เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 280
บทที่280 คุณไม่ใช่แม่ของเขา
ลี่เฉินซีดูสายเรียกเข้านั้น แล้วส่งสัญญาณให้หานฉ่ายหลิงรับโทรศัพท์ก่อน จากนั้นเธอจึงพยักหน้าอย่างว่าง่าย แล้วหมุนตัวเดินไปที่โซฟา
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วรับสาย
“หัวหน้าหลี่ คุณมีเบาะแสใหม่แล้วใช่ไหม?”
เมื่อเขาได้ฟังคำพูดของฝ่ายตรงข้าม ใบหน้าหล่อเหลาของลี่เฉินซีเคร่งขรึมลง คิ้วที่ราบเรียบค่อยๆ ขมวดยับเหมือนคลื่นน้ำ จากนั้นจึงกล่าวว่า “คุณแน่ใจเหรอว่ามันเกี่ยวข้องกับเธอ?”
โดยที่ไม่รู้ว่าในที่สุดอีกฝ่ายจะตอบกลับอย่างไร สักครู่หนึ่ง ลี่เฉินซีก็ถอนหายใจออกมา “ได้เลย คุณส่งข้อมูลนั้นทางอีเมล์ แล้วตรวจสอบต่อไป ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ก็อย่าให้หลุดรอดไปได้!”
หลังจากเขาวางสายแล้ว หน้าตาของชายหนุ่มก็ยังคงไม่ดีนัก สายตาหม่นหมอง คล้ายรอบกายมีหมอกเมฆปกคลุม
หานฉ่ายหลิงนั่งบนโซฟา เอียงหัวมองเขา “เป็นอะไรล่ะ ทางหัวหน้าหลี่มีเบาะแสอะไรใหม่เหรอ?”
ลี่เฉินซีเหลือบมองเธอ เขายังมีความลังเล สายตาปริศนานั้นซ่อนเร้นไม่มิด
“มันยังไงกันแน่?” หานฉ่ายหลิงลุกขึ้นแล้วมาข้างเขา ดวงตาของเธอจ้องมองเขา “บอกฉันสิว่าการสืบสวนมีปัญหา? หรือว่าเรื่องอื่น?”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วแล้วจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้า แล้วก็เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำแสนเบาด้วยอารมณ์ที่ยากจะเข้าใจได้ “ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องกระบวนการสืบสวนคดีบางอย่างเท่านั้นเอง! อย่าพูดถึงเลย”
“เอ๊ะ อย่างนั้นเหรอ!”
หานฉ่ายหลิงยิ้มแบบไม่มั่นใจ “คุณก็อย่ากังวลมากไปเลย ตอนนี้อาการของเจิ้งเอ๋อดีขึ้นมากแล้ว ไม่ช้าก็เร็วจะฟื้น ทางตำรวจก็กำลังสืบสวนคดี ถึงจะช้าหน่อย แต่ความจริงจะต้องปรากฏ!”
คำพูดปลอบใจเหมือนแสงตะวันกลางฤดูหนาวทำให้สมองอันหนักอึ้งของลี่เฉินซีผ่อนคลายลงบ้าง จึงยิ้มกว้างออกมา “อืม ไม่เป็นไร คืนนี้พวกเรากินข้าวด้วยกันนะ!”
“ก็ดีเหมือนกัน! แต่ตอนนี้ฉันจะกลับบ้านก่อนนะ ช่วงเช้าชาร์ลีให้น้ำเกลือแล้ว ไม่รู้ว่าอาการตอนนี้เป็นยังไงบ้าง!” เธอว่า
ลี่เฉินซีจึงลุกขึ้นแล้วเดินพาเธอไปส่งข้างนอก “คืนนี้พาชาร์ลีมาด้วยกัน ฉันจะจองร้านอาหาร”
“อืม คืนนี้โทรมาหาฉันด้วยนะ”
หลังจากลี่เฉินซีส่งหานฉ่ายหลิงออกไปแล้ว เขากลับมาที่โต๊ะทำงาน หน้าจอคอมพิวเตอร์แจ้งเตือนอีเมล์ใหม่ที่ส่งจากมือถือของหลี่เจิ้น
เขาคลิกที่อีเมล์ อีเมล์ทั้งหมดเกี่ยวกับเบาะแสการสืบสวน สายตาลึกซึ้งนั้นมองไปตามเมาส์ที่เลื่อนไป แต่บางอย่างในใจนั้นหวั่นไหว สายตามีแววประหลาดใจ
เป็นเธอได้อย่างไร!
