เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 259
บทที่ 259 เธอกลับมาแล้ว
ที่เมืองเฟ่ยเฉิง อาคารสำนักงานธุรกิจหรูหรา ออฟฟิศขนาดหลายร้อยตารางเมตรที่ชั้นบนสุด หน้าต่างกระจกบานใหญ่ทั้งบาน มู่ลี่ไฟฟ้าค่อยๆ ม้วนขึ้น ให้แสงสว่างข้างนอก สาดส่องเข้ามา
ผู้หญิงสง่างามรีบร้อนวิ่งเข้ามา เพราะเรื่องด่วนจี๋ แม้แต่ลิฟต์ก็ไม่รอ วิ่งขึ้นบันไดสิบกว่าชั้น ตอนที่เปิดประตูออฟฟิศ จนต้องจับโซฟา หอบแฮก
“แย่แล้ว เกิดเรื่องแล้ว!”
หญิงสาวสวยสง่า สวมชุดใหม่ล่าสุดของฤดูกาลนั้น กลิ่นหอมอ่อนๆ ในอากาศ แม้จะอยู่ไกลออกไป ก็ได้กลิ่นหอมจางๆ ทำให้รู้สึกสบายตามีความสุข เหมาะกับกิริยาของผู้หญิงมาก
“เกิดเรื่องแล้วจริงๆ! ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ น่ากลัวจัง!”
เธอหอบหายใจไม่หยุด ค่อยๆ ยืดตัวตรง มือหนึ่งประคองหน้าอกตัวเองที่ยังกระเพื่อมไม่หยุด มองเห็นร่างของหญิงสาวที่ยืนมองหน้าต่าง ขมวดคิ้ว สงบจิตสงบใจ แล้วพูดอีกครั้ง “เจิ้งเอ๋อเกิดเรื่องแล้ว!”
“อึม ชั้นรู้แล้ว”
เสียงใสกังวาน ไพเราะเหมือนพิณ มองไม่เห็นอารมณ์ซับซ้อนใดๆ
เมื่อเห็นอย่างนั้น หญิงสาวอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อหายตะลึงแล้วก็เดินเข้าไปหา “เดี๋ยว ซูย้าว เธอเป็นอะไรไป เจิ้งเอ๋อเป็นลูกชายเธอนะ! ตอนนี้เกิดเรื่องแล้ว เรื่องใหญ่ด้วย! เด็กคนนี้เพิ่งแปดขวบ ถ้าเกิด ถ้าเกิด…”
โม่หว่านหว่านพูดไม่ออกแล้ว เธอไม่กล้าคิดต่อไป เด็กชายเพิ่งแปดขวบ ช่วงเวลาที่สวยงามยังไม่เริ่มขึ้น ต่อไปยังมีอนาคตอีกมาก หรือว่าสวรรค์จะโหดร้ายถึงขนาดนี้
“ฉันรู้ว่าเขาเป็นลูกฉัน!”
หญิงสาวที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างหันมา รูปร่างผอมบาง กระโปรงชุดที่เหมาะกับรูปร่างขับเสน่ห์ของหญิงสาวออกมาให้เด่นชัด การออกแบบชายกระโปรงไม่เท่ากัน ด้านหนึ่งยาวถึงข้อเท้า ตอนที่หันมาชายกระโปรงพลิ้วนิดๆ ยิ่งเผยเสน่ห์ออกมามากขึ้น
เพียงแต่ใบหน้าเย็นชาทำให้รู้สึกเย็นเยือก เหมือนดอกไม้บนสวรรค์ มองได้แต่ไกลๆ แต่ไม่อาจแตะต้องได้
คำพูดของเธอเมื่อครู่ เปล่งออกมาจากลำคอของเธอ ไม่ต้องใช้ภาษามืออีก
ใช่แล้ว เธอหายแล้ว
ไม่ใช่หญิงใบ้เงียบๆ ได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึก
ตลอดเวลาห้าปี เกิดเรื่องราวมากมาย และเปลี่ยนแปลงไปมากมายเหลือเกิน
“ทำไมฉันรู้สึกเธอเมินเฉยเจิ้งเอ๋อ เธอเป็นอะไรไป” โม่หว่านหว่านขมวดคิ้ว
ซูย้าวผลักมือของเธอออกไป เดินพลางพูด “ฉันควรมีท่าทีอย่างไรล่ะ”
“เอ่อ…”
โม่หว่านหว่านตะลึง
ตอนแรกที่เธอตามซูย้าวมา ตอนที่จากมา แม้แต่สิทธิ์เลี้ยงดูเด็กก็สละทิ้ง ตอนนี้ เจิ้งเอ๋อเกิดเรื่อง พวกเธออยู่ห่างไกลคนละขอบฟ้า ควรจะทำอย่างไร แล้วทำอะไรได้บ้าง
“โธ่!” เธอครุ่นคิด สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจ “เด็กน่าสงสาร ไม่รู้ว่ามีคนตั้งใจทำร้ายหรือเปล่า! เด็กไม่มีแม่ น่าสงสาร…”
โม่หว่านหว่านพูดจาแปลกๆ ซูย้าวทำไมจะฟังไม่ออก
เธอยืนข้างตู้เหล้า เทไวน์แดงลงในแก้ว มือเรียวยาวจับขาแก้วสูง เขย่านิดหนึ่ง หลังจากจิบนิดหนึ่ง ก็พูดขึ้น “กลับกัน เธอไปจัดการเถอะ!”
