เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 261
บทที่ 261 อย่าให้พวกเขาเจอกัน
“ประธานหาน ประธานหาน ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะไปโรงพยาบาลอีกเหรอ?”
กัวหลินวิ่งตามลงมาในลิฟต์ ก็มองเห็นหานฉ่ายหลิงจะขึ้นไปบนรถ แล้วก็หันไปมองท้องฟ้าที่มืดค่ำแล้ว จึงอดถามไม่ได้
หานฉ่ายหลิงเองก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ไม่เห็นเหรอว่า?เด็กนั่นกำลังจะเป็นจะตายอยู่แล้ว จนตระกูลลี่วุ่นวายทั้งบ้าน !เฉินซีเองก็ดูจะอารมณ์ไม่ดีด้วย ในเวลาแบบนี้ ฉันจะไม่ไปดูที่โรงพยาบาลได้เหรอ?”
เวลาแบบนี้เป็นเวลาเหมาะที่สุดในการแสดงเจตนาออกมา ถ้าหากว่าพลาดละก็ คงจะน่าเสียดายมากไม่ใช่เหรอ?
ฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะหมดไป อีกหน่อยก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว ช่วงกลางวันก็เริ่มสั้นขึ้นเยอะเลย กัวหลิน เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าของกลางคืน แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ จึงพูดขึ้น “ประธานหาน งั้นให้ฉันไปเป็นเพื่อนนะ!”
หานฉ่ายหลิงก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ถึงยังไงไม่กี่ปีมานี้ ต้องขอบใจกัวหลินที่คอยอยู่ข้างๆ ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่เธอก็คอยวางแผนช่วยตลอด มากกว่าสนิทกันและไว้ใจกันอีก และที่ได้การดูแลแบบนี้ ต้องขอบใจเธอมากๆ
พอขึ้นมาบนรถ หานฉ่ายหลิงก็นั่งอีกด้าน สีหน้าดูหนักใจมาก “กัวหลิน ลำบากเธอแล้ว”
อยู่ดีๆ พอได้ยินประโยค กัวหลินก็รู้สึกไม่ชิน
เธอจึงรีบพูดขึ้น “ประธานหานทำไมพูดแบบนี้ล่ะ?ตอนที่พ่อฉันเข้ารับการผ่าตัด เงินมากมายขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่คุณออกให้ พ่อของฉันคงจะ……..”
และเพราะบุณคุณที่ช่วยชีวิตพ่อไว้ จึงทำให้กัวหลินจงรักภักดีกับเธอมาตลอด
พอพูดเรื่องราวเก่าๆ หานฉ่ายหลิงก็ยิ้มออกมา เหมือนกับว่านึกอะไรขึ้นได้ จึงพูดขึ้น “ช่วงนี้ชาร์ลีเป็นยังไงบ้าง?ตั้งใจเรียนอนุบาลไหม?”
“คุณวางใจเรื่องนายน้อยได้เลย!มีคุณท่านหานกับพี่เลี้ยงอยู่!ได้ยินว่าช่วงนี้เชื่อฟังมากเลย!แถมวิชาเปียโนยังได้คะแนนสูงมากด้วย!”
พอได้ยินคนชมลูกชายตัวเอง สีหน้าอมทุกข์ของหานฉ่ายหลิงก็ดูดีขึ้นมาหน่อย และก็พลันหลุดยิ้มออกมา
ไม่นึกเลยว่าลูกที่เกิดขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจในตอนนั้น ที่ตอนแรกคิดว่าเป็นความผิดพลาด และไม่เคยอยากได้ ตอนนี้ดูแล้วกลับรู้สึกว่าฟ้าประทานมาให้
ขอแค่ให้ชาร์ลีมีชีวิตที่ดี เติบโตอย่างแข็งแรง เธอก็พร้อมที่จะปูทางข้างหน้าให้เขา ไม่ว่าตระกูลหาน หรือว่าตระกูลลี่ ต่อไป ต้องเป็นของลูกชายเธอทั้งหมด!
โรงพยาบาลเซนเดอร์ในเมือง หานฉ่ายหลิงและกัวหลินก็เดินมาถึงหน้าห้อง ICU คนที่คอยเฝ้าที่นี่กับพี่เลี้ยงไม่เห็นแม้แต่เงา และในตอนที่เธอกำลังจะไม่พอใจนั้น ก็ได้ยินเสียงข้างในห้องดังขึ้น
“………ขอโทษด้วยนะ!เจิ้งเอ๋อ เป็นเพราะแม่ไม่ดี แม่ปกป้องลูกไม่ได้ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลูกคงได้รับความลำบากไม่น้อย จิตใจของลูก คงจะโกรธแค้นแม่มากเลย ใช่ไหม?”