อีกด้านหนึ่งของเมืองในแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลแถบชานเมือง
ขณะนั้นเด็กชายยังคงอยู่ในภาวะโคม่า ซูย้าวยังเฝ้าดูอยู่ข้างเตียง
ร่างกายของเด็กชายดูสาหัส มีภาวะต่อต้านอย่างชัดแจ้ง เธอคนเดียวไม่สามารถตัดสินใจแก้ไขได้ เพราะทั้งหมดอาจจะส่งผลให้เด็กชายเป็นอันตรายอย่างมาก
เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ถือว่าเป็นโชคชะตา ต้องดูแลให้ดี!
เธอคิดแบบนี้ ทำไมหมอกลับไม่คิดเหมือนกัน
ซูย้าวไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืน เธอมองดูเด็กที่นอนอยู่บนเตียง แล้วหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นมาถูขมับอย่างอ่อนล้า หลังจากนั้นก็ดวงตาก็ปิดลง
ทันใดนั้น ประตูวอร์ดก็ถูกคนข้างนอกผลักจนเปิดออก
ปัง เสียงดังสนั่นมาก
ซูย้าวลืมตา คนไข้คนอื่นที่นอนอยู่บนเตียงก็รีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางตื่นตกใจและหวาดกลัว แล้วเหยียดยื่นมือไปหาแม่ตามสัญชาตญาณ
เธอเดินเข้าไปดูแลอยู่ข้างตัวเด็ก สายตาดุของเธอมองไปทางหมอผู้ดูแลที่มาปรากฏตัวหน้าประตู “คุณคะ นี่มันอะไรกัน?”
ขณะเดียวกันหมอที่เข้ามานั้น ก็ยังมีตำรวจในเครื่องแบบสองคนเข้ามาอยู่ด้านหลังเขา และพยาบาลสาวอีกหนึ่งคน
“ผู้หญิงคนนี้ล่ะครับ คุณตำรวจ พวกคุณดูสิ อาการบาดเจ็บของเด็กคนนี้ต้องมาจากการถูกทำร้ายทรมาน” หมอผู้ดูแลรีบวิ่งไปข้างเตียงคนไข้ มือชี้ไปที่เด็กชายที่กำลังนอนอยู่บนเตียง
ตำรวจก็เดินเข้าไป แล้วพิจารณาอาการบาดเจ็บร่างกายของเด็กน้อย แล้วพูดว่า “ตอนนี้เด็กยังอยู่ในภาวะโคม่าเหรอ”
“ใช่ เด็กคนนี้ถูกส่งตัวมาเมื่อวานกลางคืน จนถึงตอนนี้ก็หมดสติไม่ยังฟื้นเลย อาการบาดเจ็บบนร่างกายมากเกินเหลือ เด็กคนนี้เพิ่งจะอายุเท่าไหร่ ก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้ ใช่ไหม” หมอว่า
ตำรวจสืบสวนไป พร้อมกับพยักหน้า แล้วจึงพูดกับตำรวจคนอื่น “เอามือถือมาถ่ายรูปอาการบาดเจ็บของเด็กคนนี้ก่อน”
พอตำรวจพูดจบ ก็มองไปทางซูย้าว “ขอโทษนะครับ คุณเป็นผู้ปกครองของเด็กใช่ไหม?”
ซูย้าวไม่รู้ว่าจะตอบอะไร “ฉัน…….”
เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรแล้ว!
ตำรวจดูมองท่าทางกระอักกระอ่วนเล็กน้อยของเธอ แล้วก็พูดว่า “โปรดให้ความร่วมมือ และไปรับการสอบสวนกับเจ้าหน้าที่ด้วยครับ!”
“พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว จริงๆ แล้วฉันไม่ใช่……”
ตำรวจไม่รอให้ซูย้าวพูดจนจบ ก็ขัดจังหวะเธอ “นี่ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดหรือไม่ เด็กไม่กี่ขวบ อาการบาดเจ็บมากขนาดนี้ คุณได้ก่อคดีทรมานและทำให้เด็กบาดเจ็บสาหัส ไปรับการสอบสวนกับพวกเราก่อน สามีของคุณล่ะ เขาก็ต้องถูกสอบสวน”
“……”
ซูย้าวหายใจเข้าลึกๆ อย่างไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จะแก้ตัวอย่างไรก็คงฟังไม่ขึ้นเหมือนจะกระโดดลงแม่น้ำฮวงโหเพื่อล้างตัว กี่ครั้งก็ไม่มีวันสะอาด
เธอไร้สิ้นหนทาง ไม่รู้ว่าอธิบายสถานการณ์อย่างไรให้มีเหตุผลน่าฟัง ขณะนั้นเองเด็กน้อยที่อยู่บนเตียงขยับไปมา แล้วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
หมอคนแรกที่เห็นเด็กฟื้นขึ้นมา ก็รีบวิ่งอย่างรวดเร็วเข้ามา “หนู ตื่นแล้วเหรอ?”
