เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 248
บทที่ 248 ฆ่าตัวตายแล้ว
หานฉ่ายหลิงได้ขับรถไปที่บ้านใหญ่ตระกูลลี่ติดต่อกันหลายคืนแล้ว เนื่องจากเห็นว่าดึกมากแล้ว พ่อหานไม่วางใจ จึงได้ให้เลขาหลี่ติดตามไปด้วย
เมื่อเห็นว่ากำลังจะมาถึงบ้านบ้านใหญ่ตระกูลลี่แล้ว เสี่ยวหลี่ที่ไม่ค่อยเข้าใจ จึงได้ถามขึ้น “ทำไมคุณหนูถึงได้มาดึกขนาดนี้ครับ พักผ่อนอยู่บ้านออกจะดีเสียกว่า”
หานฉ่ายหลิงที่นั่งปิดตาพักผ่อนอยู่เบาะหลัง ได้ตอบเพียงเบาๆ‘อืม’ ก็ยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจ
เสี่ยวหลี่จึงได้พูดขึ้นอีก “ตอนนี้ประธานลี่ในที่สุดก็หย่าแล้ว อาศัยความรู้สึกที่ประธานลี่มีต่อคุณหนู ต่อไปคุณหนูก็คือคุณผู้หญิงของบ้านตระกูลลี่แล้ว พักผ่อนอยู่ที่บ้านดีๆ ไม่นานงานมงคลก็จะเกิดขึ้น ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาอย่างนี้เลยครับ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้หานฉ่ายหลิงพึงพอใจมากนัก เพียงแต่สิ่งเหล่านี้คือเปลือกนอกที่คนภายนอกมองเห็นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงมีเธอเท่านั้นที่เข้าใจดีที่สุด
รถยนต์ได้มาจอดสนิทที่หน้าบ้านใหญ่ตระกูลลี่ เธอไม่ได้ให้รถขับเข้าไปในตัวบ้าน ให้จอดไว้ด้านนอก แล้วตัวเองก็เดินลงจากรถ
ประตูบ้านไม่ได้ล็อก คนเฝ้าประตูก็รู้จักเธอ จึงไม่ได้ใช้วิทยุสื่อสารรายงาน ปล่อยเธอเดินเข้าไปแต่โดยดี
ลี่เฉินซีต้องการจะถอนฟ้องสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก จุดนี้เจี่ยงเวินอี๋จะต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน เธอจะต้องหาทางบอกให้รู้เนิ่นๆถึงจะดี
ไม่ใช่ว่าเธอเอ็นดูลี่เจิ้งเด็กคนนี้ และก็ไม่ได้ต้องการจะเป็นแม่เลี้ยงให้เขาด้วย เพียงแต่เขานั้นเข้าใจลี่เฉินซีเป็นอย่างดี ถ้าหากให้ลูกตกไปอยู่กับซูย้าว อย่างนั้นชาตินี้เขาจะไม่มีวันตัดขาดจากนังคนใบ้คนนั้น !
วันข้างหน้าต่อให้หากพวกเขาแต่งงานกันแล้ว ก็จะมีเรื่องยุ่งยากวุ่นวายเกิดขึ้น เจ็บตอนนี้ยังดีเสียกว่า ยอมเก็บลี่เจิ้งไว้ที่บ้านตระกูลลี่ ต่อไปเขาจะได้ไม่โอดโอยคร่ำครวญหา!”