พอได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของผู้หญิง ที่ฟังดูอ่อนโยนนุ่มนวล และไพเราะเพราะพริ้งที่สุด
แต่หานฉ่ายหลิงกลับรู้สึกไม่คุ้นและประหลาดใจมาก
คนคนนี้กล้าพูดว่าตัวเองเป็นแม่ของจี่เจิ้ง หรือว่าจะใช่?แต่จะเป็นไปได้ยังไง?คนคนนั้นเป็นใบ้นะ!และก็หายตัวไปนานแล้วด้วย สั่งให้คนออกตามหาทุกหนทุกแห่งก็ไม่มีวี่แววเลย ทำไมอยู่ดีๆ ถึงปรากฏตัวขึ้น!
“ที่จริงแม่เองก็เกลียดตัวเอง ว่าทำไมตอนนั้นตัวเองถึงไม่มีความกล้าหน่อย ยืนหยัดอีกหน่อย แล้วก็คิดหาทางพาลูกไปด้วย? เจิ้งเอ๋อ คิดไม่ถึงเลยว่าลูกจะโตขนาดนี้แล้ว…..”
หานฉ่ายหลิงมีสีหน้าตะลึงอย่างกับว่าเจอผี และก็ไม่เคยคิดมาก่อน เธอค่อยๆ ส่งดูตามรอยแตกเล็กๆ ก็เห็นผู้หญิงรูปร่างผอมเพรียว สวมใส่กระโปรงยาวสีดำ ดูสวยและสง่ามาก
แม้ว่าจะเห็นเพียงด้านหลัง แต่ว่าหานฉ่ายหลิงมั่นใจได้ว่า คุ้นมาก จึงอยากจะตามดูต่อ แต่ในขณะนั้นก็ต้องส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ ไม่มีทาง!ถ้าดูจากความสามารถของซูย้าว และช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็ไม่ค่อยเปิดเผย อย่างมากก็ใช้ชีวิตได้แค่คนธรรมดา ได้แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว
แต่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ในห้องคนนั้น ถ้ามองจากด้านหลังก็พอจะแน่ใจว่า ไม่ใช่คนที่มีชีวิตธรรมดาแน่ๆ และถ้าดูจากเสื้อผ้าที่ใส่ทั้งตัวก็ล้วนแต่เป็นของแบรนด์เนม การแต่งตัวแบบนี้ ไม่มีทางที่คนใบ้จะมีแน่นอน
และยิ่งกว่านั้น คนใบ้ จะพูดได้ยังไง?
หานฉ่ายหลิงกำลังพยายามคิดว่า ไม่ต้องคิดอะไรมาก ต้องเป็นความรู้สึกที่ผิดพลาด แต่มันเป็นความรู้สึกที่……..
แต่ภายในห้องนั้น เสียงใสๆ ของผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงดังออกมา และทำให้แก้วหูของหานฉ่ายหลิงถึงกลับสั่นทีเดียว
“ตอนที่แม่จากลูกไป ลูกพึ่งได้สามขวบ พึ่งพูดได้แค่ไม่กี่คำ เดินก็ยังเซไปมา ยังไม่แข็งเลย คิดไม่ถึงเลยว่า เวลาแค่ไม่กี่ปี ลูกได้โตเป็นหนุ่มน้อยแล้ว!แถมยังดูจิ้มลิ้มขนาดนี้…….”
ซูย้าวหันไปมองลี่เจิ้งที่นอนหมดสติอยู่ ก็รู้สึกทุกข์ทรมานมาก
พลางลูบใบหน้าของเขา น้ำตาก็ไหลลงมาหยดแล้วหยดเล่า “ลูกรู้ไหม แม่เอาแต่คิดถึงลูก ตอนที่แม่จากไปตอนนั้น ก็เพราะต้องปกป้องน้องสาวของลูก หล่อนเป็นน้องสาวแท้ๆ ของลูกนะ เจิ้งเอ๋อ ลูกรีบตื่นขึ้นมาเถอะนะ แม่จะพาลูกไปหาน้องสาว?”
ห้าปี ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านไป ไม่มีวันไหนที่เธอนอนหลับสนิท เธอเอาแต่มองดูดวงจันทร์บนฟ้าที่ต่างบ้านต่างเมือง แล้วก็พลางคิดถึงหน้าลูกชายตัวเอง ภาพในความทรงจำของเธอ ยิ่งนานวันก็ยิ่งเลือนราง แต่ภายในใจนั้น กลับชัดจนไม่มีอะไรเทียบได้
เธออยากกลับมาบ้าน อยากจะเจอลูกชาย อยากจะเอาทุกอย่างกลับคืน อยากใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุข แต่เพราะว่าห่างไปนาน วันที่กลับมาจึงไม่มีหวังเลย
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอเอาชนะความลังเลและอ่อนแอได้ และเป็นสิ่งที่ทำให้เธอไม่สามารถทนต่อไปได้ และในที่สุดก็ตัดสินใจกลับมา
ตอนแรกนึกว่าเป้าหมายครั้งนี้จะสามารถเริ่มต้นและเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะสามารถพลิกกลับมา แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เจิ้งเอ๋อกลับมาเกิดเรื่องขึ้นก่อน
“เจิ้งเอ๋อ แม่อยู่นี่แล้ว ต่อไปแม่จะไม่ไปไหนแล้ว ขอร้องล่ะ รีบตื่นขึ้นมาเถอะนะ!”