เด็กน้อยค่อยๆ ลืมตา แล้วมองคนที่กำลังอยู่ตรงหน้า ปากเล็กๆ นั้นสั่นน้อยๆ ราวกับจะพูดอะไร
หมอเปิดเปลือกตาของเด็ก แล้วตรวจอาการ ก่อนจะถามคำถามง่ายๆ กับเขา จากนั้นเขาก็วินิจฉัยว่า “เด็กคนนี้ นอกจากอาการบาดเจ็บภายนอกกับแผลไฟไหม้แล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว!”
ตำรวจเข้ามาสอบถาม แต่เด็กชายกลับพูดซ้ำเพียงประโยคเดียว “พี่สาวล่ะ?”
“ใครคือพี่สาว?”
ซูย้าวได้ยินคำถามที่น่าสงสัยนั้น ก็ก้าวเข้าไปเอนตัวลงมองดูเด็กที่นอนป่วย “ทำไมถึงเรียกฉันว่าพี่สาวล่ะ ควรจะเรียกว่าน้านะ”
“แต่ว่าพี่สาวยังสาวยังสวยมากเลยนะ!” เด็กน้อยเริ่มมีพลัง คงเพราะไข้ลดลงแล้ว แต่เสียงที่พูดออกมานั้นก็ยังคงแผ่วเบา
ซูย้าวยิ้มน้อยๆ “งั้นหนูก็เรียกว่าน้าเถอะ!”
ตำรวจสับสนเล็กน้อย “น้า? คุณไม่ใช่แม่ของเด็กเหรอ?”
เธอส่ายหัวไปมา เด็กชายตัวน้อยก็พูดว่า “พี่สาวไม่ใช่แม่ของผม แม่อยู่ที่ไหน ผมก็ไม่รู้ พวกคุณช่วยหาแม่ให้หน่อยได้ไหม?”
ตำรวจตกตะลึง “ตามหาแม่?”
ทำไมคดีนี้กลายเป็นยิ่งซับซ้อนมากขึ้นล่ะ สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่……
ตำรวจทั้งสองคนยังพูดคุยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับเด็กในวอร์ดผู้ป่วย ซูย้าวกอดซีซีออกมารอด้านนอก
เธอกอดลูกสาวแล้วนั่งบนเก้าอี้ มองใบหน้าท่าทางกังวลของลูกสาว แล้วเหยียดปากยิ้ม “ซีซี ดูเหมือนว่าหนูจะเป็นห่วงพี่ชายตัวน้อยข้างใน ทำไมล่ะ?”
ซีซีกะพริบดวงตากลมโต ยังคงไม่พูดออกมา
“หรือว่าซีซีอยากเป็นเพื่อนกับพี่ชายล่ะ งั้นหนูรอให้เขาดีขึ้น แม่จะพาหนูมาเยี่ยมพี่ชาย ดีไหม?”
ไม่ง่ายนักที่ซีซีจะพยักหน้า และในที่สุดก็ยอมออกจากโรงพยาบาลไป
ซูย้าวขอให้หลินโม่ป่ายพาลูกสาวกลับโรงแรมพักผ่อนก่อน เกือบทั้งวันทั้งคืนที่เด็กน้อยต้องอยู่โรงพยาบาล จนน่ากังวลว่าจะไม่สบายไปอีกคน
หลินโม่ป่ายกอดซีซีไว้ แต่ดวงตาจ้องมองมาที่เธอ “แล้วคุณล่ะ?”
“สถานการณ์ทางนี้ของเด็กคนนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ตอนนี้ฉันยังไปไม่ได้ รอให้ไม่มีปัญหาอะไร ฉันจะค่อยกลับนะ!”
“โอเค พอฉันพาซีซีไปส่งแล้ว จะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณนะ”
หลินโม่ป่ายกุมมือน้อยๆของซีซีลงไปชั้นล่าง ขณะที่ทางนี้ซูย้าวก็รับสายโทรศัพท์
“อีกสามวันคุณจะไปลักเซมเบิร์กเหรอ ฉันจำเป็นต้องไปไหม อ้อ อย่างนี้…โอเค งั้นช่วยจองตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศสให้ฉันสิ!”
หลังจากซูย้าววางสายแล้ว สายตาของเธอก็หมองหม่นลง อีกสามวันจะมีงานสัมมนาของกรุ๊ปK ที่ลักเซมเบิร์ก เธอคงจะต้องยุ่งไปอีกหลายวัน