เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 256
บทที่ 256 รักษาชีวิตทั้งแม่ทั้งลูก
คืนนั้น ที่บ้านเก่าใน เมืองM ก็มีแขกมาเยือน
ถ้าจะพูดให้ถูก ก็ไม่เรียกว่าแขกแต่อย่างใด
รถแม็คลาเรน สีดำคันหรูขับเข้ามาจอดในเขตชุมชนอย่างสง่างาม ดึงดูดความสนใจของป้าๆ ลุงๆ ให้ซุบซิบกัน จากนั้น ชายหนุ่มสวมชุดสูทรองเท้าหนัง ก็ก้าวเท้าลงมาจากรถอย่างเท่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย โดดเด่นกว่าคนทั่วไป
คนรอบๆ ต่างถกเถียงกันเป็นการใหญ่ พอดีกับที่ลิฟต์ขัดข้อง ไฟดับ
โม่หว่านหว่านถือถุงขยะสองใบกับไฟฉายออกมา อยากจะไปดูที่ตู้ไฟข้างล่าง แต่นึกไม่ถึง จะพบกับชายหนุ่มที่กำลังขึ้นบันไดมา ก็ถึงกับอึ้งไป
“ประ ประธานเพ้ย”
โม่หว่านหว่านประหลาดใจ ผู้ชายคนนี้มาโผล่ถึงนี่ได้อย่างไร มาโดยไม่มีธุระอะไร จะต้องหวังผลอะไรแน่!
เธอโยนถุงขยะทิ้งทันที รีบถอยกลับไปที่ประตูห้อง ยืนขวางตรงนั้น แล้วพูด “ซูย้าวไม่ค่อยสบาย อารมณ์ก็ไม่ค่อยดี ช่วงนี้ไม่อยากเจอใคร ประธานเพ้ย กลับไปก่อนเถอะค่ะ!”
เพ้ยส้าวหลี่ยิ้มนิดๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟัง “คุณดีกับเธอมากจริงๆ!”
“ไร้สาระ เธอเป็นเพื่อน…”
ยังไม่ทันพูดดีที่สุด โม่หว่านหว่านก็รู้สึกว่าจะอธิบายเพื่ออะไร จึงพูดใหม่ “ฉันพูดจริงๆ ตอนนี้เธอไม่ค่อยสบาย ถ้าสะเทือนอารมณ์ยิ่งไม่ดี! ขอโทษประธานเพ้ยค่ะ!”
“วางใจเถอะ ผมไม่มีทางทำร้ายเธอหรอก” เพ้ยส้าวหลี่พูด ทำมือนิดหนึ่ง ให้โม่หว่านหว่านหลีกทาง ตัวเองเดินเข้าไปในห้อง
ขณะที่เธอคิดจะขวางไว้ เลขากับผู้ช่วยก็ขวางโม่หว่านหว่าน พูดขึ้น “คุณโม่ ประธานเพ้ยบอกแล้วจะไม่มีอันตราย ก็จะไม่ทำอะไร คุณวางใจเถอะ!”
โม่หว่านหว่านขมวดคิ้ว เธออยากจะวางใจ แต่จะทำได้ยังไง! อยู่ข้างนอก ก็ไม่สบายใจ กลัวว่าเพ้ยส้าวหลี่มีเจตนาไม่ดี จะทำอะไรซูย้าว หรือทำให้เธอสะเทือนอารมณ์ นั่นต้องแย่แน่!
รออยู่นาน ในห้องไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ แม้แต่เสียงอะไรก็ไม่มี โม่หว่านหว่านกะพริบตาโตๆ อย่างสงสัย นึกไม่ถึง เพ้ยส้าวหลี่เดินออกมา สั่งให้ผู้ช่วยไปดูวงจรไฟฟ้า
ผู้ช่วยลงไปไม่ถึงสิบนาที วงจรไฟฟ้าก็กลับมาปกติ
ทำงานได้ดี จนโม่หว่านหว่านทึ่ง!
