เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 254
บทที่ 254 แท้งแล้ว
ขณะที่ซูย้าวรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็นอนในห้องผู้ป่วยแผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลเซนเดอร์แล้ว มือมีเข็ม กำลังให้น้ำเกลือ
โม่หว่านหว่านเฝ้าเธอข้างเตียง พอเห็นเธอรู้สึกตัว ตื่นเต้นดีใจเหมือนเด็กเล็กๆ “ดีเหลือเกิน! ในที่สุดเธอก็ฟื้น!”
เธอกุมมือซูย้าวแน่น ขอบตาแดงก่ำ “ย้าวย้าว ช่วงนี้เธอลำบากแย่เลย! เมื่อกี้หมอตรวจแล้ว บอกว่าเธอเลือดจาง เดี๋ยวนี้ยังมีใครเลือดจางอีกล่ะ”
โม่หว่านหว่านไม่ใช่คนชอบร้องไห้ขี้มูกโป่ง แต่เมื่อนึกถึงอานโล๋เสียชีวิตกะทันหัน และนึกถึงเรื่องที่ซูย้าวต้องเผชิญในช่วงนี้ ทั้งหย่าร้าง ขึ้นโรงขึ้นศาล และยังถูกใส่ความกลายเป็นฆาตกร…
จะทนไหวได้อย่างไร น้ำตาไหลพราก ร้องไห้เหมือนเด็กเล็ก
ซูย้าวพยายามยันตัวขึ้นนั่ง ลูบท้องตัวเองโดยสัญชาตญาณ ทำมือรีบถาม “ลูกของฉันล่ะ เป็นไงบ้าง”
“เอ่อ ซูย้าว เธอฟังฉันนะ…”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของหลินโม่ป่ายเดินเข้ามา
“ทำไมลุกขึ้นมาล่ะ ร่างกายยังอ่อนแออยู่ รีบนอนลงเร็ว…” เขาเดินเข้ามา กดไหล่เธอและประคองให้เธอนอนลง
ซูย้าวส่ายหน้า มองหลินโม่ป่าย ทำภาษามือถาม “ลูกของฉัน ผลการตรวจเป็นไงบ้าง”
“เด็กยังอยู่ แค่กระทบกระเทือน ต่อไปต้องดูแลให้ดี อีกอย่างร่างกายคุณไม่ค่อยดี ต้องนอนอีกพักหนึ่ง” เขาตอบ
โม่หว่านหว่านรีบพูด “ครั้งนี้ออกมาได้ ปลอดภัยแล้ว ไปอยู่บ้านผมเถอะ! ผมดูแลคุณเอง!”
เสียงจ้อกแจ้กข้างนอก ดังมาก
ซูย้าวขมวดคิ้ว ทำภาษามือถาม “พวกนักข่าวยังอยู่ข้างนอกหรือเปล่า”
หลินโม่ป่ายพยักหน้า “ไม่ยอมไปสักที ที่นี่เป็นโรงพยาบาล พวกเขาช่างไร้ยางอาย บ้าจริงๆ”
“อย่างนี้ พวกคุณช่วยฉันอย่างหนึ่ง ได้มั้ย” ซูย้าวทันใดนั้นคิดอะไรได้อย่างหนึ่ง ทำภาษามือ
หลินโม่ป่ายถาม “เรื่องอะไรครับ คุณบอกมาเถอะ!”
เธอคิดนิดหนึ่ง แล้วทำมือบอกทั้งสองคน
โม่หว่านหว่านอุทาน “ต้องการอย่างนี้จริงๆ หรือ แต่…นี่มันเลือดเนื้อเชื้อไขเธอนะ! แถมตั้งหลายเดือนแล้ว แน่ใจนะ”
เธอพยักหน้า เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ทำอย่างนี้ หานฉ่ายหลิงไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่! เด็กคนนี้จะต้องพลอยลำบากไปด้วย
หลินโม่ป่ายครุ่นคิดโดยละเอียด เห็นว่าเรื่องนี้มีเหตุผล “โอเค ผมจะไปคุยกับหมอจาง ของแผนกสูติ คุณพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ”
รอเขาออกไปแล้ว ซูย้าวก็ดึงมือโม่หว่านหว่าน ทำมือ “พาฉันไป ฌาปนสถานได้มั้ย”
“ตอนนี้หรือ” โม่หว่านหว่านตกใจ
ซูย้าวยืนยัน เธอก็ค้านไม่ได้ ท้ายสุดได้แต่รอหลินโม่ป่ายกลับมา ทั้งสองคนก็พาเธอไปด้วยกัน
ฌาปนสถานอยู่ในเขตชานเมือง ตอนที่ไปถึง ท้องฟ้ามืดมิด ฝนตกปรอยๆ ไม่หยุด
ตอนที่ลงจากรถ หลินโม่ป่ายกางร่ม มือหนึ่งโอบไหล่เธอ พูดราบเรียบข้างหูของเธอ “ศพของคุณน้าเก็บอยู่ที่นี่ตลอด ผมคิดว่าคุณน่าจะอยากเห็นคุณน้าเป็นครั้งสุดท้าย”
อีกอย่างงานศพ ซูย้าวไม่อยู่ เขาไม่รู้ควรทำอย่างไร ลูกสาวที่อานโล๋ห่วงใยที่สุดในชีวิต ตอนก่อนจากไป ก็คงอยากให้ลูกสาวส่งตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย!
