เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 281
บทที่ 281 จะไล่หนูไปไหม
เมื่อซูย้าวกลับไปถึงโรงแรม ก็เป็นเวลาช่วงเย็นแล้ว
ประตูห้องถูกเปิดออก ซีซีถึงกับตกใจค้าง เพราะในขณะที่เจอคุณแม่นั้น ยังเห็นอ้อมกอดของเธออุ้มเด็กชายไว้
เตียวเตียวหันมาทักทายกับซีซีและโม่หว่านหว่านอย่างเป็นกันเอง “สวัสดีครับคุณน้า น้องสาว!”
โม่หว่านหว่านลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามา “หวัดดีจ้ะเด็กน้อย หนูชื่ออะไรจ๊ะ”
“เตียวเตียวครับ!”
“เอ่อ…..”
เมื่อซีซีเห็นเด็กน้อย แววตาก็ไม่ได้สับสนซับซ้อนเหมือนกับโม่หว่านหว่าน กลับรู้สึกสนิทคุ้นเคย ความเย็นชาอย่างทุกๆวันแทบจะมลายหายไปสิ้น ซูย้าวอุ้มเตียวเตียวเข้าไปในห้อง เธอก็เดินตามเข้าไปทันที
อีกทั้งยังนำของเล่นมากมายจากห้องตัวเอง วิ่งเข้าไปหา แล้ววางของเล่นเหล่านั้นไว้บนเตียง ให้เตียวเตียวได้เล่น
เห็นเด็กน้อยสองคนเข้ากันได้ดี ซูย้าวจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่โม่หว่านหว่านได้ดึงมือของเธอแล้วลากออกไปด้านนอก
จากนั้นปิดประตูห้อง แล้วทั้งคู่ก็เดินออกไป
ประจวบกับหลินโม่ป่ายกลับมาพอดี ทั้งหมดจึงได้นั่งรวมกันที่ห้องรับแขก โม่หว่านหว่านพูดขึ้น “เด็กคนนี้ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงได้พากลับมาอีกแล้วล่ะ”
หลินโม่ป่ายก็ถามขึ้นเช่นกัน “ทางตำรวจกำลังตรวจสอบอยู่ไม่ใช่เหรอ หรือว่าเด็กคนนี้แอบกลับมาพร้อมกับคุณ”
ได้ยินดังนั้น เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น แล้วรีบอธิบาย “ครั้งนี้ไม่ใช่แล้ว ทางตำรวจอนุญาตเอง ฉันถึงได้พากลับมาด้วยไง”
“อนุญาตเหรอ” โม่หว่านหว่านสงสัย
เธอพูดขึ้น “ทางตำรวจทำความเข้าใจเบื้องต้นแล้ว ว่าเด็กน้อยคนนี้เป็นเด็กกำพร้า อาศัยอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ก่อนที่จะถูกหลายๆครอบครัวนำไปอุปการะเลี้ยงดู แต่สุดท้ายก็ถูกทอดทิ้งอีก และครั้งนี้เลวร้ายยิ่งกว่านั้น ครอบครัวที่รับไปอุปการะเลี้ยงดูยังทำทารุณกรรมและทรมานกับเด็ก ส่วนรายละเอียดทั้งหมดยังอยู่ในขึ้นตอนการตรวจสอบ แต่เด็กน้อยคนนี้ไร้เดียงสา ยังไม่อยากกลับไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ฉันจึงได้พากลับมาด้วย”
“……”
หลังจากที่ฟังจบแล้ว โม่หว่านหว่านกับหลินโม่ป่ายต่างแสดงออกอย่างหมดคำจะพูด
โดยเฉพาะโม่หว่านหว่าน กดเสียงต่ำพูดขึ้นทันที “เธอนี่มันจิตใจดีจริงๆ! ชินกับการทำดี! แต่นี่เป็นเด็กเลยนะ อีกทั้งบนตัวยังมีแต่บาดแผล ต่อให้ครั้งนี้ทางตำรวจทำการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับเธอ แต่เธอจะสุ่มสี่สุ่มห้าพาเด็กกลับมาบ้านด้วยไม่ได้!”
ซูย้าวกลับพูดขึ้น “ฉันพบเจอกับเด็กคนนี้หลายครั้งหลายหนเลยนะ คงจะมีวาสนาต่อกันแหละ! ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่เห็นเหรอ เขาเข้ากันได้ดีกับซีซีมาก!”
“แต่ว่าอารมณ์ของเด็กใครจะไปคาดเดาได้ ถ้าหากเกิดทะเลาะกันขึ้นมาล่ะ”
“……”
ซูย้าวอึ้ง แต่ได้พาเด็กกลับมาแล้ว จะให้เธอส่งกลับไป เธอทำไม่ได้
“พวกเธอก็เห็นแล้ว ว่าบนตัวของเด็กน้อยคนนี้เกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไร เด็กอายุไม่กี่ขวบ ย่อมไม่ผิดอะไร ฉันดูแลเด็กได้ ให้เด็กน้อยคนนี้อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกันนะ!”
