เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 264
บทที่ 264 คุณติดค้างการอธิบายฉัน
ช่วงไม่กี่วันนี้ ลี่เฉินซีผ่านมาอย่างยากลำบาก
เพราะอยู่ดีๆ ลูกชายตัวเองก็เกิดอุบัติเหตุ จึงทำให้เขาเหนื่อยใจอย่างมาก
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ลี่เจิ้งเป็นเพียงอย่างเดียวที่เป็นชีวิตจิตใจของเขา แล้วอยู่ดีๆ ก็ดันมาเกิด ‘อุบัติเหตุขึ้น’ แล้วคิดว่าเขาจะเชื่อเหรอ?
แต่ว่าลี่ซื่อกรุ๊ปมีชื่อเสียงมาก หลายปีที่ทำธุรกิจมาก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ศัตรูก็มีมาก ถ้าต้องการจะค้นหา ก็ไม่ควรจะทำให้มีพิรุธ เพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นไปก่อน
ตอนที่หวางอี้เดินเข้ามา เขากำลังดูดบุหรี่ในห้องทำงานขนาดใหญ่ ภายในห้องเต็มไปด้วยควันบุหรี่ลอยฟุ้ง จนแทบจะหายใจไม่ออก
หวางอี้หันไปมองที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยขี้บุหรี่ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นแต่ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ พลันหันไปมองสีหน้าของเจ้านาย ขอบตาของเขาดูคล้ำเล็กน้อย แต่กลับไม่มีผลอะไรกับความหล่อเลยสักนิด เพียงแค่ดูออกว่าเมื่อคืนคงไม่ได้นอน
ตั้งแต่เกิดเรื่องกับลี่เจิ้ง ลี่เฉินซีก็ไม่เคยนอนหลับสนิทเลยสักคืน!
ขนาดงีบครู่หนึ่งยังไม่ได้เลย เขาไม่อาจจะนึกได้ว่าเด็กอายุแค่แปดขวบ ตกลงมาจากชั้นสอง แล้วจังหวะที่ร่างกระทบพื้นมันจะเจ็บมากขนาดไหน!
เรื่องเลวร้ายแบบนี้ ทำไมถึงมาเกิดกับลูกชายตัวเอง เป็นเพราะเขาเองที่เป็นพ่อได้ไม่ดี ไม่สามารถดูแลลูกให้ดี……..
ก่อนที่หวางอี้จะเดินเข้ามาถึง ลี่เฉินซีก็ถามขึ้นเสียงแข็งเหมือนถึงเวลาแล้ว “สืบได้เรื่องแล้วเหรอ?”
เขาพยักหน้า แล้วยื่นเอกสารฉบับหนึ่งมาให้
หลังจากลี่เฉินซีพลิกดู มันคือสำเนาเอกสารตรวจโรคของโรงพยาบาล ถึงเขาจะดูไม่รู้เรื่อง แต่ว่าหวางอี้ได้ให้คนเขียนอธิบายอย่างละเอียด และใช้ปากกามาร์กไว้เรียบร้อยแล้ว จึงสามารถเข้าใจผลตรวจว่าในร่างกายของลี่เจิ้ง มีสารพิษชนิดหนึ่ง ที่ส่งผลให้สายตาพร่ามัวและอาจส่งผลขั้นรุนแรง!
พออ่านเอกสารไปพักหนึ่งเขาก็กำมือแน่นขึ้นเรื่อยๆ และก็เต็มไปด้วยความน่าหวาดกลัวที่ออกมาจากตัวเขา
ไม่น่าล่ะช่วงสองสามเดือนมานี้ ลี่เจิ้งเอาแต่บอกว่าดวงตาตัวเองมองไม่ชัด ตอนนั้นเขายังรู้สึกแปลกใจ เพราะตัวเขาเองกับซูย้าวนั้นไม่ได้มีปัญหาทางสายตา และทั้งสองก็สายตาดีทั้งคู่ แต่ทำไมลูกที่อายุยังน้อยถึงสายตาสั้นได้ล่ะ?
ที่แท้ก็มีคนคอยลอบทำร้ายอยู่นี่เอง!
ถึงขนาดกล้าทำกับลูกชายของเขาด้วย คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!
และในขณะนั้น เขาบอกไม่ถูกว่าเขาโกรธมากหรือเขาสงสารลูกกันแน่ เพียงแค่รู้สึกว่าหน้าอกรู้สึกเหมือนมีไฟสุมอยู่ กำลังลุกโหมอย่างหนัก และยิ่งทวีคูณความร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาเจ็บปวดไปทั้งร่างกายและจิตใจ แล้วเลือดในร่างกายก็กำลังสูบฉีดขึ้นเรื่อยๆ
“ไปสืบ!”
