขา “ซูย้าว คุณมองตาของผมและช่วยบอกผมที คุณไม่เชื่อใจผมจริงๆใช่ไหม”
จ้องมองชายหนุ่มที่แววตาลุ่มลึก ใบหน้าที่คุ้นเคย หล่อเหลาราวกับเทพเจ้า
สักพัก เธอก็ยังเย็นชาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง จนในที่สุดก็ทำให้เขาหมดความอดทน จึงได้สะบัดเธอทิ้งไป
จากนั้นค่อยๆกำหมัดแน่น ขมวดคิ้วเข้มด้วยความเจ็บปวด ไม่อยากเชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ! บางทีอาจเป็นเพราะเขานั้นได้ทำร้ายเธอจนบาดแผลลึกเกินไปจริงๆ จนความเชื่อใจเล็กๆน้อยๆระหว่างพวกเขาได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
มองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่จากไปกับความมืด เธอนั้นกลับรู้สึกว่าแผ่นหลังนั้นดูอ้างว้างโดดเดี่ยวเดียวดาย
ทันใดนั้นหัวใจที่เข้มแข็งของซูย้าวก็ค่อยๆสั่นไหว …
วันรุ่งขึ้นลี่เฉินซีที่หมกมุ่นอยู่กับงาน ยุ่งเกินจนแม้แต่เวลาดื่มกาแฟก็ยังไม่มี ทันใดที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น นึกว่าเป็นเลขาฯนำกาแฟมาเสิร์ฟ จึงได้พูดออกไปว่า “วางไว้ตรงนั้นแหละ!”
แต่เมื่อรอตั้งนานก็ยังไม่ได้ยินเสียงวางแก้วลงของเลขาฯ แต่กลับได้ยินเสียงฝีก้าวที่เดินเข้ามาใกล้ จึงได้เงยหน้าขึ้น ถึงได้เห็นว่าเป็นหานฉ่ายหลิง
“ทำไมคุณไม่พักผ่อนอยู่ที่บ้านให้ดีๆ” ลี่เฉินซีวางงานในมือลงทันที แล้วลุกขึ้นไปพาเธอมานั่งลงที่โซฟา
หานฉ่ายหลิงแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสั้นสุดเซ็กซี่ แต่งหน้าอ่อนๆ เผยให้เห็นถึงใบหน้าที่งดงาม ดวงตาแบบแอปริคอทของเธอยิ้มเล็กน้อย มองเขาและพูดขึ้นว่า “ฉันแข็งแรงขึ้นมากแล้ว อยู่แต่บ้านก็รู้สึกน่าเบื่อ คุณเองก็ไม่มาหาฉันบ้างเลย! ”
น้ำเสียงออดอ้อนออเซาะนิดๆ เธอค่อยๆโอบเข้าที่แขนของเขา
ลี่เฉินซีมองเธอแล้วพูดด้วยความเหนื่อยใจ “พักนี้ผมงานยุ่งมากจริงๆ!”
“ฉันไม่ได้โทษคุณ เพียงแต่แค่อยากอยู่เป็นเพื่อนคุณเท่านั้นเอง” หานฉ่ายหลิงเงยหน้าเล็กน้อยด้วยใบหน้าที่ดื้อรั้น “ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้าคุณ จิตใจก็เลยรู้สึกว้าวุ่น คิดว่าคุณไม่อยากจะเจอฉันอีกต่อไปเสียแล้ว!”
