เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 278
บทที่ 278 อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้น
“ซีซี ไม่ได้นะลูก พี่ชายป่วยหนักขนาดนี้ ต้องพาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นแย่แน่”
โม่หว่านหว่านค่อยๆอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลหวังอยากให้หล่อนยินยอมโดยเร็ว เพื่อไม่ให้หลินโม่ป่ายอุ้มเด็กชายออกไป
โดยปกติ ซีซี เป็นคนเรียบร้อยและมีสติ แต่ในขณะนี้หล่อนเปลี่ยนบุคลิกเป็นอีกคน พลางใช้มือจับเด็กชายเอาไว้ไม่ให้ขยับ
แววตาที่ดูแข็งกระด้างจ้องไปยังซูย้าวที่ยืนรออยู่ใกล้ ๆ หล่อนเงยหน้าขึ้นแต่ก็ไม่พูดอะไร
ครู่หนึ่ง ซูย้าวก็เงียบไป
ทั้ง ๆที่ก่อนหน้านี้ ซีซี แทบจะไม่เคยแสดงออกมาก่อนเลย หากหล่อนปฏิเสธ หล่อนเองก็ทนไม่ได้ หล่อนทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะนั่งยองๆ ลงตรงหน้าของลูกสาวและพูดเบาๆ ว่า “แม่กับน้า พาพี่ชายไปโรงพยาบาลอื่น แถวชานเมืองไกลออกไปหน่อยโอเคไหมจ๊ะ?”
หลินโม่ป่ายเองก็รู้สึกว่ามันดี นอกจากโรงพยาบาลใจกลางเมือง A ที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ก็ยังมีโรงพยาบาลอีกหลายแห่งที่สามารถให้การรักษาแก่เด็กชายคนนี้ได้โดยไม่มีปัญหา
ซีซี มองไปที่หล่อนก่อนจะหันไปมองพี่ชายที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้งก่อนจะค่อยๆใจอ่อนลง
แต่พอหลินโม่ป่ายและซูย้าวจะไปส่งเด็กชาย หล่อนก็ไม่ยอมร้องจะตามไปด้วยให้ได้
ท่าทีกระตือรือร้นนั้นทำให้ซูย้าวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย วันนี้ลูกสาวของหล่อนเป็นอะไรไปนะ
ตอนอยู่ต่างประเทศ หล่อนจะพาเธอไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ที่เป็นเพื่อนบ้านกันเสมอ แต่เพราะ ซีซี มีนิสัยไม่ชอบเข้าสังคม แม้ว่าจะอยู่ที่โรงเรียนก็ยังชอบอยู่คนเดียวไม่ยอมเล่นกับเพื่อนคนอื่น
ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบเข้าสังคมตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ ทำให้ซูย้าวรู้สึกกังวลใจจริงๆ
แต่ถึงแม้ว่าลูกสาวของหล่อนจะไม่พอใจแต่อย่างไรก็ต้องนำเด็กน้อยคนนี้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลก่อน!
กว่าจะหาโรงพยาบาลได้ ไหนจะต้องจัดการตามขั้นตอนต่างๆ แถมยังต้องพาเด็กไปฉีดยาอีกกว่าทุกอย่างจะเสร็จก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว
โชคดีที่อาการของเด็กคนนี้ดีขึ้นและไข้ก็ค่อยๆ ทุเลาลง ส่วนที่เหลือก็เหลือแค่แผลไฟไหม้ที่ขาและมีบาดแผลตามร่างกายอีกเล็กน้อย
ไม่นาน ซีซี ก็เผลอหลับไป ซูย้าวนั่งอยู่ข้างๆ ลูกสาว ไม่กล้าขยับตัว หล่อนมองไปยังเตียงทั้งสองที่เด็กๆนอนอยู่ เวลาผ่านไปสักพักใหญ่หล่อนก็ยังไม่รู้สึกง่วง สุดท้ายก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
เวลาในห้องพักคนป่วยดูจะผ่านไปได้อย่างเชื่องช้า ไม่ง่ายที่ ซีซี จะหลับไป หล่อนเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ในใจก็ยังรู้สึกกังวล
ไม่รู้ว่าตอนนี้เด็กที่โดนจับตัวไปจะยังสบายดีอยู่ไหม……
กาแฟแก้วหนึ่งถูกยื่นให้หล่อนจากทางด้านข้าง หล่อนเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะพบกับใบหน้าหล่อเหลาของหลินโม่ป่ายที่แสนคุ้นเคย ในขณะเดียวกันเขาก็นั่งลงข้างๆ หล่อนก่อนจะพูดขึ้น “เหนื่อยแล้วใช้ไหม ดื่มสักหน่อยแล้วเข้าไปพักผ่อนเถอะ!”