จิตใจครุ่นคิดแต่เรื่องนี้จนเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน ที่บังเอิญประตูเปิดแง้มไว้ ราวกับเมื่อสักครู่เพิ่งจะมีคนผ่านเข้าไป หานฉ่ายหลิงจึงผลักประตูแล้วก็เดินเข้าไป พี่เลี้ยงที่ปกติจะอยู่ชั้นล่างกับแม่บ้านเป็นประจำไม่ทราบว่าไปไหนแล้ว เธอเปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็เดินตรงขึ้นไปชั้นบน
เนื่องจากไม่ใช่เป็นการมาที่บ้านนี้ครั้งแรก ช่วงนี้มาเกือบจะแทบทุกวัน ทุกที่ทุกทางจึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี คิดว่าตอนนี้เจี่ยงเวินอี๋น่าจะอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องหนังสือ หรือไม่ก็พักผ่อนอยู่ที่ห้องนอน จึงเดินตรงไปที่ชั้นสอง แล้วก็เดินผ่านห้องหนังสือโดยบังเอิญ และได้ยินบทเสียงสนทนาจากด้านใจลอยออกมา
คำพูดสองสามทำให้ของหานฉ่ายหลิงตกตะลึง
“ทนายจิน ฉันไม่มีทางยอมให้เจิ้งเอ๋อจากบ้านตระกูลลี่ไปอย่างแน่นอน เจิ้งเอ๋อเป็นหลานคนแรกของตระกูลลี่ เด็กคนนี้ฉลาดอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก หากโตขึ้นจะต้องเก่งกาจสามารถอย่างแน่นอน ฉันต้องการให้เขาเป็นทายาทสืบทอดบริษัทลี่ซื่อ นายเข้าใจไหม”
เจี่ยงเวินอี๋พูดอย่างจริงจัง ถึงแม้จะมองไม่เห็นการแสดงออกของสีหน้า แต่หานฉ่ายหลิงที่ยืนอยู่ด้านนอกสามารถรู้สึกได้ว่าเธอนั้นเคร่งเครียดจริงๆ
ทนายจินกล่าวขึ้น “ผมเข้าใจครับ แต่ว่าทางฝั่งประธานลี่นั้น ต้องการที่จะถอนฟ้องสิทธิ์ในการเลี้ยงดูแล้วนะครับ ท่านว่า…..”
“ไม่ได้! เขาแค่ใจอ่อนเพียงชั่วครู่ ให้เจิ้งเอ๋ออยู่ที่บ้านตระกูลลี่ถึงจะมีอนาคตที่ดี! อีกทั้ง…..”
เจี่ยงเวินอี๋ลากเสียงยาวแล้วถอนหายใจ สักพัก จึงได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาลง “ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบซูย้าวผู้หญิงคนนั้น แต่ว่าเธอได้คลอดลูกให้กับตระกูลลี่ อย่างน้อยๆก็มีคุณงามความดี มีลูกคอยอยู่ข้างๆแบบนั้นต่อไปเธอจะแต่งงานใหม่ได้อย่างไร ยิ่งไม่เป็นการทำให้เธอเสียเวลาหรอกเหรอ”
“ดูแล้ว นายหญิงก็เป็นห่วงซูย้าวเหมือนกันนะ” ทนายจินทอดถอนใจ
เจี่ยงเวินอี๋กลับพูดว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร เธอเคยเป็นสะใภ้ของฉัน และเป็นแม่แท้ๆของหลานชายฉัน เธอยังสาวยังแส้ จะทำลายชีวิตเธอไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเจิ้งเอ๋อคือหลานคนแรกของฉัน สำหรับฉันและสำหรับตระกูลลี่แล้ว ช่างมีความหมายลึกซึ้งนัก ใครบังอาจคิดที่จะมาแย่งไปจากอกฉัน ฉันไม่มีทางปล่อยไว้แน่!”
ทนายจินเข้าใจความรู้สึกของคนแก่ที่มีความรักของต่อหลานชาย แต่ว่าลี่เฉินซีก็ได้พูดไว้แล้ว เขาครุ่นคิดไตร่ตรองครั้งแล้วครั้งเล่า จู่ๆก็เหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นได้ จึงได้พูดขึ้นว่า “ความสัมพันธ์ของประธานลี่กับคุณหานก็นับว่าดี สมมติว่าวันข้างหน้าถ้าสองคนนี้แต่งงานกัน ก็ยังสามารถคลอดหลานให้ท่านอีกมากมายเลยนะครับ!”