ลี่เฉินซีพยายามอดทนมานาน ท้ายที่สุดความกดดันก็ทำให้โมโหขึ้น จนมันระเบิดออกมา คิ้วสองข้างแทบจะติดกัน และก็พอจะรู้ว่าสำหรับเรื่องนี้ ทำให้เขาโกรธแค้นมากขนาดไหน
“ต้องสืบมาให้ละเอียด!แล้วก็สืบอย่างลับๆ “เขาพูดย้ำอีกครั้ง
หวางอี้พยักหน้า “ครับ!”
พอเห็นท่าทางของหวางอี้ที่เหมือนจะยังไม่ไป ลี่เฉินซีเลยคลายเนกไทที่คอ แล้วปลดกระดุมลงสองเม็ดพลางพูดขึ้น “ยังมีเรื่องอะไรอีก?”
ในตอนที่หวางอี้พูด ก็ยื่นเอกสารอีกฉบับส่งให้เขาบนโต๊ะ
ลี่เฉินซีถึงได้ผ่อนคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ เรื่องการลงทุนร่วมกับจู้สือกรุ๊ป เมื่อครึ่งปีก่อนเขาก็ได้เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เพราะฝ่ายนั้นเป็นแนวหน้าขนาดใหญ่ของอุตสหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคแห่งทวีปอเมริกา ถ้าหากว่าลี่ซื่อกรุ๊ปสามารถร่วมลงทุนกับพวกนั้นได้ อนาคตข้างหน้าก็จะส่งผลดีมาก
เขาเปิดมันออก แล้วอ่านดูคร่าวๆ พลางพูดขึ้น “ทางนั้นได้บอกเหตุผลไหมว่าทำไม?”
หวางอี้ส่ายหน้า “ไม่ครับ”
ยกเลิกสัญญาแบบไม่มีเหตุผล?
แบบนี้มันไม่น่าใช่วิธีการของบริษัทใหญ่ๆ อย่างจู้สือกรุ๊ป มันต้องมีปัญหาอะไรแน่นอน เพียงแค่ไม่รู้ว่ามันเกิดที่ลี่ซื่อกรุ๊ปหรือที่ฝั่งนั้น
เขาส่งเอกสารกลับมาให้หวางอี้ “เอาไปให้พวกออกแบบ ให้พวกเขาตรวจสอบดูให้แน่ชัด แล้วก็ทำออกมาอีกฉบับ ส่งไปให้จู้สือกรุ๊ป!”
หวางอี้หยิบเอาเอกสาร แล้วก็นิ่งไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น “เอ่อ กลัวว่าจะไม่ได้แล้ว!หัวหน้าที่ดูแลของจู้สือกรุ๊ปบอกว่า ต่อไปจะไม่ร่วมลงทุนกับเราแล้ว”
ลี่เฉินซีสะดุ้งทันที จะไม่ร่วมลงทุนกับเราแล้วงั้นเหรอ?
ยังมีบริษัทที่กล้าพูดแบบนี้กับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปอีกเหรอ ดูท่าเขาจะดูถูกอำนาจของจู้สือกรุ๊ปไปแล้วสินะ!
“คนดูแลของพวกนั้นคือใคร?อยู่ที่เมืองนี้ไหม?ติดต่อให้ฉันหน่อย ฉันอยากจะไปเจอเขา” ลี่เฉินซียื่นมือออกไปจับบุหรี่ พอจุดไฟเสร็จก็สั่งเขาทันที
ไม่ว่าอาการของลี่เจิ้งจะสาหัสขนาดไหน แต่ก็ยังพอมีหวัง ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือ หาตัวคนร้ายให้เจอ เพื่อแก้แค้นให้ลูกชายเขา และในเวลาเดียวกันก็ต้องรักษากิจการของลี่ซื่อกรุ๊ปไว้ด้วย เพราะหลังจากนี้จะได้ส่งต่อให้กับลูกชายเขา
หวางอี้ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีที่ลำบากใจ และก็ดูลังเลจะพูดหรือไม่พูดดี
ลี่เฉินซีพ่นก้นบุหรี่ออกมา แล้วก็กำลังจะทำงาน แต่ก็ไปสะดุดกับท่าทางของหวางอี้ แล้วพูดขึ้น “ทำท่าทางอะไรของนาย?เป็นอะไรไป?”
“เอิ่ม ประธานลี่ คนที่ดูแลบริษัทจู้สือกรุ๊ปเป็นใครนั้นยังไม่รู้แน่ครับ อีกสักครู่ผมจะไปสืบมาให้คุณ แต่ว่าตอนนี้มีอีกคนหนึ่งที่อยากจะพบคุณ”
เขาขมวดคิ้ว “ใคร?”