แม้ว่าหลายปีหลังจากนี้ ซูย้าวย้อนคิดถึงเรื่องนี้ ในใจยังคงคับแค้น เศร้าโศกและทุกข์ระทม
ทำไมโลกนี้มีคนตั้งมากมาย ทำไมถึงต้องเจาะจงเป็นแม่ของเธอ อานโล๋เพิ่งจะอายุสี่สิบกว่า ทำไมพระเจ้าต้องใจร้ายขนาดนี้
ฌาปนสถาน อุณหภูมิต่ำมาก เจ้าหน้าที่นำศพออกมาจากตู้แช่แข็ง วางลงบนโต๊ะ แล้วเดินออกไป
ร่างของอานโล๋คลุมผ้าขาว นอนนิ่ง อยู่ตรงนั้น
ซูย้าวยืนที่ประตูห้อง จู่ๆ ก็ไม่รู้ควรจะทำอย่างไรดี ได้แต่ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น กระทั่ง เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองทำไมมายืนอยู่ตรงนี้
เหมือนหุ่นไม้ไม่มีวิญญาณ
หลินโม่ป่ายไม่เร่งเธอ เพียงแต่ยืนข้างๆ มองเธอค่อยๆ รู้สึกตัว ก้าวเท้าเดินเข้าไปช้าๆ มือสั่นเทาเลิกผ้าขาวขึ้น แม่นอนอยู่ตรงนี้ ใบหน้าซีดเผือดไม่มีเลือด ร่างกายเย็นแข็ง เหมือนก้อนน้ำแข็ง หลับตาสนิท ไม่มีร่องรอยสัญญาณชีพแต่อย่างใด
ซูย้าวยืนข้างหนึ่ง น้ำตาไหลพรากเงียบๆ โน้มตัวลง กอดร่างเย็นเยือกของแม่แน่น
เธอมีคำพูดมากมายอยากจะพูดกับแม่ มีเรื่องราวมากมายที่ยังไม่ทันจะทำให้แม่
ตอนที่เห็นแม่ครั้งสุดท้าย แม่สงบอย่างเหลือเชื่อ สงบจนทำให้เธอกลัว
เธอจัดการทุกอย่างให้แม่ไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งจัดงานศพ รถส่งศพ ข้าวของและโกศเก็บกระดูก…
ปฏิเสธไม่ให้ใครก็ตามมาช่วยเหลือ แม้แต่โม่หว่านหว่านก็ไม่ได้ เธอทำคนเดียวทั้งหมด พิธีเผาศพ เธอยืนตรงนั้นคนเดียว เก็บเถ้ากระดูกเพื่อแม่ หลินโม่ป่ายยืนอยู่ไม่ไกล มองเธอ สงสารจนขอบตาแดง
พิธีศพเรียบง่าย มีเพียงคนรู้จักมาร่วมไม่กี่คน หลังจากนั้น ให้เธอนำโกศเก็บกระดูกกลับไปเก็บที่บ้านชั่วคราว โม่หว่านหว่านยังไม่ทันถามสาเหตุ เธอก็ทำมือบอก “ช่วยฉันจองตั๋วเครื่องบินไปเมืองM ได้มั้ย”
“เมืองM หรือ” โม่หว่านหว่านอึ้ง แต่ก็นึกได้ในทันที บ้านเก่าของอานโล๋ก็คือ เมืองM ตอนเด็กๆ เธอเคยไปเที่ยวกับ ซูย้าว
โม่หว่านหว่านพยักหน้า แต่เธอต้องไปเป็นเพื่อนด้วย
ครั้งนี้ ซูย้าวไม่ปฏิเสธ
จองตั๋วเครื่องบินได้วันรุ่งขึ้น สองคนเก็บของไม่กี่อย่าง ซูย้าวกอดเถ้ากระดูกของแม่ขึ้นเครื่อง เธอต้องการพาแม่กลับบ้าน กลับสู่รากของตน กลับ เมืองM น่าจะเป็นความปรารถนามาตลอดของอานโล๋!
เช่นนั้น ให้เธอช่วยทำให้ความปรารถนานี้เป็นจริงแทนแม่เถอะ!