“คุณหมายถึงหานฉ่ายหลิงเหรอ” เจี่ยงเวินอี๋ยิ้มอย่างเย็นชา แล้วบทสนทนาก็เย็นยะเยือกขึ้นในทันใด แต่ละคำพูดได้พูดออกมาอย่างเย็นชา “ต่อให้เธอจะคลอดออกมาเป็นร้อยคน ก็ไม่อาจจะแทนที่เจิ้งเอ๋อได้!”
“เอ่อ….”
เจี่ยงเวินอี๋ยังพูดต่ออีกว่า “อีกอย่างฉันส่งคนไปสืบเรื่องราวการลักพาตัวในครั้งนี้ ได้ยินว่าเธอถูกกระทำล่วงเกิน ถึงแม้ว่าจะน่าเห็นใจ แต่ว่าตระกูลลี่ไม่มีทางยอมรับผู้หญิงคนนี้อย่างแน่นอน! รอให้เวลาผ่านไปสักพัก ฉันจะหาหญิงสาวที่เหมาะสมกว่ามาแนะนำให้กับเฉินซี…..”
หานฉ่ายหลิงที่ยืนอยู่ด้านนอกประตู ได้ยินบทสนทนาที่อยู่ในห้องอย่างชัดเจน แต่ละคำพูดดุจคมมีดทิ่มแทงอยู่ที่จิตใจเธอ
ทันใดนั้นหัวสมองรู้สึกหนักอึ้ง ราวกับท้องฟ้าหมุนเคว้งไปมา ชายที่เธอรักมาตลอดหลายปี หวังที่จะได้แต่งเข้าตระกูล แต่คิดไม่ถึงว่าในใจของเจี่ยงเวินอี๋ว่าที่แม่ย่าคนนี้ เธอจะเป็นลักษณะเช่นนี้
ถูกประเมินแบบนี้…..
ถูกล่วงเกิน ดังนั้นตระกูลลี่จึงไม่ต้องผู้หญิงแบบนี้
ต่อให้เธอคลอดลูกออกมาเป็นร้อย สำหรับเจี่ยงเวินอี๋แล้วก็ไม่มีทางที่จะแทนที่ลี่เจิ้งได้
เห็นท่าแล้ว ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ไม่อาจจะลบล้างทุกอย่างที่คนใบ้คนนั้นเคยทำ ถูกต้องไหม!
หานฉ่ายหลิงหันหลัง รู้สึกเพียงว่าอัดอั้นที่หน้าอกอัดอั้นจนหายจนแทบไม่ออก ก้าวเท้าลงจากตึกทีละก้าวๆอย่างแสนยากเย็น อาศัยตอนที่ไม่มีคนสังเกตเห็น รีบจากบ้านใหญ่ไปทันที
เสี่ยวหลี่รู้สึกมึนงง ทำไมคุณหนูเข้าไปไม่ถึงสิบนาทีก็ออกมาแล้ว หารือเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงได้เร็วขนาดนี้
แต่เขาก็ไม่กล้าถาม เพียงแต่รับรู้ด้วยสัญชาตญาณ สัมผัสได้ว่าใบหน้าที่หม่นหมองของหานฉ่ายหลิงช่างน่ากลัว ท่าทางโมโหโกรธาราวกับว่าถูกบางสิ่งบางอย่างทำให้อัปยศอดสู
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่า ในตระกูลลี่นั้นซูย้าวจะมีความสำคัญเช่นนี้! ยังมีลูกที่เธอให้กำเนิดมาอีก ที่บอกว่าจะเป็นทายาทผู้สืบทอดของบริษัทลี่ซื่อ น่าขำสิ้นดี!
คอยดูแล้วกัน ว่าวันข้างหน้าใครกันแน่ที่จะเป็นเจ้าของที่แท้จริงของบริษัทลี่ซื่อ!