ไฟในห้องติดแล้ว ประตูห้องนอนข้างในเปิดอยู่ มองเห็นซูย้าวนั่งคนเดียวริมหน้าต่าง เธอสวมเสื้อผ้าบางๆ เพ้ยส้าวหลี่ถอดเสื้อคลุม เดินเข้าไป คลุมบนตัวเธอ
เวลานี้เอง ซูย้าวค่อยๆ หันมามองเขา เวลาผ่านไปหลายเดือน พบกันอีกครั้ง สำหรับเพ้ยส้าวหลี่แล้ว จิตใจที่สงบเริ่มเต้นรัว มองเธอยิ้มออกมา
“ไม่เจอกันนานนะครับ” สายตาสังเกตท้องโต ใหญ่มาก ดูท่าคงใกล้คลอดแล้ว
เขานั่งลงมุมหนึ่ง พูดเรียบๆ “ผมรู้อยู่แล้ว คราวก่อนที่ได้ยินเรื่องคุณท้อง มันไม่จริง”
ซูย้าวที่รักเด็กมากขนาดนี้ ถ้าไม่สุดวิสัยจริงๆ เธอไม่มีทางยอมเสียเด็กไปแน่ แม้เรื่องแท้งจะเป็นเรื่องที่เธอควบคุมไม่ได้ แต่ยังดีที่ เป็นแค่เรื่องลวง
เพ้ยส้าวหลี่รู้สึกว่าตัวเองน่าขัน ไม่ใช่ลูกตัวเองแท้ๆ แต่ทำไมต้องใส่ใจขนาดนี้
เฮ่อ บางครั้งคนเรา ก็ประหลาดอย่างนี้
ไม่ใช่หรือ
“ช่วงนี้คุณสบายดีมั้ยครับ” เขามองเธอ ผอมลงไปมาก เดิมเธอก็ผอมมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งผอมเหมือนตะเกียบ
ถึงกับเรียกได้ว่า “ผอมจนปลิวตามลม”
เพ้ยส้าวหลี่ถอนหายใจสงสาร พูดอีก “ผมรู้ ก่อนหน้านี้คุณลำบากมาก ช่วงนี้ ก็ไม่ค่อยสบาย…”
เขาจึงห้ามใจตัวเอง แม้จะอยากมาเยี่ยมแค่ไหน ก็ไม่กล้ามา อยากให้เธอมีเวลาพักผ่อน ให้เธอไตร่ตรองให้ดีก่อน
แต่ตอนนี้เขามาแล้ว มีบางอย่าง ที่ควรพูดแล้ว
“เรื่องที่ผมเคยเสนอก่อนหน้านี้ คุณคิดแล้วหรือยังครับ ต่อไปคิดจะทำยังไง”
ซูย้าวเงยหน้า มองสายตาของชายหนุ่มที่มีความหวัง ราวกับเพียงแต่เธอพยักหน้า เขาจะพาเธอหนีไปทันที ไปที่ไหนก็ได้ ใช้ชีวิตอย่างที่เธอต้องการ
แต่อย่างนั้น ใช่ที่ซูย้าวต้องการหรือไม่
เธอไม่เคลื่อนไหว ดูเหมือนต้องการพูดอะไร เพ้ยส้าวหลี่สบตานิ่งสงบ รอให้เธอทำมือตอบ
แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ ซูย้าวเพียงแต่หันหน้าไป เข้าสู่โลกที่ตัวเองปิดประตูไว้ เหมือนไม่สนใจ สิ่งแวดล้อมรอบตัวทั้งนั้น
แววตาของเพ้ยส้าวหลี่มีประกายผิดหวัง เห็นแต่อารมณ์ของเขาอ่อนโยนขึ้นเรื่อยๆ นั่งเป็นเพื่อนเธอเนิ่นนาน จนกระทั่งดึกดื่น ค่อยจำใจกลับไป
ก่อนกลับ ยังกำชับกำชาโม่หว่านหว่าน ถ้าหากซูย้าวเกิดเรื่อง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม จะต้องบอกให้เขารู้ทันที เขาจะหาวิธีปกป้องเธอให้ปลอดภัย
ผู้หญิงคนนี้ เขาอยากได้เธอก็จริง แต่มาจากความเคารพและชื่นชมจากใจ
ไม่ว่าจะเป็นความคิด ความรู้ของเธอ หรือการยึดมั่นกับความรู้สึก ก็มีหลายสาเหตุที่ซับซ้อน ไม่ว่าเขาจะร้อนใจจนรอแทบไม่ไหวแค่ไหนก็ตาม ก็ต้องรอคอย รอให้เธอปล่อยวางหมดใจ จนถึงวันนั้นที่เธอเตรียมเริ่มชีวิตใหม่
ยี่สิบวันต่อมา กำหนดคลอดที่รอคอยมานาน ในที่สุดก็มาถึง
แต่เร็วกว่าที่คาดไว้ไม่น้อย ช่วงกลางดึก ซูย้าวก็รู้สึกเจ็บปวด เป็นระลอก เจ็บจนเหมือนตัวจะฉีกออก
โม่หว่านหว่านนอนเป็นเพื่อนเธอตลอด จึงรู้เรื่องทันที ไม่กล้าชักช้า รีบเรียกรถ พาเธอไปโรงพยาบาล
ตอนที่ถึงโรงพยาบาล น้ำคร่ำแตกแล้ว ถูกเข็นพาเข้าห้องคลอดทันที
สถานการณ์แย่กว่าที่คิดไว้ ซูย้าวร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ ประกอบกับช่วงตั้งท้องเกิดเรื่องราวหนักหนามากมาย ทำให้แม่ขาดสารอาหาร ตำแหน่งของเด็กก็ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดภาวะคลอดยาก
อาศัยความแข็งแรงของซูย้าวเอง ยากที่จะคลอดธรรมชาติได้ สถานการณ์ย่ำแย่มาก
โม่หว่านหว่านเฝ้าอยู่ข้างนอกคนเดียว พยาบาลวิ่งออกมาถาม “สถานการณ์ของแม่อันตราย จะช่วยแม่หรือช่วยลูกคะ”
“เอ่อ…”
โม่หว่านหว่านอยากจะบอกว่าช่วยแม่ แต่ก็เข้าใจนิสัยของซูย้าว ถ้าเลือกผิด เมื่อเธอฟื้นแล้ว อาจจะทำอะไรที่แย่กว่าตอนนี้ร้อยเท่า!