ขณะที่อีกด้านหนึ่งของเมือง หวางอี้ยืนที่ห้องทำงาน กระซิบ “ประธานลี่ ผมไปสอบถามที่โรงพยาบาลเซนเดอร์มาแล้วหมอจาง ที่แผนกสูติแจ้งเอง คุณซูแท้งแล้ว…”
เงียบไปครู่หนึ่ง หวางอี้พูดต่อ “ข่าวนี้ หมอแจ้งนักข่าวแล้วตั้งแต่วันนั้น เท่าที่ทราบ เกิดเรื่องเหยียบกันที่ประตูหลังศาล คุณซูได้รับบาดเจ็บ ก็เลยทำให้แท้ง”
แท้งแล้ว?!
เป็นเรื่องจริง!
ทันใดนั้น ลี่เฉินซีเหมือนถูกฟ้าผ่า ดวงตาเคร่งเครียด ตอนที่สื่อได้รับแจ้งข่าว เขาก็ได้ข่าวเช่นกัน แต่เขาไม่เชื่อ
เด็กสี่เดือนกว่าแล้ว และซูย้าวก็รักเด็กมาก เธอทุ่มเทรักษาชีวิตเด็กคนนี้ไว้ ทำไมถึง…
นึกไม่ถึง จะเป็นเรื่องจริง!
เขาลุกขึ้นช้าๆ เดินไปที่ริมหน้าต่าง เนิ่นนาน ริมฝีปากขยับนิดๆ ถามเรียบๆ “เด็กผู้ชาย หรือผู้หญิง”
“…เด็กผู้ชาย ทารกผู้ชายเริ่มเป็นรูปร่างแล้ว” หวางอี้หลุบตาตอบ
เด็กผู้ชาย…
โดยไม่รู้ตัว เขาสูญเสียเด็กผู้ชายไปแล้ว
“คุณซูเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ก็จัดการพิธีศพคุณอาน ตอนนี้นำเถ้ากระดูกคุณอาน ไป เมืองM กับคุณโม่”
ลี่เฉินซีไม่พูดอะไร เพียงแต่ยืนนิ่งตรงนั้น ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ในสายตาของเขา ค่อยๆ มีเมฆหนาก่อตัว สุดท้ายก็กลั่นเป็นฝน
เขายืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนที่ริมหน้าต่าง กระทั่งท้องฟ้ามืดมิด
ข่าวโทรทัศน์ยังคงรายงานเหตุการณ์ “เบียดเสียดเหยียบกัน” ที่เกิดขึ้นที่ศาล และทำให้ผู้บาดเจ็บแท้ง
หานฉ่ายหลิงนั่งไขว่ห้างสง่างาม มองข่าวในโทรทัศน์ ตั้งใจปรับเสียงรีโมทดังสุด ยิ้มมุมปากมีความสุขมาก
ยัยใบ้ ในที่สุดก็แท้ง!
กำจัดเด็กคนนี้ได้ ก็เหลือแต่ลี่เจิ้งคนเดียว ขอแค่คิดอ่านหาวิธี ไม่ให้เจี่ยงเวินอี๋ยอมแพ้ เธอก็จะไม่ได้เด็กไป!
ควบคุมเด็กได้ ก็จะควบคุมลี่เฉินซีได้ ส่วนเรื่องที่เขาจะแต่งงานกับเธอเมื่อไหร่ อนาคตยังอีกไกล สักวันหนึ่ง เธอจะต้องได้ปกครองตระกูลลี่ ถึงตอนนั้นดูซิเจี่ยงเวินอี๋ยังกล้าดูถูกเธออีกมั้ย!
ปิดโทรทัศน์แล้ว เธอเดินขึ้นชั้นบนพลางกดเบอร์หนึ่งโทรออก “นักข่าวหลี่ ครั้งนี้คุณทำได้ดีมาก กระพือเรื่องให้ใหญ่โต ดูเหมือนจะเป็นงานถนัดของคุณ! ฉันไม่ลืมความดีของคุณ เดี๋ยวจะโอนเงินไปให้!”
วางสายแล้ว เธอก็ฉีกยิ้มกว้างยิ่งสดใสเท่าไร ก็ยิ่งดูชั่วร้ายอย่างน่าประหลาด
ในที่สุดก็กำจัดมารหัวขนในท้องของซูย้าวไปได้ ครั้งนี้ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว!
หานฉ่ายหลิงเดินเข้าไปในห้องตัวเอง ไม่รู้ว่าด้านล่าง พ่อหานบังเอิญได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่นในใจ นึกไม่ถึงว่าลูกสาวตัวเองจะกลายเป็นคนโหดเหี้ยมขนาดนี้ แม้แต่เด็กยังไม่เกิดก็ไม่เว้น!”
เขาต้องคิดหาวิธี ไม่ให้เธอทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า!