“กลับหรือ แน่ใจนะ จริงสิ ไม่หลอกฉันนะ”
โม่หว่านหว่านประหลาดใจ ยากที่จะเชื่อ ย้อนถามหลายครั้ง
ซูย้าวไม่คิดจะพูดซ้ำอีก เพียงแต่ยืนอยู่ตรงนั้น จิบไวน์ช้าๆ ไม่ว่าอย่างไร ลูกชายเกิดเรื่อง เธอต้องกลับไป
ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ เธอยังมีเรื่องอื่นต้องทำ
นั่นคือตามหาลูกอีกคน
ทุกคน คนรอบข้างตัวเธอ แม้แต่หลินโม่ป่าย โม่หว่านหว่าน รวมทั้งหมอพยาบาลในวันนั้นต่างพากันบอกเธอ มีเด็กเกิดคนเดียว คนเดียวเท่านั้น
แต่ซูย้าวไม่เชื่อ
ก่อนที่เธอจะสลบไป เห็นเด็กสองคนชัดๆ
ตอนตรวจครรภ์ หมอก็เคยบอก เป็นเด็กแฝด
ดังนั้น เด็กคนที่หายไป ไม่ว่าอย่างไรต้องหาให้เจอ!
เมือง A
การผ่าตัดยาวนานหกชั่วโมง ตั้งแต่กลางวันจนมืดค่ำ
การรอคอยแสนยาวนาน ลี่เฉินซีรู้สึกถึงทุกนาทีทุกวินาทีที่ผ่านไป ในห้วงเวลาอันเนิ่นนาน รู้สึกว่าความทุกข์และตำหนิตัวเองไม่สิ้นสุดกัดกินใจ สับสน
ในสมองว่างเปล่า ไม่อยากจะเชื่อ เมื่อไฟแดงห้องผ่าตัดดับลง หมอเปิดประตูออกมา พูดอะไรบางอย่าง เขาจะยอมรับได้อย่างไร
“หลานฉันล่ะ! หลานรักเจิ้งเอ๋อ เกิดเรื่องได้อย่างไร!”
เจี่ยงเวินอี๋ได้ยินข่าวก็รีบมาโรงพยาบาลทันที นอกจากสงสารหลานแล้ว ยังระบายความโกรธใส่ครูและครูใหญ่ ตะคอกถามเสียงดัง ดวงตาแดงก่ำเหมือนอยากจะขย้ำคน
ครูพยายามอธิบาย “ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจริงๆ ลี่เจิ้งเรียนวิชาพละเสร็จก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนกลับมา เดินผ่านทางเดินชั้นสอง ก็ตกลงมาข้างล่าง!”
“พวกเธอเป็นครูยังไง! เด็กถึงได้ตกลงมา โรงเรียนป้องกันยังไง!” เจี่ยงเวินอี๋โกนหัวฟัดหัวเหวี่ยง
หวางอี้กับตำรวจไปโรงเรียนตรวจสอบแล้ว ราวกันตกทางเดินชั้นสองไม่ชำรุดเสียหาย ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ใช่เด็กพลัดตกลงมาเอง ก้าวพลาดลื่นหล่น ก็คงจะถูกเด็กคนอื่นผลัก
สาเหตุอื่น ยังอยู่ระหว่างสืบสวน
แต่เมื่อเกิดเรื่องอย่างนี้ ครูใหญ่และครูนอกจากขอโทษ ก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก
“เจิ้งเอ๋อเป็นยังไงบ้าง”
หานฉ่ายหลิงรีบวิ่งเข้ามา เหงื่อผุดเต็มหน้า หอบหายใจ
ลี่เฉินซียืนตรงนั้น ในหัวคิดแต่เรื่องลูกชาย ไม่ว่างสนใจเธอ
เธอเข้าไปจับแขนของเขา “เฉินซี เจิ้งเอ๋อ ไม่เป็นอะไรแน่! เขาเป็นคนโชคดี วางใจเถอะ เขาจะต้องผ่านไปได้!”