ซูย้าวกุมมือเขาไว้แน่น พอรู้เรื่องหลังจากที่เขาผ่าตัดเสร็จ เธอก็สวดมนต์ภาวนาในใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เพื่อให้เทวดาโปรดเมตตา ไม่ว่าจะเพราะอะไร ถ้าหากอยากจะลงโทษ อยากจะทรมาน ก็ให้มาลงที่เธอแทน อย่าไปลงกับเด็กอายุแค่แปดขวบเลย!
“ลูกเป็นเด็กที่อดทน ต้องเอาชนะทุกอย่างได้แน่นอน แม่เชื่อในตัวลูก ต้องฟื้นขึ้นมาได้แน่นอน ลูกยังต้องช่วยแม่อีกเรื่องหนึ่ง!”
ช่วยแม่ตามหาน้องชายของลูก
น้องชายที่หายไปห้าปีของลูก เลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน เด็กพวกนี้ล้วนแต่เป็นลูกของซูย้าว ไม่ว่ายังไง ครั้งนี้เธอจะต้องปกป้องไว้ให้ได้ และจะไม่ยอมทนทุกข์ทรมานจากกันไปไหนอีกแล้ว!
ซูย้าวร้องไห้อยู่ข้างเตียงนานมาก เห็นลูกชายตัวเองไม่ฟื้น และได้ระบายความทุกข์ทรมานทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมาจนเกือบหมด
เธอจินตนาการถึงภาพที่แม่ลูกได้เจอกันหลายต่อหลายครั้ง กลับไม่ได้เป็นแบบนี้……
เวลาไม่สามารถยื้อนานกว่านี้แล้ว ลี่เจิ้งเองก็ต้องพักผ่อน เธอก็พึ่งกลับมา และมีอีกหลายเรื่องที่ต้องสะสาง จึงทำได้เพียงเชื่อใจลี่ซื่ออีกครั้ง หวังว่าจะสามารถดูแลลูกชายที่หมดสติของเธอได้
และในขณะที่ซูย้าวลุกขึ้น ก็พยายามสงบสติ แล้วก็หยิบกระดาษทิชชูมาซับน้ำตา จากนั้นก็ค่อยๆ เอียงตัวมา จนทำให้หานฉ่ายหลิงที่อยู่ด้านนอกได้มองเห็นอย่างชัดเจน และในตอนนั้นหานฉ่ายหลิงก็แทบจะตะโกนออกมาแบบไม่มีเสียง
โชคดีที่เธอควบคุมสติตัวเองไว้ทันจึงหันกลับมา ยืนอยู่หน้าประตู หน้าตาขาวซีด
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นซูย้าวจริงๆ !
หล่อนไม่ได้เป็นใบ้เหรอ?ทำไมพูดได้?
อีกอย่างหล่อนกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูจากการแต่งตัวแล้ว เหมือนกับว่าหล่อนมีชีวิตดีมาก และไม่รู้เลยจริงๆ ว่าไม่กี่ปีนี้ เกิดอะไรขึ้นกับหล่อนกันแน่!
กัวหลินหันไปมองเห็นเธอท่าทางเหม่อลอย จึงรีบทักขึ้น “ประธานหาน?”
หานฉ่ายหลิงไม่มีเวลาอธิบายอะไร จึงดึงแขนเธอไป เพื่อให้หลบออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบ
“ผู้หญิงในห้องคนนั้นเป็นใครเหรอ?” กัวหลินรีบถามขึ้น
สีหน้าของหานฉ่ายหลิงดูไม่ดีเท่าไหร่ แล้วก็เอาแต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ซูย้าว แม่แท้ๆ ของลี่เจิ้ง!”
“จำไว้นะ เรื่องคืนนี้ อย่าให้ใครรู้เข้า โดยเฉพาะพวกเฉินซี!”
หานฉ่ายหลิงก็ยังไม่มั่นใจแน่ชัดว่า ที่ซูย้าวกลับมาครั้งนี้นั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ และก็ยังไม่แน่ใจรายละเอียดของหล่อนด้วย ในเวลาแบบนี้อย่าพึ่งให้พวกเขาได้เจอกันจะดีที่สุด!
กัวหลินพยักหน้า เพื่อบอกว่าเข้าใจแล้ว