ซูย้าวยืนกราน ทำให้โม่หว่านหว่านหมดคำพูด
การกลับประเทศครั้งนี้ โม่หว่านหว่านได้ใช้เวลาหลายวันที่ผ่านมายื่นใบสมัครงานให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง และเตรียมตัวจะไปทำงานในพรุ่งนี้
“เธอยื่นใบสมัครงานที่บริษัทอะไรเหรอ” ซูย้าวถามขึ้น
“เอ่อคือ…..” โม่หว่านหว่านหลบสายตา คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็พูดขึ้น “เธออย่าสนใจไปเลย เพราะถึงยังไงสิ่งที่ฉันเรียนมาก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ ไม่ว่าจะไปทำงานที่บริษัทไหน ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อเธอ!”
หลินโม่ป่ายมองเธอ จู่ๆก็พูดขึ้น “คงจะไม่ใช่กรุ๊ปเพ้ยซื่อนะ”
เธอรีบส่ายหน้าทันที “ไม่ใช่อย่างแน่นอน!” ไม่มีธุระฉันจะกลับไปที่กรุ๊ปเพ้ยซื่ออีกทำไม!
“อย่างนั้นเป็นบริษัทLGกรุ๊ปเหรอ” ซูย้าวถาม
โม่หว่านหว่านหลุกหลิก ใบหน้าอย่างกับเหมือนถูกคนจับได้ นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความตกใจ “เธอเดาออกได้ไง”
ซูย้าวสูดลมหายใจเข้า “แล้วแต่เธอแล้วกัน! ฉันไปดูเด็กๆก่อน”
เมื่อเธอลุกขึ้นเดินไปแล้ว โม่หว่านหว่านก็ดึงตัวหลินโม่ป่ายออกไปจากห้องในโรงแรม แล้วเดินมาที่ข้างๆบันได ก่อนที่จะสังเกตรอบๆจนแน่ใจว่าไม่มีคน ถึงได้กดเสียงพูดอย่างแผ่วเบา “ตรวจสอบไปถึงไหนแล้ว”
“ตรวจสอบมาได้เพียงคร่าวๆเท่านั้น ชาร์ลีเด็กคนนี้สองปีก่อนอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศมาโดยตลอด สองปีมานี้เพิ่งถูกหานฉ่ายหลิงพากลับมาประเทศ ตอนนี้กำลังเข้าเรียนชั้นอนุบาล” หลินโม่ป่ายกล่าว
แทบจะไม่แตกต่างไปจากข้อมูลที่โม่หว่านหว่านสืบค้นมาได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นแค่เพียงเด็กน้อยที่อายุห้าขวบ จะมีประวัติอะไรมากมายให้ตรวจสอบ โอกาสช่างริบหรี่
เธอครุ่นคิด “หาโอกาสใกล้ชิดกับเด็กได้ไหม แล้วเจาะเอาเลือดหรือเส้นผม น้ำลายก็ได้ เพื่อนำมาตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ”
หลินโม่ป่ายครุ่นคิด แม้ว่าวิธีนี้จะดูบุ่มบ่ามไปหน่อย แต่ชั่วโมงนี้ลองดูก็ไม่น่าจะเสียหาย
“ผมจะลองดูแล้วกัน!” เขากล่าว
โม่หว่านหว่านรีบพูดขึ้น “คุณไปจัดการเรื่องของชาร์ลี ส่วนซูย้าวฉันจะไปจัดการเอง อีกอย่างข้อมูลของโรงเรียนอนุบาลที่ชาร์ลีกำลังเรียนอยู่ในขณะนี้ ส่งสำเนามาให้ฉันหนึ่งฉบับนะ”
“คุณคิดที่จะ…..”