“จะเป็นไปได้ยังไง” ถึงแม้ว่าปากจะพูดแบบนี้ แต่กลับค่อยๆดึงมือของเธอออกอย่างเงียบๆ จากนั้นลุกขึ้น “คุณก็รู้ว่าผมกำลังฟ้องร้องคดีสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก และช่วงนี้ข้างนอกก็ประโคมข่าวความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผม ดังนั้น……”
ลี่เฉินซีตั้งใจพูดไม่จบ ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อนึกถึงคำที่จะพูดออกมา หรือว่าตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ก็เกรงว่าจะเป็นการทำร้ายเธอ เขาจึงทำไม่ลง
หานฉ่ายหลิงจึงใช้โอกาสนี้ จ้องดวงตาแบบแอปริคอทของเขาด้วยความผิดหวัง และสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก “แม้แต่เจอกันครั้งเดียวก็ไม่ได้เลยเชียวหรือ เฉินซี……”
จนทำให้เขาถึงกับไปไม่เป็น
“ไม่ใช่ว่าเจอกันไม่ได้ ไว้ค่อยคุยกันทีหลังแล้วกัน คุณก็ใช้เวลานี้พักผ่อนดูแลตัวเองให้ดีๆ!” น้ำเสียงของเขายังคงอ่อนโยน ลุกขึ้นแล้วก็กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เพื่อเตรียมพร้อมทำงานต่อ
หานฉ่ายหลิงเดินตามไปแล้วหันข้างพิงเข้ากับเก้าอี้ จ้องมองเขาด้วยแววตาสดใสออดอ้อนและน่าสงสาร “คุณกำลังยุ่ง ฉันก็ไม่อยากจะรบกวน แต่ว่าเฉินซี ฉัน……”
“ทำไมอ้ำๆอึ้งๆด้วยล่ะ มีอะไรก็พูดออกมาเลย” เขาเงยหน้าขึ้นถาม
หานฉ่ายหลิงมลืมตาปริบๆด้วยคู่ดวงตาที่งดงาม จากนั้นค่อยๆแดงก่ำขึ้น มือน้อยๆเริ่มขยับทำอะไรไม่ถูก มุ่ยปากขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ ราวกับรู้สึกละอายใจก็ไม่ปาน
“คุณ คุณรังเกียจฉันใช่ไหม”
ลี่เฉินซีได้ยินเพียงไม่กี่คำ เขาก็ตระหนักถึงความหมายของคำพูดเธอ จึงได้รีบส่ายหน้าขึ้นทันใด “ผมรังเกียจคุณเรื่องอะไร ฉ่ายหลิง คุณคิดมากเกินไปแล้ว!”
“แต่ว่าตอนที่ถูกลักพาตัว ฉันถูกคนพวกนั้น ……” มีบางคำพูดที่เธอไม่สามารถจะเอ่ยออกมาจากปากได้ รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นความด่างพร้อยของชีวิต
และที่สำคัญสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกละอายใจก็คือ จุดด่างพร้อยจุดนี้เธอเป็นคนละเลงให้แปดเปื้อนด้วยฝีมือตัวเอง
เพื่อเด็กที่อยู่ในท้อง เพื่อให้เขาได้คลอดออกมาอย่างสง่าผ่าเผย จึงจำเป็นต้องโกหก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของซูย้าวคนเดียว!
ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะเธอ ลี่เฉินซีก็คงตกหลุมพรางการยั่วยวนของเธอ และจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเธอ และแน่นอนว่าเด็กคนนี้ก็จะกลายเป็นลูกของเขาโดยปริยาย……
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ความโมโหขั้นขีดสุดจึงอัดอั้นอยู่ในใจของหานฉ่ายหลิง นางใบ้นางสารเลว ฉันจะต้องหาวิธีทำลายชื่อเสียงชีวิตเธอให้ได้ ให้เหมือนกับอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น!
ลี่เฉินซีกลับจับมือของเธออย่างเอาอกเอาใจ พูดปลอบโยนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “อย่าคิดมากสิ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายคุณ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณทั้งนั้น และสำหรับในใจผม คุณก็ดีที่สุดเสมอ อย่ากังวลไปเลยนะ!”
“จริงหรือคะ” หานฉ่ายหลิงถามเสียงเบาๆ
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเห็นชายหนุ่มพยักหน้าอย่างไม่มีข้อแม้ เธอก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
กล่าวกันว่ามนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความต้องการมากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความรัก หากรักผู้หญิงคนหนึ่งอย่างแท้จริง จะไม่สามารถยอมรับได้ว่าเธอเคยถูกผู้อื่นล่วงเกิน
ถึงแม้ว่าสถานการณ์ในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นแผนการของเธอเอง หรือว่าเป็นเหตุการณ์ที่หญิงสาวไม่อาจต่อต้านได้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นอุบัติเหตุ แต่ถ้าหากว่าเป็นรักแท้ ก้นบึ้งภายในจิตใจจะไม่ถือสาสักนิดเลยหรือ
และที่สำคัญ สองคนร้ายที่ลักพาตัวนั้น เขาไม่ได้ใช้เส้นใช้สายในการแอบลงโทษให้หนัก แล้วนี่ให้ความหมายว่าอย่างไร