“คุณซูย้าว”
ราวกับว่าบรรยากาศในห้องเย็นลงทันที ทั้งห้องเงียบลง รวมถึงเสียงพ่นควันออกมาของเขาด้วย และสีหน้าที่เศร้าใจของหวางอี้
‘ซูย้าว’ สองคำ ที่พูดออกมาตรงๆ ดังเข้าไปในแก้วหูของเขา
เหมือนกับว่าไม่ได้ดูปิดบังอะไร และเป็นปกติมาก
และเหมือนพูดถึงคนที่ร่วมทำธุรกิจกัน เพื่อนคนหนึ่ง และเป็นเรื่องเล็กน้อยไปแล้ว
สายตาที่ดูอึมครึมของลี่เฉินซีนั้นนิ่งไป และในเวลาเดียวกันก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก๊อกก๊อกก๊อก——-
หลังจากดังขึ้นสามครั้ง ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ซูย้าวค่อยๆ เดินเข้ามา
ลี่เฉินซีหันไปมองคนที่เดินเข้ามา ที่ยังดูเหมือนเดิม แถมยังดูสวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่มีความเป็นเด็กเหมือนเมื่อก่อน ดูอ่อนโยนนุ่มนวลเหมือนผู้ใหญ่ และความใสซื่อแต่ก่อนก็ลดน้อยลงไปแล้ว ตอนนี้ดูเซ็กซี่และมีเสน่ห์น่าดึงดูดมาก
ซูย้าวเองก็มองมาที่เขาเหมือนกัน ที่ยังคงดูสายตาดุจเหยี่ยว นอกจากจะดูมีความภูมิฐานแล้ว ทั้งท่าทาง อารมณ์ ก็ดูเปลี่ยนไป ดูนิ่งและเย็นชา โดยที่เก็บทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน แต่สายตาที่ดูอึมครึมนั้น กลับยังมีความน่ากลัวเหลืออยู่
เพียงพริบตาก็ห่างกันห้าปีแล้ว
พอกลับมาเจอกันอีก ยิ่งทำให้บรรยากาศเงียบลง จนหวางอี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน จึงรีบโค้งตัว แล้วเดินออกไปจากห้องทันที
ตอนที่ออกไปก็ไม่วายที่จะปิดประตู เพื่อให้ทั้งห้องนั้น มีเพียงพวกเขาสองคน
“เธอกลับมาแล้วเหรอ”
ลี่เฉินซีเป็นคนทำลายความเงียบนี้ก่อน ดวงตาคู่นั้นที่มีแค่ความเยือกเย็นไม่ได้รู้สึกประหลาดใจสักนิด และในน้ำเสียงที่พูดก็เต็มไปด้วยความเย็นชาและไม่ใส่ใจ
และไม่น่าแปลก ที่พวกเขาแยกกันห้าปีแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเขาจะมีท่าทางยังไง ใช้สายตาอะไรมองเธอ ซูย้าวเองก็ไม่ได้รู้สึกรู้สา
เธอไม่ใช่ซูย้าวคนเดิมเมื่อห้าปีก่อนแล้ว
“กลับมาเพราะเรื่องเจิ้งเอ๋อสินะ!ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลหรือยัง?” ลี่เฉินซีถามขึ้นอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงเรียบ และไร้เยื่อใย
ซูย้าวเดินช้าลง แล้วก็มาถึงด้านหน้าโต๊ะทำงานเขา จากนั้นก็ลากเก้าอี้ แล้วนั่งลง
“ถ้ายังไม่ไป ผมจะให้หวางอี้พาคุณไป”
ลี่เฉินซีพูด พลางยกหูโทรศัพท์ขึ้น เพื่อจะโทรหาหวางอี้ เพียงแต่ยังไม่ทันได้กดเบอร์ กลับได้ยินเสียงของคนที่อยู่ตรงหน้าพูดขึ้น เสียงที่นุ่มนวล อ่อนโยนและน่าหลงใหล
“ไม่รบกวนหรอก ไปมาแล้ว”
ลี่เฉินซีตะลึง แล้วก็พูดขึ้นทันที “คุณพูดได้แล้ว”
ดูแล้ว เธอคงจะไปทำการผ่าตัดมา
สีหน้าที่ดูแปลกใจของเขานั้น กลับไม่เหมือนสีหน้าที่ดูเย็นชาของเธอเลย ทั้งท่านั่งขาไขว่ห้างที่มีเสน่ห์ แล้วพูดขึ้น “ที่ฉันมาครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการคุยเรื่องลูกกับคุณ”
เขาจึงพูดขึ้น “มีเรื่องอะไร?”
ซูย้าวหยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋า วางบนโต๊ะ แล้วก็ยื่นไปให้ที่มือเขา
พอหลังจากเปิดออก ก็เป็นเอกสารชุดเดียวกับของหวางอี้ ล้วนเกี่ยวกับรายงานการตรวจร่างกายของลี่เจิ้งที่มีสารพิษในร่างกาย
เขาเงยหน้าขึ้น ซูย้าวขมวดคิ้วแน่น แล้วใช้สายตาเย็นชามองเขา พร้อมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตะคอก “ประธานลี่ คุณควรจะอธิบายกับฉันอย่างละเอียดหน่อยสิ ตลอดห้าปีนี้ คุณ ‘ดูแลลูกให้ดี’ ยังไง?