โม่หว่านหว่านหัวเราะเบาๆ ท่าทางเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก ที่ราวกับแค่มองตาก็รู้ใจ
เธอกับหลินโม่ป่ายต้องการจะหาเด็กที่แอบถูกขโมยไปเมื่อห้าปีก่อนให้เจอ เพื่อชดเชยความเจ็บปวดจากการพลัดพรากจากลูกแท้ๆของซูย้าวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเพื่อบรรเทาความเสียใจที่พวกเขาทั้งสองคนไม่สามารถปกป้องเด็กน้อยในวันนั้นไว้ได้
ที่ห้องด้านใน เตียวเตียวฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี ผ่านไปแค่เพียงวันเดียว ก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ดูร่าเริงแจ่มใส กำลังนั่งเล่นตัวต่อบ้านอยู่ที่พื้นกับซีซี
ซูย้าวได้ยกจานผลไม้เข้ามา เมื่อวางจานผลไม้ลง ซีซีก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่อ่างล้างมือ
ส่วนเตียวเตียวจึงอาศัยจังหวะนี้ได้ถามขึ้น “คุณน้า ซีซีพูดไม่ได้เหรอครับ”
ซูย้าวอึ้ง แล้วอธิบายขึ้น “ไม่ใช่ว่าพูดไม่ได้จ้ะ เธอแค่ไม่ยอมพูดเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม”
มือของเตียวเตียวยังมีบาดแผล จึงไม่เหมาะที่จะล้างมือด้วยน้ำเปล่า ซูย้าวจึงหยิบทิชชูเปียกมาช่วยเขาเช็ดมือ แต่ก็ได้ยินเตียวเตียวพูดขึ้นอีก “ที่แท้เธอก็พูดได้ด้วย!แล้วซีซีไม่ยอมพูดแบบนี้ คุณน้าคงกลุ้มใจมากใช่ไหมครับ”
“จ้ะ!”
เมื่อเช็ดมือเสร็จ ซูย้าวก็ยื่นจานผลไม้ไปให้เตียวเตียว เพื่อให้เขาทาน เด็กน้อยจึงเบิกตาดำดวงกลมโตขึ้น ยิ้มแล้วพูด “ถ้าอย่างนั้นหากหนูสามารถทำให้เธอพูดได้ คุณน้าจะดีใจไหมครับ”
“แน่นอนสิจ้ะ! แต่หนูจะลองดูก็ได้นะ” เธอแค่พูดไปอย่างนั้น
แต่เตียวเตียวกลับมองมาที่เธอ “ถ้าหากคุณน้าดีใจ คุณน้าอย่าไล่หนูไปไหนได้ไหมครับ”
เพียงประโยคเดียวก็บีบเข้าไปในหัวใจซูย้าว
เธอมองเด็กชายตัวน้อยๆที่อยู่ตรงหน้า เขาเพิ่งจะตัวแค่นี้ ที่อายุแทบจะไล่เลี่ยกับซีซี แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาเผชิญมา ก็ทำให้หัวใจถึงกับจี๊ดขึ้น ซูย้าวยกมือไปจับที่แก้มของเด็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เด็กน้อย ในเมื่อน้าพาหนูกลับมาแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะไล่หนูไปไหน นอกจากหนูไม่อยากจะอยู่ที่นี่เอง แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร น้าจะช่วยหนูหาสถานที่ดีๆ……”
ยังไม่ทันได้พูดจบ เตียวเตียวส่ายหัวไม่หยุดราวกับป๋องแป๋ง “หนูจะไม่ไปไหน! หนูชอบคุณน้า ชอบน้องซีซี หนูอยากอยู่ที่นี่! ขอเพียงคุณน้าไม่ไล่หนู หนูก็จะไม่ไปไหน”
“จ๊ะ น้าจะไม่ทำอย่างนั้น!”
เตียวเตียวกางแขนนุ่มๆสองข้างออก แล้วโผเข้ากอดเธอ จนตัวเด็กน้อยแนบชิดอยู่ที่ทรวงอก ศีรษะน้อยๆซบอยู่ใต้ลงแขนของเธอ สักพักมีเสียงพึมพำดังขึ้น “อย่างนั้นหนูขอเรียกคุณน้าว่าคุณแม่ได้ไหมครับ”
“เอ่อคือ……”
ซูย้าวตะลึงงัน ตั้งแต่จากเจิ้งเอ๋อมา ตั้งแต่ซีซีไม่ยอมพูดยอมจา หลายปีมาแล้วที่ไม่เคยมีใครเรียกเธอว่าแม่อีก
แต่ในเวลานี้ดันมีเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นและได้ทำลายบรรยากาศลง
ซูย้าวได้คลายตัวเด็กน้อยออก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นพร้อมอธิบาย “เด็กดี! น้าออกไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ หนูกับน้องทานผลไม้อยู่ที่นี่ก่อน”
พูดปลอบเด็กน้อยเสร็จ เธอก็ลุกพรวดพราดออกจากห้องไป
เพราะหันหลังเร็วเกินไป จึงไม่ทันเห็นถึงแววตาผิดหวังของเด็กน้อยที่อยู่ด้านหลัง ที่เต็มไปด้วยความอ้างว้างและความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
“ซูย้าว ออกมาเจอกันหน่อย มีเรื่องต้องการจะคุยด้วย เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเจิ้งเอ๋อ”
เสียงคู่สายนั้นเป็นเสียงเย็นชาดุจน้ำแข็งที่เกาะตัวกันเป็นชั้นๆของลี่เฉินซี
“ไปเจอกันที่คอนโดฯของคุณที่อยู่ถนนผูขุยแล้วกันนะ”