“ยังโอเคอยู่ ยุ่งมาทั้งคืน คุณเองก็คงเหนื่อยมากแล้ว” หล่อนพูดก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มไปสองอึก
หลินโม่ป่ายยิ้ม “ฉันไม่เป็นไร แล้วจะทำอย่างไรกับเด็กต่อล่ะ”
“ไม่รู้สิ รอให้เด็กฟื้นแล้วค่อยถามดีกว่า!”
ซูย้าวเองก็ยังอธิบายไม่ได้ว่าเด็กคนนั้นกำลังปิดบังอะไรอยู่ แต่ร่องรอยบาดแผลตามตัวจะเป็นหลักฐานอย่างดี
พรุ่งนี้ก็คงต้องแจ้งตำรวจแล้ว
อีกด้านหนึ่งของเมือง ที่บ้านพักตากอากาศสไตล์เกาหลีแสนหรูหรา
ในห้องที่เต็มไปด้วยของเล่นและฟิกเกอร์ หานฉ่ายหลิงนอนอยู่บนเตียงเล็ก ๆ กับลูกชาย หล่อนเล่านิทานให้ลูกฟังจนกระทั่งลูกของหล่อนค่อย ๆ หลับไป จากนั้นหล่อนก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นก่อนจะถอยออกจากเตียงและออกจากห้อง
ประตูปิดลงก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง
“ดูไม่ออกเลยว่า ตอนนี้เธอน่ะจะเหมือนเป็นแม่คนขึ้นทุกวันๆ”
หล่อนหันหลังไปก่อนจะพบกับหานต้าเฉิงพอดี หล่อนขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ”ก็ฉันเป็นแม่คนอยู่แล้วรึป่าว?”
“เหอะ ๆ เธอพูดอะไรก็ถูกไปหมดนั้นแหละ” หานต้าเฉิง ส่ายหัวไปมาก่อนจะเดินตัวเซเข้าไปในห้อง
หานฉ่ายหลิงบังเอิญนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้พอดี หล่อนเหลือบมองก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องของ หานต้าเฉิง “เรื่องที่ฉันบอกนายไปครั้งที่แล้ว คิดวิธีดีๆออกแล้วหรือยัง?”
หานต้าเฉิง คิดขึ้นได้ทันใด เขาหลับตาลงและเปิดขึ้นอีกครั้งอย่างทำตัวไม่ถูก “คุณยกโทษให้ผมได้ไหม?”
”คุณหมายความว่าอะไร” หล่อนใช้มือทั้งสองข้างกอดอกไว้ แล้วมองด้วยสายตาเย็นชา
หานต้าเฉิง พูดขึ้น “คุณจะให้ผมทำอะไรก็ได้หมด อะไรก็ได้จะยากแค่ไหนผมก็จะลองทำดู แต่ขอได้ไหมที่จะไม่ทำร้าย เด็กๆ ทีละคนๆ พวกเขาคือเด็กนะ!”
“บ้าจริง ทำไมถึงได้พูดอะไรแปลกๆออกมาเนี้ย?” หานฉ่ายหลิงขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดต่อ “ฉันก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นนิ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ใครปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นกลับประเทศมาใช้ชีวิตลอยหน้าลอยตากันล่ะ?”
“แต่ที่ลี่เจิ้งอยู่ในอาการโคม่า คุณจะฆ่าเขาอย่างไร มีบอดี้การ์ดเฝ้าหน้าห้องพักผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมงนะ”
หานต้าเฉิง ยังคิดเรื่องนี้ซ้ำ ๆ ลี่เจิ้งประสบอุบัติเหตุที่โรงเรียน ทำการสอบสวนจนถึงตอนนี้ครูและนักเรียนทั้งหมดในโรงเรียนก็ถูกย้ายไปที่อื่น เขาใช้เงินจำนวนมากและซื้อโรงเรียนให้ตำรวจเพื่อการสอบสวนอย่างละเอียด
ท่าทางรุนแรงขนาดนั้น ยังมองไม่ออกอีกเหรอ
ลี่เจิ้งคิดว่าลูกชายของเขาเป็นโชคชะตาใครจะกล้าทำร้าย ลี่เจิ้งตามหาฆาตกรและมันขึ้นอยู่กับระยะเวลาเท่านั้น
หานต้าเฉิง พูดอีกว่า “อย่าไปยุ่งกับลี่เจิ้งอีกจะได้ไหม ชีวิตฉันเหมือนแขวนอยู่ในเส้นด้าย ถ้าลี่เฉินซีหาหลักฐานสาวมถึงฉันได้ ฉันกับเธอจบเห่แน่!”