ขณะที่เธอลังเลตัดสินใจไม่ได้ พยาบาลก็ซักถามเธอไม่หยุด “พ่อเด็กล่ะคะ สามีของคุณแม่อยู่ที่ไหน”
โม่หว่านหว่านไม่รู้จะทำอย่างไร ควรจะตอบอย่างไรดีล่ะ…
ตอนนี้เอง หลินโม่ป่ายก็มาทันเวลาพอดี โม่หว่านหว่านรีบดึงมือเขา เล่าสถานการณ์ให้เขาฟัง พยาบาลที่รออยู่ข้างๆ ท่าทางกังวล
“ช่วยทั้งแม่ทั้งลูก แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ช่วยแม่!” หลินโม่ป่ายน้ำเสียงหนักแน่น
พยาบาลพยักหน้า เข้าไปในห้องคลอด
แม้ว่าโม่หว่านหว่านจะขอบคุณการตัดสินครั้งสำคัญของเขา แต่ยังไม่วางใจ รู้สึกวิตกกังวล ได้แต่ภาวนา หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องร้าย!
ซูย้าวทุกข์ทรมานในห้องคลอดเกือบสิบชั่วโมง ออกแรงสุดท้ายที่เหลืออยู่อย่างยากลำบาก คลอดลูกออกมาในที่สุด
ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ ซูย้าวพยายามประคองตัวมองพยาบาลที่กำลังอุ้มเด็กน้อย หมดแรงสุดท้ายที่มี สลบไป
พยาบาลเดินออกมา ถอดหน้ากากอนามัย “ปลอดภัยทั้งแม่และลูกค่ะ!”
โม่หว่านหว่านโล่งอกในที่สุด พึมพำไม่หยุด “ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสวรรค์…”
“แต่ว่า ยังไม่ได้ทำขั้นตอนอยู่โรงพยาบาลของแม่ลูก! รบกวนญาติไปดำเนินการด้วยค่ะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่หว่านหว่านก็รีบหยิบกระเป๋าลงไปข้างล่าง แต่หลินโม่ป่ายหยุดพยาบาลไว้ ถามขึ้น “เด็กผู้ชายหรือผู้หญิงครับ”
“แน่นอนว่ามีทั้งผู้ชายและผู้หญิง เด็กแฝดค่ะ!”
เป็นอย่างนี้เอง!
หลินโม่ป่ายดวงตาขยับ แต่ไม่ฉายแววประหลาดใจ เพียงแต่ยิ้มนิดๆ ยืนอยู่ตรงนั้นรอเป็นเพื่อนซูย้าวไปห้องพักฟื้น
ช่วยดูแลซูย้าวเรียบร้อย หลินโม่ป่ายก็เดินไปทางห้องเด็กแรกเกิด เปลี่ยนชุดฆ่าเชื้อเรียบร้อย ก็ตามพยาบาลเข้าไป
พยาบาลค้นหาตามรหัส เดินไปไม่เท่าไรก็หาเจอ อุ้มขึ้นมาคนหนึ่ง “นี่เด็กผู้หญิงค่ะ ดูสิคะ สวยมาก!”
ส่งเด็กผู้หญิงให้หลินโม่ป่าย แล้วอุ้มเด็กอีกคนหนึ่งขึ้นมา แต่ก็ตะลึง “เอ๊ะ แปลกจัง ฉันหาก่อน…”
……
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาซูย้าวฟื้นขึ้นมา ร่างกายยังคงอ่อนแอ สีหน้าก็อิดโรยมาก หลังมือยังคงปักเข็มน้ำเกลือ
เธอเห็นหลินโม่ป่ายที่นั่งอยู่ ไม่รอให้เธอทำมือถาม เขาก็พูดขึ้น “เด็กไม่เป็นไรครับ ปลอดภัยดี เป็นเด็กผู้หญิง”
ผู้หญิงหรือ งั้น…
ซูย้าวดวงตามีประกายนิดหนึ่ง สายตาเหลือบมองเตียงเด็กที่อยู่ข้างๆ แค่คนเดียว ทันใดนั้น ดวงใจของเธอก็ดิ่งลงเหว