สีหน้าลี่เฉินซีเคร่งขรึม ยังคงเคร่งเครียด ทำให้บรรยากาศยิ่งเย็นชา
หานฉ่ายหลิงมาหาเจี่ยงเวินอี๋ “คุณป้า เจิ้งเอ๋อไม่เป็นไรหรอกค่ะ ใจเย็นๆ!”
เจี่ยงเวินอี๋โมโหอยู่นาน อายุก็เยอะขึ้นแล้ว ในเมื่ออายุเยอะแล้ว พอโกรธเป็นเวลานาน ความดันก็ตามมา หานฉ่ายหลิงกับเลขาประคองเธอนั่งลง พยาบาลช่วยวัดความดันและให้ยา
“ตรวจสอบ ให้ อธิบดีจาง ส่งคนไปตรวจสอบ! ฉันไม่เชื่อ จะสืบหาตัว คนที่ทำร้ายหลานฉันไม่ได้!” เจี่ยงเวินอี๋โกรธจนยากจะสงบได้ โกรธจนตัวสั่น
หานฉ่ายหลิงกับเลขาคอยปลอบใจอย่างอดทน แต่ก็ไม่อาจลดความโกรธลงได้ กระทั่งไฟแดงห้องผ่าตัดดับลง หมอผลักประตูออกมา
ทันใดนั้น ทุกคนแทบกลั้นหายใจ
ลี่เฉินซีก้าวเท้าพรวด อ้าปากนิดๆ คำถามที่อยากจะถามแต่จนแล้วจนรอดก็พูดไม่ออก
เห็นเขาสีหน้าเคร่งเครียดพูดไม่ออก หมอก็รู้ว่าเขากังวลและเสียใจ ก็รีบพูดขึ้น “คุณลี่กับคุณนายไม่ต้องห่วง การผ่าตัดเรียบร้อยดี แต่คนไข้ขาดเลือดนาน เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ จึง…”
ลี่เฉินซีใจสั่นในทันใด พูดจากจิตใต้สำนึก “ว่าไง”
“คุณหนูจะรอดชีวิตมั้ย ยังพูดได้ยาก ต่อให้ผ่านช่วงวิกฤติไปได้ ก็อาจ…ไม่ฟื้นอีกแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจี่ยงเวินอี๋ก็ตกตะลึง รู้สึกแน่นหน้าอก จนเป็นลมไป
ลี่เฉินซียืนตะลึงอยู่ข้างๆ เขารู้ดี หมอบอกว่า “อาจไม่ฟื้นอีกแล้ว” หมายถึงอะไร ลี่เจิ้งเพิ่งจะแปดขวบ เด็กเล็กขนาดนี้ จะต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทราหรือ
เสี้ยววินาทีนั้น ใจของเขาเหมือนถูกฉีก ลี่เฉินซีเจ็บปวดขมวดคิ้วแน่น รู้สึกว่าเซลล์ในร่างกายกำลังกรีดร้องอย่างไม่เต็มใจ กรีดร้องด้วยความโกรธ และยิ่งไปกว่านั้นคือความทุกข์
นั่นคือลูกชายของเขา!
ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้…
แทบจะเวลาเดียวกันนั้นสนามบินหลานเทียน เมือง A เครื่องบินเดินทางจากเมืองเฟ่ยเฉิง มาถึงเมือง A ลงจอดช้าๆ
ทางเดินในสนามบิน หญิงสาวสองคนในชุดโค้ทเดินตามผู้คนออกมา แสงสว่างสาดส่องจากด้านนอก อากาศสดชื่นของฤดูใบใบไม้ร่วง
จากที่นี่ไปนานถึงห้าปี ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว
ซูย้าวถอดแว่นดำ กวาดสายตาเย็นชามองอาคารใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป ใบหน้าเย็นชามีอารมณ์
เวลานี้ ในใจของเธอมีแต่ความคิดเดียว เจิ้งเอ๋อ หม่าม้ากลับมาแล้ว!
และลูกคนที่หายไป หม่าม้ามาตามหาหนูแล้ว