คำพูดนั้นเหมือนพยายามเตือนหานฉ่ายหลิง
“งั้นฉันไปหาคนอื่นก็ได้!” หล่อนพูดก่อนจะหันหลังเดินออกไป
หานต้าเฉิง ถอนหายใจก่อนจะเดินไปหยุดหล่อนไว้ “ไม่ต้องหาแล้ว แค่ทำให้เด็กคนนั้นอาการโคม่าไปตลอดแค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ คุณต้องการจะทำอะไรอีก”
“ฉันขอคิดดูก่อนแล้วกัน!”
หานฉ่ายหลิงผลักเขาออก ก่อนที่จะกลับไปห้องของตัวเอง
การทำให้เขาอาการโคม่าไปตลอดเป็นวิธีที่ดี แต่หล่อนก็กลัวว่าจะทำให้เกิดเรื่องอื่นตามมาด้วย คงต้องวางแผนให้ดีเสียก่อน หล่อนคิดไปพลางๆ และในขณะเดียวกันก็เปิดโน๊ตบุ๊คเพื่อเช็กกล่องจดหมายว่ามีจดหมายบ้างหรือเปล่าก่อนที่จะยิ้มออกมาราวกับนางร้าย
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเจี่ยงเวินอี๋มาที่ห้องไอซียูของโรงพยาบาล เขาพบว่านอกจากหลานชายที่หมดสติแล้วยังมีหานฉ่ายหลิงอยู่ในด้วย
หล่อนจับผ้าขนหนูที่กำลังอุ่นๆ อย่างระมัดระวัง ค่อยๆ เช็ดไปตามร่างกายของลูกด้วยความตั้งอกตั้งใจ
เจี่ยงเวินอี๋มองด้วยสีหน้ายิ้มๆก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉ่ายหลิง ทำไมเรื่องแบบนี้ให้พี่เลี้ยงช่วยล่ะ”
“พี่เลี้ยงก็ส่วนพี่เลี้ยงสิคะ ฉันเองก็ไม่ใช่คนอื่น” หานฉ่ายหลิงพูดพลางเช็ดต่อไปจนเสร็จแล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับกะละมัง
ตอนออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าเจี่ยงเวินอี๋ได้เปลี่ยนชุดนอนให้เรียบร้อยแล้ว พลางมองไปยังเด็กชายก่อนจะถอนหายใจออกมา
หล่อนเดินไปยืนข้างๆ พร้อมกับวางมือลงบนไหล่ของเวินอี๋ “คุณป้าเจี่ยงคะ ทุกวันก็ทำแบบนี้และฉันรู้สึกเป็นทุกข์เมื่อต้องคอยเฝ้าดูการสืบสวนของตำรวจที่ล่าช้าแต่กลับไม่ได้ผลผลลัพธ์อะไรเลย … ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เวินอี๋ก็รู้สึกเจ็บปวด หล่อนกำมือไว้กับขอบเตียงแน่น
เมื่อเห็นท่าทีของหล่อน หานฉ่ายหลิงก็พูดขึ้น “เด็กคนนั้นน่าสงสารมาก แม่ของเขาทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก โชคยังดีที่พ่อกับย่ายังรักแก……”
เมื่อพูดถึงซูย้าว สีหน้าของเวินอี๋ก็ดูเปลี่ยนไปทันที หล่อนตะโกนขึ้นด้วยความโมโห “อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้น!”
หานฉ่ายหลิงแสร้งทำเป็นรู้สึกผิดก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้ ก่อนจะค่อยๆพูดออกมา “แม่อย่าโกรธเลย ฉันแค่เห็นว่าช่วงนี้เธอมาที่นี่บ่อยๆ คิดว่าแม่จะรู้เรื่องแล้วซะอีก……”
เมื่อได้ยินดังนั้นเวินอี๋ก็หันกลับไปก่อนจะถามขึ้น “เธอเจอหล่อนเหรอ ใช่ซูย้าวจริงๆหรือเปล่า?”
หานฉ่ายหลิงรู้สึกแปลกใจมาก ทั้งๆที่ชูย้าวกลับมาได้ตั้งหลายวันแล้วทำไมถึงไม่รู้ หรือว่าจะไม่มีใครบอกหล่อนจริง