ทางฝั่งสถานีตำรวจ การสืบสวนคดีลักพาตัวใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว หลักฐานทั้งหมดได้ชี้ชัดไปที่ซูย้าว ได้ขจัดทิ้งทุกความไม่น่าจะเป็นไปได้ หลงเหลือไว้เพียงสิ่งที่ไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้น และนั่นก็เป็นความจริง
หลี่เจิ้นเชื่อเพียงหลักฐานเท่านั้น เพื่อยอมรับความจริง
เมื่อเข้าไปที่ห้องสอบสวนแล้ว ก็ได้นำหลักฐานที่ได้สืบค้นมาได้ทั้งหมดมาวางไว้ด้านหน้าของซูย้าว ภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหลาย อีกทั้งคำให้การของหลงเบียว รวมไปถึงเอกสารการโอนเงินผ่านบัญชีในประเทศ ทั้งหมดล้วนแสดงอยู่ตรงหน้า
“คุณซู จากการสืบค้นทราบมาว่า เมื่อไม่นานมานี้คุณได้ออกแบบโครงการCCU แล้วขายให้กับกรุ๊ป Kในฝรั่งเศส ซึ่งได้รับค่าคอมมิชชั่นหลายร้อยล้านใช่ไหมครับ” ในขณะที่หลี่เจิ้นกำลังพูดก็ได้ยื่นข้อมูลที่ได้สืบค้นมาส่งให้เธอดู
ซูย้าวชำเลืองดูเอกสารด้วยใบหน้าเย็นชาไร้การตอบสนอง
“ทางเราสืบได้ว่าเงินจำนวนนี้ได้หายไปหลายล้าน สามารถจะอธิบายให้กับพวกเราทราบหน่อยได้ไหมครับว่าเงินจำนวนนี้นำไปใช้อะไรไปบ้าง” หลี่เจิ้นถามขึ้น
ซูย้าวมองเขา ถ้าหากบอกความจริงไปว่าตัวเองได้นำเงินไปซื้อบ้านหนึ่งหลัง และใช้รักษาสุขภาพมารดา และว่าจ้างนักกายภาพบำบัดที่ดีที่สุด เขาก็คงไม่เชื่อ
ช่างเถอะ เมื่อเรื่องมาถึงเช่นนี้ นอกจากเงียบแล้ว เธอจะทำอะไรได้อีก
เมื่อเห็นเธอเงียบ หลี่เจิ้นจึงทำได้เพียงเก็บของแล้วลุกขึ้น จากนั้นพูดว่า “คุณซู ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณคือผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในคดีลักพาตัว คุณยังจะดื้อดึงอยู่อีกทำไม รับสารภาพตั้งแต่เนิ่นๆ มันจะดีกับต่อตัวคุณนะ!”
ซูย้าวเย็นชาไม่มีการตอบสนองใดๆ ไม่เคยกระทำผิด ทำไมต้องสารภาพรับผิดด้วย
อยากทำอะไรก็เชิญ เพราะถึงอย่างไร เธอก็ไม่มีทางที่จะสารภาพผิด
ประมาณสี่ทุ่มเศษๆ ลี่เฉินซีที่เพิ่งจะทำงานเสร็จ ยืนอยู่ริมหน้าต่างแล้วมองทิวทัศน์ด้านนอกยามค่ำคืน แล้วจุดมวนบุหรี่ขึ้น
ช่วงนี้เขากลับบ้านน้อยมาก วันๆหมกมุ่นอยู่แต่การทำงาน แม้แต่ช่วงเวลาพักผ่อนยามกลางคืนก็ได้แค่เปิดโรงแรมข้างๆไว้สำหรับนอนเท่านั้น
หวางอี้ผลักประตูเข้ามา เห็นด้านหลังที่อ้างว้างเดียวดายของเจ้านาย ได้แต่รู้สึกว่าช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน เมื่อเดินเข้าไป จ้องที่แผ่นหลังของเจ้านาย จึงได้เปล่งเสียงขึ้น “ประธานลี่ครับ เมื่อสักครู่ได้รับข่าวมาว่า คุณหานฆ่าตัวตายครับ!”